บท
ตั้งค่า

บทที่ 28 มันเป็นใคร

“อะไรกัน! เป็นไปไม่ได้!” เฮเซลเข่าอ่อน

“ข้าก็ไม่คิดว่ามันจะปรากฏตัวออกมาเอาจนป่านนี้ แสดงว่าตำนานนั้นเป็นเรื่องจริง”

“ข้าไม่ยอมดับความฝันเพียงเพราะเจ้านั่นโผล่ออกมาหรอกนะ ฮึ่ม! ทำไมหนทางที่จะเป็นใหญ่ของข้าช่างเต็มไปด้วยอุปสรรคมากมายเช่นนี้ ทั้งๆ ที่มีพร้อมทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นเงินหรืออำนาจ ท่านมีวิธีที่จะจัดการเรื่องนี้อย่างไรก็รีบทำเข้าล่ะ ก่อนที่ข้าจะสติแตกใช้วิธีการของข้าเอง”

“เราจะให้เมอร์เดสไปดักรอที่บูมัล ที่นั่นเป็นสนามประลองกำลังได้อย่างดี และเมื่อถึงเวลานั้น เราจะได้รู้ว่า เจ้าคนที่ช่วงชิงเอาเด็กผู้หญิงคนนั้นไป ใช่สิ่งที่เรากำลังคิดอยู่หรือเปล่า”

“ดี! เร่งให้จิตชั่วมันด้วย ใช้มันให้คุ้มกับการลงทุนของข้า!!”

เฮเซลทิ้งปัญหาไว้ให้กับพ่อมดวาเลรี่ เมื่อได้ยินว่า “สิ่งนั้น” กำลังออกตามล่าร่างทรงของอสูรสงครามเช่นเดียวกัน ลำพังแค่ควานหาตัว “สิ่งเชื่อมโยง” ทั้งหลายก็ทำได้ลำบากอยู่แล้ว ยังมาพบปัญหาซ้ำซ้อนอีกจนได้

“สิ่งเชื่อมโยง” สิ่งแรกที่พ่อมดวาเลรี่พบก็คือเกาะมาทิลดา ซึ่งนั่นก็ถือว่ายังไกลจากความฝันของเขา กระทั่งประเทศเทอร่าได้ “สิ่งเชื่อมโยง” ที่สองมา คือโจรที่เข้าไปปล้นฆ่าคนในหมู่บ้านของเมืองท่าตะวันตก จนพบสิ่งเชื่อมโยงที่สาม คือ “เด็กสาวผมสีน้ำตาล” ผู้รอดชีวิตเพียงคนเดียวและเจ้าปีศาจปริศนาที่โผล่มาช่วยชีวิตเธอ “เด็กสาวผมสีน้ำตาล” นี่เองที่ทำให้เขามั่นใจว่า เธอจะต้องมีความเกี่ยวพันกับร่างทรงแน่ๆ

เมอร์เดสไปที่เกาะ และถูกขัดขวางด้วยคนลึกลับคนหนึ่ง ซึ่งน่าจะเป็นคนที่พาเธอหนีไปจากเงื้อมมือของเขา เขาจึงใช้วิธีการค้นหาแบบโปรยหว่าน นั่นคือทำลายเรือทุกลำที่ออกจากเกาะเสีย แล้วก็เห็นผลทันตา เมื่อพ่อมดวาเลรี่จับพลังจิตที่แข็งแกร่งนั้นได้

เท่านี้ก็รู้ว่าพวกมันอยู่บนเรือลำนั้น...ฆ่าคนไม่กี่คนแลกกับการหาตัวเด็กสาวคนหนึ่ง ช่างคุ้มเสียยิ่งกว่าคุ้ม แต่ใครกันล่ะ? เจ้าคนลึกลับนั่นมันเป็นใครมาจากไหน ทำไมพ่อมดวาเลรี่จึงไม่รู้จักมันมาก่อน?

ขอเพียงมันเป็นมนุษย์ธรรมดาๆ อย่าเป็น “สิ่งนั้น” ก็พอ เพราะเจ้า “สิ่งนั้น” มิได้ต้องการชีวิตที่มีลมหายใจของร่างทรง หากแต่เป็นดวงจิต หรือหัวใจเท่านั้น!

