บท
ตั้งค่า

13

ภูผาเข้ามาแตะไหล่พรานบุญมีและเอ่ยปากบอกด้วยน้ำเสียงหนักแน่นประหนึ่งคำมั่นสัญญาเมื่ออีกฝ่ายเงยหน้าขึ้นสบประสานสายตามุ่งมั่นจริงใจอย่างที่สุด พรานบุญมีจึงได้หันหลังเดินกลับไปเงียบ ๆ อย่างรู้สึกผิด ผิดที่รีบตัดสินเท่าที่ตาเห็นไม่ถามสักคำทำเหมือนไม่รู้จักลูกสาวของตัวเอง........

“เดี๋ยวสิพี่...ทำไมไม่ลากนังกอหญ้าไปด้วย” ผการีบเดินตามสามีแม้จะอุ้ยอ้ายเต็มที หล่อนยังไม่สาแก่ใจแค่นี้หรอก ก่อนที่นังกอหญ้าจะหนีกลับกรุงเทพฯ หล่อนควรจะได้โขกสับมันในฐานะลูกเลี้ยงให้หนำใจก่อนสิ.....

“อุ้ย...ว้าย !” ผกาผวาจับราวบันไดเอาไว้แน่นเกือบลื่นตกบันไดแล้วไหมล่ะ ดูไอ้แกสิ......หันมามองแค่นิดเดียวก็เดินจ้ำออกไปไม่เหลียวหลัง.... “โธ่โว้ย !.....” ผกาขยี้หัวตัวเองที่ไม่ได้อย่างใจ.......

ก๊อก...ก๊อก...ก๊อก....

“กอหญ้า” ผ่านไปราวชั่วโมงเศษ ภูผาให้เวลากอหญ้าได้ทำใจกระทั่งเขาอาบน้ำแต่งตัวเสร็จเรียบร้อยแล้ว ห้องนอนเล็กก็ยังเงียบเชียบ เขาจึงได้เคาะประตูเรียก.......คนเราทุกข์ได้เสียใจได้ แต่ไม่ใช่จมอยู่กับมันจนก้าวไปข้างหน้าไม่ได้ และเขาคิดว่าน่าจะเพียงพอแล้วสำหรับเวลาที่เสียไปกับความทุกข์ใจ กอหญ้าเหมาะที่จะอยู่กับความสดใสมากกว่า

“..............”

“กอหญ้า ฉันหิวข้าวออกมาทำเร็ว ๆ เข้า” ชายหนุ่มยืนเท้าเอวอยู่หน้าห้องนับถอยหลังในใจหากนับหนึ่งถึงสามไม่มีปฏิกิริยาจากคนข้างในคงต้องใช้กุญแจสำรอง

ชั่วอึดใจ ประตูก็เปิดผัวะออกมาพร้อมกับภาพเจ้าของห้องที่หัวหูฟูฟ่องปากเบะ หน้าตาปลายจมูกแดงก่ำ ร่างบางโผเข้าหาเรือนร่างแข็งแกร่งพลางสวมสอดกอดเอวร้องไห้สะอึกสะอื้นทำเอาคนตัวโตยืนแข็งทื่อทำอะไรไม่ถูกไม่เคยปลอบใครเสียด้วยจึงได้ยืนนิ่งเป็นเสาหิน

“นาย...ฮือ ๆ ....ฮึก...มะ..ไม่มีใครรักหญ้าแล้ว...โฮ ๆ ๆ ....” เรือนร่างบอบบางสั่นสะท้าน หญิงสาวคร่ำครวญสะอื้นไห้แลดูน่าเวทนาพาหัวใจแกร่งสั่นไหว

“เอ่อ...มีสิ...คนบ้าอะไรวะไม่มีใครรัก” คำปลอบโยนที่คิดว่าดีที่สุดหลุดออกจากปากชายหนุ่มผู้หาความละเมียดละไมไม่เคยเจอ

“ก็ไอ้หญ้าไง้......นายไม่เห็นเหรอ พ่อเข้าข้างนังผกา พ่อตบหญ้า...ฮือ ๆ ๆ ........” หญิงสาวเงยหน้าจากอกแกร่งขึ้นมาเถียงฉอด ๆ มิหนำซ้ำยังค้อนคนพูดตาคว่ำก่อนจะมุดหน้าลงไปใหม่

“ฉันนี่ไงกอหญ้า ฉันอยู่ข้างเธอนะ”

“ไม่มีใครรักหญ้าเลย...ฮือ ๆ ๆ...ฮึก...” หญิงสาวเกลือกกลิ้งใบหน้าชุ่มน้ำตากับอกเสื้อแถมยังคร่ำครวญไม่หยุดปาก

“ฉันรักเธอเองก็ได้” พูดจบก็แทบจะกัดลิ้นตัวเอง กูพูดออกไปได้ไงวะเนี่ย

“ฮือ ๆ ๆ จริงนะนาย” หญิงสาวเงยหน้ามองคนพูดผ่านม่านน้ำตาเพื่อดูให้แน่ใจว่าเขาพูดจริงใช่ไหม

“เออ...เลิกร้องไห้ได้ยัง ฉันหิวแล้ว” ภูผาทำเป็นบอกเสียงดุกลบเกลื่อนอาการขัดเขิน

กอหญ้าหยุดร้องไห้ได้ราวปิดสวิทซ์ หล่อนเอียงใบหน้าเช็ดน้ำตาน้ำมูกกับอกเสื้อตัวใหม่เอี่ยมอีกครั้งก่อนจะได้สติ นึกขึ้นได้มองเสื้อเจ้านายตาโต

