ตอนที่ 6 อาวุธนั้น ท่านจะใช้จริงๆ นะหรือเจ้าคะ?
“ก๊อกๆๆ ก๊อกๆๆ”
“ครับๆ มาแล้วๆ”
“ได้เวลาตื่นนอนแล้วเจ้าค่ะท่านซาชิ ดิฉันต้องขออนุญาตทำความสะอาดร่างกายและเปลี่ยนเครื่องสวมใส่ของท่านด้วยเจ้าค่ะ”
“คือว่านะไมนด์ วันนี้ขอไม่ถอดกางเกงได้ไหม ตรงนั้นผมขอทำเองแล้วกัน…นะ”
“เอ๋!...ท่านรังเกียจดิฉันแล้วหรือเจ้าคะ?”
“ไม่ๆๆ ไม่ใช่อย่างนั้น คือผมก็อายเป็นนะ” ถึงจะบอกแบบนี้แต่ไมนด์ก็ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้
“แล้วอีกอย่าง ผมขอชุดที่จะเปลี่ยนวันนี้เลยได้หรือเปล่า? ผมจะลองอะไรสักหน่อย”
“ออ...ได้เจ้าค่ะ” ท่าทางของไมนด์แย่กว่าเดิมอีก
ถึงจะตอบแบบนี้แต่เธอดูเศร้าอย่างเห็นได้ชัด สาวใช้ที่ถูกปฏิเสธให้ทำงานคงจะรู้สึกแย่สินะ คงจะต้องวานให้ทำอย่างอื่นแล้วสิ
“ไมนด์ วันนี้ช่วยหาผลไม้อร่อยๆ ให้ผมทานอีกได้ไหม?”
“วันนี้...ได้เลยเจ้าค่ะ!!”
เธอเริ่มมีสีหน้าดีใจออกมา ทำให้เข้าใจเธอขึ้นมานิดหนึ่งแล้วสิ ทั้งที่เมื่อวานยังบอกว่าตัวเองไม่มีความรู้สึกแท้ๆ
หลังจากทำความสะอาดร่างกายแล้ว ผมจึงเก็บเครื่องสวมใส่ชุดใหม่เข้าไปใน [ไอเทมบ็อกซ์] แล้วลองเปลี่ยนชุดโดยการเลือกจากช่อง [ไอเทมบ็อกซ์] และมันก็ใช้ได้จริงๆ เหมือนเวลาผมสวมใส่อุปกรณ์เวลาเล่นเกมของคุณพ่อ และผมก็ส่งเครื่องสวมใส่ชุดเก่าให้กับไมนด์
“วันนี้ท่านซาชิจะทำอะไรหลังจากทานอาหารเช้าแล้วหรือเจ้าคะ?”
“วันนี้จะเริ่มฝึกแล้วละ ผมคงต้องฝากไมนด์ช่วยให้คำแนะนำผมด้วยนะ”
“จะดีหรือเจ้าคะ? ดิฉันไม่มีความสามารถด้านการต่อสู้เลย เพราะคนอย่างดิฉันที่แม้แต่จะเข้าเผ่าอันเดดก็ยังมิได้ จะมีประโยชน์แก่ท่านได้อย่างไรเจ้าคะ?”
“มีสิ เพราะผมไม่ค่อยรู้เรื่องของที่นี่เลย ไมนด์ที่อาศัยอยู่ที่นี่ต้องรู้ดีกว่าผมอยู่แล้ว แต่...ผมเพิ่งจะรู้ว่าไมนด์ไม่ได้อยู่ในเผ่าอันเดด ทำไมเหรอ? พอจะเล่าให้ฟังได้หรือเปล่า?”
“เพราะดิฉันไม่มีความสามารถที่ใช้ต่อสู้ได้เจ้าค่ะ อันเดดจะเน้นเรื่องการต่อสู้ประชิดตัว และไม่นิยมใช้เวทมนต์ เนื่องจากกายเนื้อของมนุษย์ที่ไร้ซึ่งความเจ็บปวดจึงทำให้สามารถใช้แรงได้อย่างมหาสารเจ้าค่ะ หากไม่มีความสามารถที่ใช้ในการต่อสู้ได้ ก็ไม่สามารถเข้าเผ่าอันเดดและไม่สามารถรับชื่อได้หรอกเจ้าค่ะ”
คงจะเหมือนในหนังซอมบี้ที่บอกว่าสมองคนเรามีลิมิตทำให้ใช้แรงกายได้แค่ 30-50 เปอร์เซ็นต์ แต่พอตายไปเป็นซอมบี้เลยใช้แรงกายได้ 100 เปอร์เซ็นต์สินะ คงไม่ต้องสงสัยแล้วว่าทำไมผมถึงสู้แรงของเธอไม่ได้ แล้วเรื่องชื่อของเธอ...
“ชื่อ...เกี่ยวกับการเข้าเผ่าด้วยเหรอ?”
“เจ้าค่ะ หากมิได้เข้าเผ่าก็ไม่สามารถเข้าพิธีสร้างตราประทับวิญญาณและรับชื่อได้ หากไร้ซึ่งขั้นตอนนั้น สิ่งมีชีวิตบนพิภพนี้ก็จะอ่อนแอ ไม่สามารถใช้ความสามารถใดๆ ได้เจ้าค่ะ”
ไมนด์เล่าเรื่องนี้ไปพร้อมสายตาที่ดูเศร้าสร้อย เธอคงลำบากมากเลยสินะ
“ที่ดิฉันไม่ถูกคนในเผ่าอันเดดยอมรับนั้นก็เพราะดิฉันไม่มีความสามารถที่พวกเขาต้องการ ดิฉันเกิดมาพร้อมกับทักษะ [คนครัว] กับ [ค้นพบ] จึงได้ถูกบอกว่าไม่มีประโยชน์เจ้าค่ะ”
“ก็เป็นความสามารถที่ดีนี่น่า [คนครัว] ก็ทำอาหารได้ ส่วน [ค้นพบ] ก็ใช้ในการตรวจหากับดักก็ได้ สำคัญมากเลยนะสำหรับการทำงานเป็นทีม”
“ไม่เป็นเช่นนั้นหรอกเจ้าค่ะ ท่านก็เห็นอาหารของที่นี่แล้ว ปีศาจจะชอบทานของสดมากกว่า นั่นก็คือไม่จำเป็นต้องปรุง [คนครัว] ของดิฉันจึงไม่พัฒนา ส่วน [ค้นพบ] นั้น ปีศาจไม่ใช้กันหรอกเจ้าค่ะ เพราะปีศาจจะใช้วิธีให้ทหารระดับต่ำไปล่อกับดักก่อน เพื่อให้กับดักทำงานให้หมดจึงไม่จำเป็นต้องใช้ [ค้นพบ] ทุกวันนี้ดิฉันใช้ [ค้นพบ] ในการหาของให้กับคนในปราสาทเท่านั้นเจ้าค่ะ”
“สมกับเป็นปีศาจเลยแฮะ แล้วชื่อของไมนด์ได้มายังไงเหรอ?”
“ชื่อไมนด์นี้ ท่านโซบ๊อปเป็นคนตั้งให้ ท่านโซบ๊อปจึงเปรียบเสมือนพ่อของดิฉันเลยเจ้าค่ะ ท่านเป็นผู้ที่ยื่นมือมาจากเงามืด ในช่วงที่ไม่มีใครเหลียวแลและโดดเดี่ยว เป็นช่วงเวลาที่ดิฉันไม่มีทางลืมเลยเจ้าค่ะ”
ถึงจะเป็นปีศาจ ก็กลัวที่จะโดดเดี่ยวสินะ เรื่องนี้ผมพอจะเข้าใจ แต่เรื่องที่ยืนมือจากเงามืดนั่นมันอะไรกัน!?
“ดิฉันขอตัวไปตามท่านโซบ๊อปก่อน ใกล้จะถึงเวลาอาหารเช้าแล้วเจ้าค่ะ”
“ฝากด้วยนะ แล้วผมจะรอ” เธอก็เดินออกประตูไปเช่นเคย เฮ้อ! อยากทานอาหารจริงๆ บ้างจัง!
[-]
“วันนี้เจ้าจะเริ่มไปฝึกแล้วสินะ แล้วเลือกอาวุธของท่านหรือยัง? ถ้ายังไม่ได้ตัดสินใจ ที่ข้างสนามฝึกมีอาวุธให้เลือกอยู่ ถึงจะไม่ค่อยดีเท่าไร แต่ก็พอจะใช้แก้ขัดได้บ้าง”
“แบบนั้นก็ดีเลยสิครับ!! เอาแบบนั้นแล้วกัน”
“ถ้าอย่างนั้นข้าคงไม่ต้องเป็นห่วงท่านแล้วสินะ วันนี้ข้าจะให้ไมนด์ติดตามท่านไปด้วยทั้งวันแล้วกัน เพราะตัวข้าเองถึงจะเป็นผู้รับผิดชอบท่านในช่วงนี้ แต่ก็ไม่ได้มีเวลามากพอที่จะไปไหนมาไหนกับท่านได้ทั้งวัน ข้าต้องขออภัยจริงๆ”
“ไม่มีปัญหาครับ ยังไงเรื่องแบบนี้ผมต้องเผชิญหน้าด้วยตัวเองอยู่แล้ว”
ผมก็เริ่มจัดการกับผลไม้ที่อยู่ตรงหน้า แม้ปู่บ๊อปจะทานหนอนอยู่ข้างหน้าผมก็ตาม ผมก็ไม่รู้สึกแย่เหมือนเมื่อวานแล้ว สงสัยผมคงจะชินแล้วสิเนี่ย!
[-]
หลังจากทานอาหารเช้าแล้ว ผมกับไมนด์ก็แยกจากปู่บ๊อปไปที่สนามฝึก ระหว่างที่เดินไปตามทางเดินที่ทำจากหิน แม้บรรยากาศจะดูมืดมน แต่ก็ไม่ทำให้ผมรู้สึกอึดอัด กลับทำให้รู้สึกสดชื่นเหมือนเช้าวันใหม่ด้วยซ้ำ ไม่นานก็พ้นทางเดินที่มืดมนมาพบกับลานกว้างที่เต็มไปด้วยปีศาจ
“ท้องฟ้าสีม่วง! กับปีศาจทั้งนั้นเลย”
“เจ้าค่ะ ที่ท้องฟ้าเป็นสีม่วงเพราะไอปีศาจที่ลอยออกมาจากพื้นดิน ถ้าไม่มีท้องฟ้าสีม่วงนี้ปีศาจอย่างพวกเราจะคงอยู่ไม่ได้เจ้าค่ะ”
“อย่างงั้นเหรอ แล้ววันนี้ที่สนามฝึกมีใครใช้งานอยู่หรือเปล่า?”
“เจ้าค่ะ วันนี้จะมีสเกเลตันเกิดใหม่กับสเกเลตันที่ยังไม่ถึงคลาส I ใช้งานอยู่เจ้าค่ะ”
“คราส I คือเลเวลยังไม่ถึง 10 สินะ แล้วเขาใช้วิธีฝึกกันแบบไหน? ไมนด์พอจะรู้ไหม?”
“อีกเดี๋ยวท่านก็จะได้เห็นด้วยตัวของท่านเองแล้วเจ้าค่ะ”
หลังจากที่เดินจนสุดทางเดินของปราสาท ก็ได้เห็นพื้นที่โล่งที่มีลูกแก้วคล้ายกับลูกแก้วพยากรณ์ พร้อมทั้งโครงกระดูกวิ่งไปมาประมาณสามสิบคน มีนักเวทอยู่อีกด้านหนึ่งของสนามอีกสี่คน เหมือนกับการใช้คนสามสิบคนรุมคนสี่คนเลย
“วันนี้มีสเกเลตันคลาส I อยู่สามสิบสองคน คงมีไม่ถึงห้าคนที่ได้เลื่อนขึ้นเป็นคลาส H หรอกเจ้าค่ะ”
“แล้วนักเวทที่อยู่ทางนั้นล่ะ?”
“เป็นผู้ใช้เวทอัญเชิญเจ้าค่ะ พวกเขาจะใช้เวทอัญเชิญ อัญเชิญมอนสเตอร์เลเวลต่ำออกมาสู้กับพวกเขาเพื่อฝึกต่อสู้เจ้าค่ะ จนกว่าจะขึ้นคลาส H พวกเขาจะไม่ได้รับอนุญาตให้เป็นทหารและออกไปต่อสู้ภายนอกเขตเมืองได้เจ้าค่ะ”
“แล้วลูกแก้วที่วางอยู่บนฐานหินข้างหลังสนามฝึกละ?”
“เป็นลูกแก้วพยากรณ์จำลองเจ้าค่ะ ใช้ตรวจสอบคลาสว่าอยู่คลาสไหนแล้วเท่านั้นเจ้าค่ะ”
จะว่าไปก็ดูสะดวกดี เพราะฝึกไปแล้วตรวจสอบไปได้ด้วยว่าตัวเองอยู่คลาสไหน จะได้ไม่เสียเวลาไปกลับที่โบสถ์มึดๆ นั่นบ่อยๆ แต่เท่าที่เห็น ทุกคนดูชุลมุนวุ่นวายในการต่อสู้จนผมไม่มีกะจิตกะใจเข้าไปร่วมด้วยเลย
“ไมนด์!...รู้จักวิธีที่ไม่ต้องฝึก แต่เพิ่มความแข็งแกร่งของตัวเองได้บ้างหรือเปล่า” ผมแค่ลองถามเล่นๆ เผื่อว่าจะมีวิธีที่ไม่ต้องเข้าไปตะลุมบอนกับพวกนั้นก็เท่านั้น
“มีเจ้าค่ะ เรียกว่าการ ‘ภาวนาดูดกลืนไอปีศาจ’ เป็นการทำสมาธิเพื่อฝึกให้ร่างกายสามารถดูดกลืนพลังงานที่ได้จากไอปีศาจมากๆ เจ้าค่ะ เพราะสำหรับปีศาจ ไอปีศาจสามารถทำได้หลายอย่าง เช่นรักษาบาดแผลและเพิ่มกำลังกาย ความรู้สึกด้านลบของสิ่งมีชีวิตต่างๆ เช่นความโกรธ เกียจ เศร้า เสียใจ ก็ใช้ได้นะเจ้าคะ จึงมีประโยชน์มากในช่วงสงคราม หากท่านใช้วิธีการภาวนาก็จะทำให้ร่างกายแข็งแกร่งขึ้นอย่างถาวรเช่นเดียวกับการฝึกเลยเจ้าค่ะ”
“งั้นเหรอ แล้วปีศาจใช้การภาวนาบ้างไหม?”
“ไม่ทำกันหรอกเจ้าค่ะ เพราะมันยุ่งยาก ปีศาจมีแต่พวกที่มีความอดทนต่ำทั้งนั้นเจ้าค่ะ”
“ฮะๆ นั่นสินะ” ถึงจะลองถามเล่นๆ แต่ก็มีวิธีสินะ ส่วนเรื่องที่ปีศาจไม่ทำวิธีนี้กันก็พอเข้าใจอยู่หรอก ก็เพราะมีแต่พวกอารมณ์ร้อนทั้งนั้นเลยนี่น่า เอาไว้ค่อยลองทำดูก่อนนอนดีกว่า
หลังจากนั้นผมเลยตรวจสอบ [รายการทักษะ] ที่ใช้ต่อสู้ได้สักหน่อยแล้วกัน
[ดาบ: เงื่อนไข Lv.8]
[โล่: เงื่อนไข Lv.8]
[มีด: เงื่อนไข Lv.8]
[หอก: เงื่อนไข Lv.8]
[ธนู: เงื่อนไข Lv.8]
[เพิ่มเติม]
มีเยอะเหมือนกันแฮะทักษะที่ใช้ได้ แต่พอดูดีๆ แล้วมันไม่ใช่ทักษะที่ใช้ต่อสู้ แต่เป็นทักษะที่สามารถใช้อาวุธต่างๆ ได้สินะ เฮ้อ! นึกว่าพอถืออาวุธแล้วเราจะใช้ท่าไม้ตายได้เลยซะอีก แต่เงื่อนไขที่จะต้องมีจะเลเวล 8 ทำให้รู้เลยว่าทำไมพวกสเกเลตันที่กำลังฝึกอยู่พวกนั้นถึงได้ดูไม่ได้เรื่องซะจริงๆ ต่อไปก็ขอตรวจสอบมอนสเตอร์ที่ใช้ฝึกด้วย [ประเมิน] หน่อยแล้วกัน
[สไลม์พิษ: Lv.2]
[ผลพิเศษ: ติดพิษ ระดับ 1]
[สไลม์คำสาป: Lv.4
[ผลพิเศษ: คำสาป ระดับ 1]
[ค้างคาวปีศาจ: Lv.6]
[ผลพิเศษ: ถูกดูดพลังชีวิต ระดับ 1]
[หมูป่าดำ: Lv.8
[ผลพิเศษ: -]
สมกับเป็นมอนสเตอร์ในแดนปีศาจ มีผลพิเศษที่จัดการยากตั้งแต่ต้นแบบนี้ คงต้องจริงจังกันหน่อยแล้ว แต่ก็ยังติดปัญหาอยู่อย่างหนึ่งคือผมยังไม่สามารถใช้อาวุธอะไรได้เลย สงสัยคงต้องใช้ไม้ไปตีมันก่อนแล้วสิ
“จะเริ่มแล้วหรือเจ้าคะ?”
“ใช่ ว่าจะลองไปจัดการสไลม์พิษก่อน เพราะเลเวลน้อยที่สุด และยังต้องหาอาวุธที่โจมตีห่างๆ ได้ด้วย ไม่อย่างนั้นคงจะโดนพิษเข้าแน่ๆ” ไมนด์มองผมแบบไม่เข้าใจ
ผมเดินไปที่ชั้นวางอาวุธสำหรับทหารฝึกหัดที่มีอยู่มากมายด้านข้างสนามฝึก กลับมีแต่อาวุธที่ชำรุดกองเป็นภูเขา แล้วแบบนี้จะเอาไปต่อสู้ได้ยังไง ผมมองพลางถอนหายใจ พร้อมกับมองเหล่าสเกเลตันเกิดใหม่ที่สู้อย่างเอาเป็นเอาตายด้วยอาวุธที่ชำรุดแบบนั้น
หลังจากปลงกับอาวุธยอดแย่แล้ว ผมก็เดินตามหาอาวุธที่เหมาะกับผม และไปเจอเข้ากับหอกพังๆ ที่วางอยู่กับพื้นไร้คนสนใจ หอกสีขาวมีลวดลายสีส้มที่สภาพเหมือนจะหักครึ่ง แต่ความยาวที่เหลือนี้ดูเหมาะกับผมเหลือเกิน และมีคมหอกที่ยังพอใช้ได้ ผมจึงใช้ [ประเมิน] ตรวจสอบหอกนี้ทันที
[หอกไฟที่หักครึ่ง: อาวุธระดับ 2]
[เงื่อนไข: Lv.8/ทักษะ [หอก]]
[ผลพิเศษ: โจมตี 10/ธาตุไฟ (ต่ำ)]
น่าสนใจ ผมคิดแบบนั้นและลองยกมันขึ้นมา ซึ่งผมก็ไม่ได้คิดว่าถ้าใช้โดยที่ไม่มีทักษะ [หอก] จะเป็นอย่างไร
“หนักมาก!!”
“ท่านซาชิจะใช้หอกชำรุดนั่นหรือเจ้าคะ? ถ้าไม่มีทักษะก็จะเกิดการต่อต้านจากอาวุธและไม่สามารถใช้อาวุธได้นะเจ้าคะ!”
“ผมว่าหอกอันนี้เหมาะกับผมนะ ขอแค่ได้เพิ่มเลเวลอีกหน่อย แต่มันก็หนักจริงๆ ตกใจเลยแฮะ”
ผมเปลี่ยนวิธียกเป็นการลากหอกหนักๆ นั่นออกมาแทน
“ท่านแน่ใจหรือเจ้าคะ แต่แบบนั้น!?”
“ไม่ต้องห่วง ผมมีวิธี”
ผมยิ้มให้กับไมนด์และลากหอกนั้นออกมาบริเวณที่สไลม์พิษอยู่ ยังโชคดีที่สไลม์พิษไม่ใช่มอนสเตอร์ที่จะโจมตีก่อน ผมจึงมีเวลายืนจ้องมัน ตั้งหอกขึ้นกับพื้น ใช้เวลาเล็งเล็กน้อย และปล่อยหอกให้ล้มลงไป
ตุ๊บ!! แกร่งๆ
สไลม์พิษที่โดนหอกทับแตกสลายไปทันทีพร้อมกับมีเสียงเหมือนกับเหรียญตก ผมจึงตรวจสอบในไอเทมบ็อกซ์ก็มีไอเทมอยู่สองชิ้นคือ [เศษศิลาเวท] และ [เมือกสไลม์] เก็บดรอปไอเทมอัตโนมัติแบบนี้มันสะดวกดีจริงๆ ถึงแม้วิธีสู้ของผมจะแปลกๆก็เถอะ
ผมใช้เวลาจัดการสไลม์พิษกับสไลม์คำสาปอยู่หลายสิบตัว จนตอนนี้ผมแน่ใจว่าผมเป็นเป้าสายตาของเหล่าสเกเลตันที่สู้กับสไลม์คำสาปไม่ได้ ทำให้เกิดความรู้สึกที่แปลกใหม่ เพราะการที่ถูกโครงกระดูกจ้องมันน่าขนลุกจริงๆ