สถานการณ์บนเรือยังคงย่ำแย่

คารินพยายามลืมตาขึ้นเมื่อรู้สึกว่าแผ่นหลังของเธอสัมผัสกับพื้นเรือและหนาวสะท้านไปทั่วร่าง เสื้อผ้าที่สวมใส่อยู่ถูกปลดเปลื้องออกอย่างช้าๆ

“อิ๊!” หญิงสาวกัดฟันข่มความเจ็บปวด มองเห็นหน้าเอรอสรางๆ เขาต้องทำอะไรกับบาดแผลของเธอแน่

“ทนเจ็บหน่อยนะ ต้องทำความสะอาดแผลก่อน” เอรอสพูดเบาๆ หลังจากแกะผ้าโพกศีรษะของเขาที่ใช้ห้ามเลือดออกแล้ว เขาก็จัดการปลดผ้ารัดเอวของเธอ ตามด้วยเสื้อผ้าที่เปียกชื้น จนเมื่อสาบเสื้อคลายออกจากกัน จากลาดไหล่ เนินอก สู่ผิวเนื้อขาวซีดและรอยแผลที่บั้นเอวก็ปรากฏแก่สายตา

เลือดหยุดไหลแล้ว และบาดแผลบริเวณนั้นไม่ได้รุนแรงน่ากลัวอย่างที่คิด เขาเห็นตอนที่โจรสลัดจ้วงแทงเธอแล้วยังอดคิดไม่ได้ว่า มีดนั้นคงทะลุลึกเข้าไปในเนื้อของเธอแน่ ทั้งเลือดที่ไหลรินออกมาจากปากแผลก็บอกได้อย่างดีว่าแผลนั้นลึกพอที่จะทำให้เธอเสียเลือดจนช็อกตายได้ แต่สิ่งที่เขามองเห็นเป็นเพียงรอยบาดเล็กๆ และมีรอยจ้ำเลือดคล้ายกับว่าผิวหนังกำลังสมานกันได้เองตามธรรมชาติ เหมือนตอนที่เธอบาดเจ็บครั้งแรก ที่เขาเองยังคิดว่าแผลของเธอหายเร็วมากอย่างน่าทึ่ง

“เอ...รอส...อาย...” หญิงสาวกัดฟันข่มความเจ็บและความอายบอกกับเขา มือข้างหนึ่งพยายามที่จะไขว่คว้ายึดมือของเขาไว้ เมื่อชายหนุ่มบิดผ้าขนหนูชุ่มน้ำเตรียมซับทำความสะอาดใบหน้าและเนื้อตัวเปลือยเปล่าของเธอ แต่ก็ไม่มีแรงเอาเสียเลย

“ขอโทษนะ...แต่เจ้ากำลังบาดเจ็บ” เขาโยนเสื้อผ้าของเธอทิ้งไป แล้วดึงผ้าห่มมาคลุมร่างบางเพื่อไม่ให้เธอเขินอาย ก่อนจะค่อยๆ เช็ดผมและใบหน้าของเธอ ไล่ลงมาตามลำคอระหง ไหล่บาง ผ่านเนินอก และวกไปด้านหลัง มือของเขาชะงักเมื่อสัมผัสกับรอยนูนขนาดใหญ่บนแผ่นหลังของเธอ คิดว่าเธอคงมีแผลอีกแห่งที่เขามองไม่เห็น จึงดึงผ้าห่มลงมาอีกครั้งและพลิกร่างนั้นเพื่อจะดูให้ชัดๆ

“ข้า...หนาว” คารินเอามือกอดอก พึมพำด้วยเสียงอันสั่นเทา

เอรอสก้มลงมอง แต่เขาก็ไม่เห็นอะไรนอกจากผิวเนื้อที่ขาวซีดและรอยจ้ำแดงๆ ที่ได้รับจากการกระแทก จึงห่มผ้าให้เธอตามเดิม

หญิงสาวปรือตามองชายหนุ่มที่ปฏิบัติกับเธออย่างอ่อนโยน เขาห่มผ้าให้เธอจนมิดคอ ก่อนจะผลัดผ้าของตัวเองบ้างเพราะเปียกโชกพอๆ กัน เส้นผมสีน้ำเงินของเขาลู่แนบไปกับลำตัว เวลาเปียกน้ำจึงทำให้เธอเพิ่งสังเกตว่ามันยาวเกือบจะถึงเอว ผ้าโพกศีรษะที่ชุ่มไปด้วยเลือดถูกทิ้งไว้บนพื้น ใบหน้าคมคายนั้นกลับมาเคร่งขรึมดังเดิม แม้ว่าก่อนหน้านี้เธอจะมีโอกาสได้เห็นเขาแสดงอารมณ์ต่างๆ ออกมา ซึ่งก็คงไม่บ่อยนักหากว่าเรื่องนั้นไม่กระทบจิตใจของเขาจริงๆ