“เอ่อ.....นายภูเปลี่ยนเสื้อก่อนดีไหมคะ...แฮร่...เลอะหมดแล้ว” หญิงสาวทำหน้าปูเลี่ยน ๆ ที่เห็นเสื้อของเขาเลอะไปด้วยน้ำมูกน้ำตาคงออกจากบ้านในสภาพนี้ไม่ได้แน่

“ฉันคงต้องอาบน้ำใหม่ด้วยเลยล่ะมั้ง” ชายหนุ่มมองสภาพของตัวเองแล้วได้แต่ทอดถอนใจ...เฮ้อ...น่าอเนจอนาถแท้ ๆ

“เดี๋ยวหญ้าซักคืนให้รับรองสะอาดเอี่ยมอ่องหอมกว่าเดิมอีก” หญิงสาวบอกอย่างเอาใจ

“หึหึ...หอมกว่าเดิม?” ภูผาเลิกคิ้วเป็นเชิงไม่เชื่อถือ

“โธ่.....ไหนว่าจะรักหญ้าไงคะนาย ลูกน้องสุดที่รักทำเลอะแค่นี้ทำเป็นบ่น”

“ลูกน้องสุดที่รัก?” ชายหนุ่มงง ว่าเขาแต่งตั้งให้เจ้าหล่อนเป็นลูกน้องสุดที่รักตั้งแต่เมื่อไหร่กัน

“อ๊ะ ๆ ๆ เมื่อกี้นี้เอง สด ๆ ร้อน ๆ นายบอกว่าจะรักหญ้าเอง”

“เออ...ลูกน้องสุดที่รักก็ได้วะ” ชายหนุ่มคิดว่าก็ยังดีที่ยัยตัวแสบเข้าใจแบบนั้น

“งั้นหญ้าไปทำอาหารเช้าให้ก่อนนะคะ เจ้านายสุดที่รักรอแป๊บเดียวค่า.......” จากอาการเหมือนหมาหงอยกลับกระปรี้กระเปร่าขึ้นผิดหูผิดตา

ภูผามองคนที่ยิ้มแก้มแทบแตกแล้วส่ายหน้าพร้อมกับอดยิ้มตามไปด้วยไม่ได้ ......สาบานว่านี่คือคนที่เป็นสาวแล้วจริง ๆ ใช่ไหมวะ.....ชายหนุ่มมีแววกังวลอยู่ลึก ๆ หวังว่าเรื่องราวคงจะจบลงแค่นี้อย่าได้ลุกลามบานปลายไปเลยเพราะปฏิเสธไม่ได้ว่า ต้นเหตุมาจากตัวเขาเองนี่แหละที่ไม่รู้จักจัดการกับอารมณ์ปล่อยไปตามเหตุการณ์จนเกิดเรื่องจนได้....

บทที่ 5

วันนี้กอหญ้าได้รับอนุญาตให้อยู่บ้านหนึ่งวัน หญิงสาวไม่ปล่อยเวลาให้เปล่าประโยชน์หล่อนเก็บเสื้อผ้าของนายภูผานำไปซักเพราะแดดจัดจากนั้นก็เก็บกวาดทำงานบ้านจนกระทั่งตกบ่ายก็นำเสื้อผ้าสะอาดหอมกลิ่นแดดมารีดจนเรียบกริบกว่าจะเสร็จก็เล่นเอาเหงื่อตกหล่อนจัดการดับไฟเอาถ่านออกจากเตารีดเรียบร้อยเตรียมจะทำอาหารเย็นต่อแต่ก็มีคนมาเรียกที่หน้าบ้านพอดี

“กอหญ้า........... กลับมาเมื่อไหร่ลูก” นางบัวคำยืนเกาะรั้วชะเง้อชะแง้แลเข้ามาข้างใน หล่อนเอ่ยทักทายอย่างดีใจที่เห็นหญิงสาวเต็มตา นางเห็นกอหญ้ามาแต่เล็กแต่น้อยเพราะเป็นเพื่อนรุ่นเดียวกับแม่ของหล่อนจึงได้รักใคร่เอ็นดูกันมานาน ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะเป็นแบบที่มีข่าวลือหนาหู จนต้องมาดูให้เห็นกับตาเพราะเชื่อไม่ลงจริง ๆ

“สวัสดีค่ะป้าบัวคำ....เข้ามานั่งก่อนสิจ๊ะ” หญิงสาวเปิดประตูรั้วให้ผู้สูงวัยเข้ามานั่งที่โต๊ะปีกไม้ใต้ต้นตะแบกหน้าบ้านพักแล้วกุลีกุจอยกน้ำเย็นผสมน้ำยาอุทัยทิพย์สีชมพูหอมชื่นใจมาให้

“แล้วนี่เรียนจบแล้วเหรอ ไปเจอกับนายภูผาเข้าได้ยังไงล่ะ” นางบัวคำถามหลังจากดื่มน้ำไปอึกใหญ่......

“อ๋อ...เจ้านายเป็นหลานหม่อมเนื้อทองจ้ะป้าหนูก็เพิ่งจะรู้เหมือนกัน หม่อมท่านก็เลยฝากหญ้ากลับมาด้วยไหน ๆ ก็มาที่นี่เหมือนกัน

“แค่นั้นจริง ๆ เหรอ แล้วทำไมถึงไม่กลับบ้านกลับช่อง เป็นสาวเป็นนางมานอนค้างอ้างแรมบ้านผู้ชายข้าว่าไม่ค่อยงามเท่าไหร่นา......” นางบัวคำเตือนอ้อม ๆ ด้วยความเป็นห่วงเพราะความจริงที่รู้มานั้นมันแย่ยิ่งกว่านี้ แต่หล่อนไม่เชื่อว่ากอหญ้าจะเป็นคนแบบที่เขาพูดกัน

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel