บทที่ 27 เปิดจิต
บุ๋งๆๆๆๆๆ
ชายหนุ่มเพ่งมองร่างบาง ดึงเธอขึ้นมาด้วยพลังจิต จนร่างที่ค่อยๆ เลือนหายลอยขึ้นมาช้าๆ พร้อมๆ กับกระแสน้ำที่หมุนวนอยู่รอบตัว ก่อนที่เขาจะคว้าตัวเธอไว้ได้แล้วพาขึ้นสู่ผิวน้ำทันที
เฮน่าชะงัก เมื่อเห็นเอรอสลากคารินขึ้นมาบนกราบเรือในสภาพเปียกโชกและหยดเลือดที่ไหลเป็นทาง ขณะที่เซอโร่ที่ลงไปทำหน้าที่กัปตันอยู่ข้างล่างกำลังหมุนให้เรือแล่นออกห่างเรือของโจรสลัดก่อนที่มันจะระเบิด
ตู้ม!!
บรึม!!
เอรอสกางผ้าคลุมไหล่ของเขาบังร่างของคารินไว้ เมื่อแรงระเบิดจากเรือของโจรสลัดทำให้ชิ้นส่วนเศษโลหะกระเด็นขึ้นไปบนอากาศและตกลงมาบนเรือลำนี้ ประกายไฟและควันดำขนาดมหึมาลอยขึ้นเหนือท้องฟ้า ร่างของเฮน่าลอยละลิ่วกระเด็นไปตกอยู่อีกฟากหนึ่ง
หญิงสาวไม่ได้ยินเสียงและมองไม่เห็นความโกลาหลบนเรือ เพราะสายตาจับจ้องอยู่ที่เอรอสและคารินซึ่งอยู่บนกราบเรือด้านนอก คนอื่นๆ ที่อยู่บริเวณนั้นถูกแรงอัดจนกระเด็นกระดอนบาดเจ็บไปตามๆ กัน แต่เอรอสใช้ร่างของเขาบังร่างของเด็กสาวไว้ ไม่รู้ว่าเป็นปาฏิหาริย์หรืออะไรสักอย่างที่ทำให้ร่างสูงนั้นไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆ ซ้ำยังดูไม่สะทกสะท้านกับแรงสะเทือนนั้น ในขณะที่เธอเองลอยมากระแทกผนังจุกจนลุกไม่ไหว
“โอย! แค่กๆๆ เจ็บอะไรอย่างนี้ เอรอส...คาริน”
ท่ามกลางควันไฟและเศษเถ้าถ่านที่ปลิวว่อนอยู่บนอากาศ หญิงสาวเห็นเอรอสพูดอะไรสักอย่างกับคาริน และดันแผ่นหลังของเธอขึ้นจนน้ำไหลออกมาจากมุมปาก แต่ร่างที่นอนแน่นิ่งนั้นก็ไม่ตอบสนองอะไรเลย
เฮน่ายันตัวลุกขึ้น หวังจะไปช่วยดูอาการของคาริน แต่ร่างก็ถูกตรึงอยู่ตรงนั้น เมื่อเห็นเอรอสก้มหน้าและทาบริมฝีปากของเขาลงไปที่ริมฝีปากของเด็กสาว
“คาริน! ฟื้นสิคาริน!” เอรอสพูดชิดริมฝีปากเย็นชื้นของหญิงสาว ก่อนจะประกบริมฝีปากลงไปเพื่อผายปอดให้อีกครั้ง
เขาแนบใบหูลงแนบอกของเธอ ซึ่งบัดนี้ไม่มีเสียงเต้นของหัวใจดวงนี้อีกแล้ว!!
“คาริน!! ไม่ ไม่!” ชายหนุ่มนิ่งอึ้งทำอะไรไม่ถูก ได้แต่มองร่างโชกเลือดของเธอด้วยสายตาที่ยังไม่ยอมรับความจริง เขายังไม่เห็นดวงจิตของเธอ เธอจะตายได้อย่างไร?
“คาริน…คาริน”
เสียงเรียกอันอ่อนโยนทำให้คารินลืมตาขึ้นมาและพบว่าร่างของเธอจมอยู่ในทะเลลึก คนที่กำลังโอบกอดเธอไว้คือเลโกลัส พี่ชายที่ทอดทิ้งเธอไปนั่นเอง
“พี่จ๋า! พี่ไม่มาช่วยข้า...พี่ทิ้งข้าไปอีกแล้ว” หญิงสาวตัดพ้อต่อว่าด้วยความน้อยใจ แล้วก้มลงมองเลือดที่กำลังไหลท่วมตัว
“โอ๊ย!” เธอร้องขึ้นเมื่อจู่ๆ ก็รู้สึกเจ็บ และร่างของเลโกลัสค่อยๆ เลือนไปจากสายตา
“พี่จ๋า! อย่าทิ้งข้า...อย่าไปอีกเลยนะ ข้ากลัว...โอ๊ย!”
“ทนเจ็บหน่อยนะคาริน...ตอนนี้พี่ช่วยเธอไม่ได้ พี่ยังอยู่กับเธอไม่ได้จริงๆ”
ร่างของเลโกลัสหายวับไป พร้อมๆ กับร่างของเธอกระตุกเฮือก! แล้วความเจ็บปวดจากบาดแผลก็จู่โจมร่างกาย หญิงสาวลืมตาขึ้นมา เห็นใบหน้าเปียกชื้นของเอรอสลอยเด่นอยู่ ความกังวลก็หายไปทันที เมื่อสักครู่นี้เธอคงหลับไปจึงฝันเห็นและได้ยินเสียงเรียกของพี่ชาย แต่ความจริงคงเป็นเสียงเรียกของเอรอสนั่นเอง
“เอรอส...ข้า...จะ...เจ็บ” เธอบอกเขาด้วยเสียงอันสั่นเทา ริมฝีปากสั่นระริกเพราะความเจ็บปวดและความเหน็บหนาวทั้งจากสภาพอากาศ น้ำทะเล และเสียเลือด
“เจ้าฟื้นแล้ว...อย่าเพิ่งขยับตัวนะข้าจะปฐมพยาบาลให้ก่อน” ชายหนุ่มยิ้มออกมาด้วยความยินดี ดึงผ้าคาดศีรษะของเขาออกพันรอบเอวให้เธอเพื่อห้ามเลือด ถอดผ้าคลุมไหล่ผืนหนาคลุมร่างบางแล้วอุ้มหญิงสาวเดินลงไปยังห้องพัก
เรือสินค้าค่อยๆ ออกมาห่างจากเรือของโจรสลัดซึ่งเหลือแต่ซากและควันไฟ ทิ้งซากศพของผู้เสียชีวิตลอยขึ้นมาเหนือผิวน้ำกลางทะเล
“เอาคนเจ็บไปรวมกันที่ชั้นล่าง ขอกล่องยาและคนปฐมพยาบาลด่วน!” เซอโร่ตะโกนสั่ง เขาทำหน้าที่แทนกัปตันเพราะรายนั้นเสียชีวิตในหน้าที่ไปแล้ว
“เจ้าเป็นยังไงบ้างเฮน่า?”
“ข้าพอไหว...ถ้าเรือไม่ระเบิดล่ะก็ พวกเราคงถูกฆ่าตายกันหมด!” เฮน่าเดินดูคนเจ็บ เธอเห็นเอรอสอุ้มเด็กสาวลงไป เลยตั้งใจว่าจะไปดูอาการของคารินสักหน่อย
หญิงสาวบอกตัวเองว่าตาของเธอไม่ได้ฝาด ระหว่างที่เธอกำลังไล่ตามโจรสลัดอยู่นั้น เธอเห็นไฟลุกท่วมร่างของเอรอส ผมของเขาเปลี่ยนสลับเป็นสีแดงและสีน้ำเงินไปมา ดวงตาสีน้ำเงินของเขากลายเป็นแสงสีขาวเจิดจ้าส่องสว่าง ก่อนจะมีเสียงระเบิดดังสนั่น จากนั้นอยู่ดีๆ ไฟก็ไหม้ท้ายเรือของพวกมัน และร่างของเขาก็หายไปจากตรงนั้น เป็นเรื่องที่น่าประหลาดที่สุด
เวลาเดียวกันที่จอร์จิน่า
“เราจัดการเรียบร้อยแล้วท่านเฮเซล”
พ่อมดวาเลรี่หันมายิ้มอย่างมีเลศนัยให้กับผู้ปกครองนครจอร์จิน่าราวกับได้รับชัยชนะในการรบ หลังจากผิดหวังกับการส่งเมอร์เดสไปที่มาทิลดาและคนนิรนามเล่นงานจนพลังทั้งหมดหายไป ถึงตอนนี้ก็ยังรักษาตัวอยู่ในห้องลับใต้ดิน
การพ่ายแพ้อย่างยับเยินของเมอร์เดส ทำให้เขาต้องปรับแผนใหม่ทั้งหมด เพราะขณะนี้ประเทศอื่นเร่งผลิตนักรบและทหารเต็มอัตรากำลัง ทั้งการล้วงข้อมูลทางจิตก็มีมาก เรียกว่าหากผู้ทำนายของประเทศใดไม่แข็งแกร่งพอ อาจสูญเสียพลังในการพยากรณ์ให้กับผู้ที่แข็งแกร่งกว่าได้ง่ายๆ
เขาจับพลังของเมอร์เดสในขณะที่อยู่มาทิลดาได้ แต่กลับไม่เห็นพลังลึกลับที่ทำให้คนแข็งแกร่งอย่างเมอร์เดสถึงกับพ่ายแพ้ แต่นั่นก็ทำให้รู้ได้ทันทีว่า มันผู้นั้นจะต้องเจอร่างทรงแล้วอย่างแน่นอน ส่วนจะใช่เด็กผู้หญิงผมสีน้ำตาลคนนั้นหรือเปล่า เขาเองก็ไม่แน่ใจ
เขามองไม่เห็นเด็กคนนั้นเพราะข้อมูลเกี่ยวกับเธอน้อยเกินไป หากเพียงแต่รู้ชื่อ หรือได้สิ่งเชื่อมโยงมา ไม่ว่าจะเป็นศีรษะ เสื้อผ้า หรือของใช้ประจำตัวก็จะสามารถทำนายและมองเห็นเธอได้ เจ้าปีศาจที่ปรากฏตัวที่เมืองท่าจะใช่อสูรสงครามหรือไม่นั้น อีกไม่นานคงได้รู้กัน
“รู้ตัวมันหรือยัง?” เฮเซลมองภาพในลูกแก้วคริสตัล ซึ่งเป็นภาพเรือสองลำที่ออกจากเกาะมาทิลดากำลังประสบชะตากรรมที่เขาสร้างขึ้น ลำหนึ่งออกจากมาทิลดาตะวันออก มุ่งหน้าไปประเทศบูมัล ลำหนึ่งออกจากมาทิลดาใต้ มุ่งลงไปประเทศเทอร่า แต่ละลำล้วนถูกโจรสลัดเข้าปล้น
เรือไปเทอร่านั้นไม่มีผู้รอดชีวิต ตัดข้อสงสัยเรื่องบุคคลลึกลับกับเด็กสาวคนนั้นไปได้เลย
“อยู่บนเรือไปบูมัลสินะ” เขายิ้มอย่างหมายมาด เมื่อเห็นเรือของโจรสลัดอีกลำถูกไฟลุกท่วมเหลือเพียงซากลอยอยู่กลางทะเล แต่เรือของบูมัลยังวิ่งต่อไปได้ น่าเสียดายที่ไม่อาจมองเห็นคนที่อยู่บนเรือ
“ถูกต้องแล้ว...เสียดายที่ข้าไม่อาจมองเห็นร่างของมัน แต่จิตของข้าจับคลื่นพลังจากดวงจิตของมันได้ ความรู้สึกที่สับสน ความกลัว ความแค้น ความเสียใจ เป็นดวงจิตเดียวกันกับที่เล่นงานเมอร์เดส ข้าคิดว่ามันกำลังพยายามปิดพลังนั้นไว้ไม่ให้ใครจับได้”
“จู่ๆ ก็มีคนไปเปิดดวงจิตของมันเข้า! เหมือนจุดชนวนระเบิด ทำไมคนๆ นี้จึงต้องพยายามปกปิดดวงจิตของตัวเอง มันมีพลังมากมายขนาดนั้นเชียวรึ?”
“ข้าไม่แน่ใจว่ามันจะใช่คน” พ่อมดวาเลรี่พูดออกมาตรงๆ เขากำลังนึกไปถึงเรื่องที่เล่าขานกันมาตั้งแต่ดึกดำบรรพ์ เรื่องที่เกี่ยวโยงเชื่อมกันกับปีศาจแห่งสงคราม
“ท่านกำลังหมายถึง....” เฮเซลเบิกตากว้าง มองพ่อมดอย่างไม่เชื่อสายตา
“ข้าเองก็ยังไม่แน่ใจ...แต่ถ้าเป็นมันจริงๆ ล่ะก็ เราจะต้องรีบลงมือโดยเร็วไม่อย่างนั้นเราไม่มีวันได้ตัวร่างทรงมาแน่!”