โชคดีที่ซื้อเสื้อผ้าใหม่ก่อนขึ้นเรือ และไม่ถูกพวกโจรมันบุกเข้ามาถึงชั้นล่าง ข้าวของที่เก็บไว้จึงปลอดภัย ดังนั้นเธอจึงเห็นเขาสวมชุดใหม่และดึงเสื้อผ้าของเธอออกมาด้วย เขาต้องใส่มันให้เธออีกแน่ๆ

เสียงเคาะประตูดังขึ้น ก่อนที่มันจะถูกผลักเข้ามาโดยที่เจ้าของห้องยังไม่ได้อนุญาต

“ขออภัย! แต่ข้าเห็นว่าเธอบาดเจ็บ ก็เลยเอายามาให้” เฮน่าถือกล่องยาและชุดปฐมพยาบาลมาด้วย มองชายหนุ่มที่เปลี่ยนชุดใหม่เรียบร้อยและกำลังถือเสื้อผ้าของผู้หญิงยืนเด่นอยู่กลางห้อง ก็รู้เลยว่าเธอลงมาช้าไปเสียแล้ว

“คารินเป็นยังไงบ้าง!?” เซอโร่วิ่งหน้าตื่นตามน้องสาวเข้ามาเป็นคนที่สอง ตามองคนเจ็บที่นอนซมอยู่บนฟูกด้วยความสงสาร

เอรอสดึงแขนของเซอโร่ไว้เมื่ออีกฝ่ายถลาเข้าไปนั่งคุกเข่าและทำท่าว่าจะเปิดผ้าห่มเพื่อดูบาดแผลของเธอ จนเฮน่าต้องจุ๊ปากปรามพี่ชายที่แสดงความห่วงใยจนเกินเหตุ แม้ทั้งสองคนจะไม่ได้บอกสถานะความสัมพันธ์ แต่ดูจากรูปการแล้ว พวกเขารักและห่วงใยกันอย่างเห็นได้ชัด

ไม่คิดว่าคนหน้าตายอย่างเขาทำท่าเหมือนจะขาดใจตอนที่คารินบาดเจ็บ ตอนที่เขาก้มลงผายปอดให้เด็กสาวนั้น เธอรู้ได้ทันทีว่า สองคนนี้ ไม่ใช่พี่น้องกันแน่

“ข้าทำแผลให้เธอแล้ว ขอแค่ยาแก้อักเสบก็พอ” เอรอสนั่งลงข้างๆ คาริน ใช้หลังมืออังหน้าผากของเธอเพื่อวัดไข้

“ขอบ...ขอบ...คุณ” คารินพูดกับเพื่อนใหม่ทั้งสองเบาๆ เพราะบาดแผลทำให้เป็นไข้ ทั้งยังไม่ค่อยมีเรี่ยวแรง ตาจะปิดลงอยู่แล้วหากพวกเขาไม่เข้ามาเยี่ยมเสียก่อน

เฮน่าหยิบถุงยาในกระเป๋าออกมาวางไว้บนฟูก มองคนเจ็บที่นอนซมเพราะพิษไข้ด้วยความสงสาร เด็กผู้หญิงคนนี้ตัวเล็กนิดเดียว รูปร่างก็ผอมบางเหมือนคนขาดสารอาหาร คงเพราะเอรอสพาเธอหนีออกจากบ้านแน่ๆ จึงอยู่กันอย่างอดๆ อยากๆ

“อ้อ! ข้าเอาเงินรางวัลของเจ้ามาให้ด้วยนะ โชคดีที่พวกมันไม่ทันเห็นก็เลยรอดสายตาไปได้” เซอโร่เดินไปหยิบถุงย่ามที่เอรอสใส่เงินไว้จนเต็มเข้ามาในห้องแล้วยื่นให้ชายหนุ่ม

“ที่เหลือข้าให้เจ้าเอาไปแจกจ่ายผู้โดยสารข้างบน” เอรอสเทเงินออกมาครึ่งหนึ่งแล้วยื่นถุงย่ามคืนให้กับเซอโร่ เงินจำนวนนี้มากพอสำหรับเขา แต่คนอื่นๆ ที่ต้องสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สินเพราะถูกโจรปล้น อาจจะไม่มีอะไรกินเลยในวันข้างหน้า

“เจ้านี่หล่อแล้วยังน้ำใจงามจริงๆ ตอนแรกข้านึกว่าเป็นคนหยิ่งๆ ซะอีก เห็นไม่พูดไม่จาทำหน้าโหดๆ” เซอโร่ยิ้มกว้าง ตบไหล่เอรอสอย่างสนิทสนม

“ข้าจะถือว่าเป็นคำชมก็แล้วกัน”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel