10 จำได้ลางๆ
ไม่นานนักร่างระหงก็เดินลงบันไดมา ป้าชื่นจึงรีบตักข้าวสำหรับหวันยิหวาและภูดิศ ระหว่างที่ทานอาหารภูดิศก็เล่าถึงเรื่องของดวงใจ
“ขอบคุณนะครับ ที่คุณยอมมาทานข้าวกับผม”
“ค่ะ” หวันยิหวาพยักหน้า
“พรุ่งนี้แม่คุณก็จะได้ออกจากโรงพยาบาลแล้วนะครับ”
“คุณรู้ได้ไงคะ?”
“พอดีผมขับรถผ่านแถวนั้นเลยแวะไปเยี่ยมคุณดวงใจครับ”
“คุณไปทำอะไรแถวนั้นเหรอคะ?” ‘ยังไม่ทันได้เป็นเมียเลยถามอย่างกับเป็นซะแล้วแบบนี้ต้อง...’ ภูดิศยิ้มที่มุมปากเล็กน้อยแล้วตอบคำถามคนที่เขาอยากได้เธอเป็นเมียเสียตั้งแต่ตอนนี้
“ผมเอาผักไฮโดรโปนิกส์ไปส่งให้ลูกค้ามาครับ”
“เหรอคะ? ปกติเวลาคุณไปส่งฉัน ๆ ไม่เห็นคุณเข้าไปเยี่ยมด้วยกันเลยนะคะ” หัวคิ้วเรียวโก่งขมวดย่นด้วยความสงสัยและไม่ค่อยเชื่อในสิ่งที่เขาพูด
“ผมเกรงใจครับ คุณดวงเป็นเจ้านาย ผมเป็นแค่ลูกน้อง”
“งั้นเหรอคะ?” หล่อนทำเสียงสูง เพราะดูจากแววตาเขากำลังโกหกอะไรสักอย่างอยู่เป็นแน่
“พรุ่งนี้คุณเตรียมตัวนะครับ ผมจะพาคุณไปรับแม่” ภูดิศ รีบเปลี่ยนเรื่องคุยเพราะไม่อยากที่จะโดนไล่เบี้ย
เมื่อทั้งคู่ทานอาหารเย็นเสร็จ ชายหนุ่มตรงหน้าก็เอ่ยปากชวนหญิงสาวไปเดินเล่น
“คุณยิหวาผมว่าเรา..ไปเดินเล่นกันดีมั้ยครับ?”
“ไม่ดีกว่าค่ะ”
“เดินให้อาหารย่อยสักนิดก็ยังดีนะครับ”
“ไม่ค่ะฉันมีเรื่องอื่นต้องทำ”
“ผมว่าคุณไม่มีอะไรต้องทำหรอก คุณยังไม่หายโกรธผมมากกว่า” ภูดิศช่างจะตื๊อไม่ลดละ ‘ยอมไปสักครั้งคงไม่เป็นไร’
“ถ้าคุณสัญญาว่าจะไม่ทำรุ่มร่ามแบบเมื่อกลางวันอีกฉันก็ยินดีจะไปเดินเล่นกับคุณค่ะ”
“ได้ครับ ผมให้สัญญา” พ่อเลี้ยงดีใจที่ความพยายามในการง้อสำเร็จและคิดว่าหวันยิหวาคงหายโกรธเขาบ้างแล้ว
เจ้าของร่างระหงกวาดสายตามองป้ายบอกสถานที่ ภูดิศ พยายามแนะนำให้หญิงสาวรู้จักขั้นตอนต่าง ๆ เกี่ยวกับการเก็บชาและพาหวันยิหวาไปชิมเค้กชาในคาเฟ่ แสงแดดสาดส่องในยามพลบค่ำ ท้องฟ้าเริ่มเป็นสีแดง ปรากฏเรือนกายที่ขาวเนียนเด่นเป็นสง่าในเวลานี้ ภูดิศล้วงเข้าไปหยิบสมาร์ตโฟนในกระเป๋ากางเกงขึ้นมา
“คุณยิหวาครับ ผมขอถ่ายรูปคุณเก็บไว้ได้มั้ยครับ”
“ทำไมเหรอคะ?”
“วิวในไร่ชาในยามนี้สวยครับ แสงก็กำลังพอดี ถ้าคุณถ่ายรูปในเวลานี้ จะออกมาสวยครับ และคุณก็สวยจริง ๆ ครับ ผมขอชม” สายตาเจ้าชู้และลมปากของเขาได้ผล
“คุณเล่นชมฉันขนาดนี้ ถ้าไม่ยอมให้ถ่ายคงจะใจร้ายสินะ”
“ผมพูดจริง ๆ ครับ วันนี้คุณสวยมาก” ภูดิศไม่ได้หลอกตัวเองเขาไม่อาจละสายตาได้เลย
“ก็ได้ค่ะ แต่ฉันว่าคุณมาถ่ายคู่กับฉันก็ได้” เมื่อหญิงสาวยื่นข้อเสนอให้ถ่ายรูปคู่ได้ ภูดิศจึงไม่รอช้า รีบเข้าไปถ่ายรูปกับเธออย่างใกล้ชิด
“งานที่นี่เป็นยังไงบ้างครับคุณสนใจที่จะทำหรือเปล่า?”
“ก็น่าสนดีนะคะ ฉันไม่ค่อยมีโอกาสทำงานในไร่แบบนี้” หวันยิหวาหันมาตอบ คำถามของภูดิศ
“ถ้าคุณอยู่ทำงานที่นี่ พ่อเลี้ยงต้องดีใจมากแน่ ๆ เลยครับ”
“ทำไมเหรอคะ?”
“ก็พ่อเลี้ยงอยากให้คุณหวันยิหวามาทำงานด้านบัญชีครับ”
“คุณรู้ได้ยังไงเหรอคะ? พ่อเลี้ยงยังไม่เคยเจอฉันมาก่อนเลย”
“พ่อเลี้ยงสอบถามจากคุณดวงใจแม่ของคุณครับ และอีกไม่นานพ่อเลี้ยงก็จะกลับมาครับ”
“คุณเป็นลูกน้องที่รู้เรื่องของเจ้านายได้ดีมากเลยนะคะ”
“เออ!..ครับ ฮ่าๆ เจ้านายผมเขาใจดีครับ”
“คุณอยากได้คนนำเที่ยวไหมครับ?” ภูดิศรีบเปลี่ยนเรื่องคุยเพราะกลัวหลุดพูดและเพราะไม่อยากให้เธอถามเกี่ยวกับตัวเขาอีก
“หมายถึงคุณจะเป็นไกด์เหรอคะ?”
“ถ้าคุณยิหวาไม่รังเกียจ ผมก็ยินดีครับ”
“ก็ได้ค่ะ”
“แล้วคุณจะว่างไปเที่ยวกับผมวันไหนดีครับ?” เขาลองหยั่งเชิงถามไป
“ฉันยังไม่แน่ใจเลยค่ะ ก็จนกว่าพ่อเลี้ยงคนใหม่จะมาทำงาน หรืออาจต้องรอให้คุณแม่หายดีเสียก่อน”
‘แสดงว่ายิหวายังไม่รู้เรื่องพินัยกรรม แล้วทำไมน้าดวงใจถึงไม่ยอมบอกยิหวาสักที’ ภูดิศครุ่นคิด
“ถ้าพ่อเลี้ยงคนใหม่อยากให้คุณอยู่ช่วยงานเขาตลอดไปละครับ”
“คงไม่หรอกมั้งค่ะ ฉันแค่มาช่วยเขาทำบัญชีก็เท่านั้น ส่วนงานในไร่เขามีคนพร้อมอยู่แล้ว”
ชายหนุ่มตรงหน้ายักไหล่ หวันยิหวาเริ่มแอบสงสัยในตัวภูดิศ ดูเขาไม่เหมือนหัวหน้าคนงานในไร่อย่างที่เขาบอก และยังสามารถออกคำสั่งกับคนงานในแผนกอื่น ๆ ได้ด้วย ‘หรือว่าจะเป็นลูกน้องคนสนิทของพ่อเลี้ยงกันแน่’
“พรุ่งนี้ก่อนไปรับคุณดวงใจ ผมจะพาคุณไปเที่ยวที่หนึ่งก่อน พอดีมันเป็นทางผ่าน รับรองว่าคุณต้องชอบ”
“พรุ่งนี้คุณไม่ต้องทำงานหรือคะ?”
“ไปรับคุณดวงใจเป็นคำสั่งของพ่อเลี้ยงภูดิศครับ และผมก็ทำงานที่เจ้านายสั่ง”
“แล้วเรื่องที่คุณพาฉันแวะเที่ยวอยู่ในคำสั่งคุณภูดิศด้วยเหรอคะ?”
“ก็ไม่เชิงหรอกครับ ผมแค่อยากให้คุณเห็นความสวยงามของที่นี่ และถ้าคุณชอบและอยากไปเที่ยวที่อื่นอีก ผมก็จะเบี้ยวงานเพื่อคุณ”
“คงไม่ดีหรอกค่ะ ฉันไม่อยากให้คุณเสียงาน”
“ล้อเล่นครับที่อื่น ๆ ผมจะพาคุณไปตอนวันหยุดครับ” ภูดิศรีบแก้ตัวลืมไปว่าเขาเองเป็นแค่หัวหน้าคนงานไม่ใช่เจ้าของไร่
“งั้นต้องรอฉันทำงานที่นี่ไปสักระยะก่อนนะคะ ถ้าฉันเพิ่งมาทำงานแต่หนีเที่ยวมันจะดูไม่ดี”
“ก็ได้ครับ”
“เหมือนคุณเอียดสนิทกับพ่อเลี้ยงนะคะ”
“เออ!..ก็ไม่นะครับ”
เช้าวันนี้ภูดิศพาหวันยิหวาไปรับดวงใจออกจากโรงพยาบาล เมื่อกลับมาถึงบ้านดวงใจก็ไม่ลืมในสิ่งที่ภูดิศได้ขอไว้พ่อเลี้ยงภูดิศพาดวงใจมาส่งที่เรือนเฟื่องฟ้าที่ดวงใจและพ่อของเขาใช้อยู่ร่วมกัน ซึ่งวันแรกที่หวันยิหวามาที่นี่ เขาก็พาเธอมาพักเรือนนี้
“แม่ค่ะ!..เรือนเฟื่องฟ้า แม่อยู่กับพ่อเลี้ยงแสนคำที่นี่ใช่ไหมคะ?” หวันยิหวาเริ่มจำได้ขึ้นมาเพราะตอนเด็ก ๆ ก็มาวิ่งเล่นที่นี่ประจำ
“ใช่แล้วลูก ตอนเด็ก ๆ หนูก็เคยอยู่ที่นี่แต่หนูอาจจะจำไม่ได้ พ่อเลี้ยงปรับปรุงไปเยอะมาก เมื่อก่อนเป็นแค่เรือนไม้สองชั้นธรรมดา แต่ตอนนี้ต่อเติมออกไปเยอะ
“แล้วนายเอียดทำไมไม่บอกหนูแต่แรกว่าแม่ก็อยู่ที่นี่”
“แม่ก็ไม่รู้สิ?” ดวงใจไม่รู้จักบอกหวันยิหวายังไง เขารับปากกับภูดิศไปเสียแล้ว แต่ถ้าเลยกำหนดแล้วลูกเลี้ยงเธอยังจะโกหกต่อไปอีก ดวงใจก็ไม่มีความจำเป็นต้องช่วยโกหกอีกต่อไป
“เออ!...แม่ แล้วเมื่อไหร่ลูกชายพ่อเลี้ยงเขาจะกลับมาล่ะคะ”
“หนูถามถึงเขาทำไมเหรอ?”
“ก็ถ้าเขามาหนูก็จะได้เริ่มงานสักทีค่ะ ไม่อยากอยู่นั่ง ๆ นอนเป็นภาระใคร”
“ไม่เกินวันสองวันนี้เขาก็ต้องกลับมา หนูใจเย็น ๆ นะ”
“แม่พอจะมีรูปเขาไหมคะ?”
“หนูจะเอาไปทำเหรอลูก?”
“ก็หนูอาจต้องทำงานอยู่ที่นี่ ก็ต้องรู้จักกันไว้ค่ะ เผื่อบังเอิญไปเจอเขา จะได้นึกออกไงคะ”
“หนูจำพี่เขาไม่ได้เหรอลูก ตอนเด็ก ๆ หนูก็เล่นกับพี่เขาอยู่นะ”
“ก็พอจำได้บ้างค่ะ แต่มันไม่เหมือนกันแล้วค่ะแม่ ตอนนี้โต ๆ กันแล้ว”
“พรุ่งนี้แม่จะให้เขากลับมาเอง หนูไม่ต้องห่วงหรอก”
“นี่แม่มีอำนาจถึงกับสั่งพ่อเลี้ยงคนใหม่ได้เลยเหรอคะ?”
“ได้สิลูก! เขาควรมาทำหน้าที่ของเขาได้แล้วไม่ใช่ลอยไปลอยมา นึกจะทำอะไรก็ทำ”
