ไฟรักสงครามอสูร

450.0K · จบแล้ว
ชนม์นิภา
240
บท
10.0K
ยอดวิว
7.0
การให้คะแนน

บทย่อ

สิ่งที่เธอตามหา กับสิ่งที่เขาต้องทำลาย .เมื่อการเดินทางมาพร้อมกับความรัก สิ่งที่เขาต้องเลือกคือชีวิตของเธอ หรือการปลดปล่อยตนเองออกจากชีวิตอมตะ

นิยายรักโรแมนติกนิยายแฟนตาซีนิยายแฟนตาซีนิยายแอคชั่นนิยายผจญภัย

บทที่ 1 ดินแดนมรณะ

ชายหนุ่มผมสีน้ำเงินยาวสลวยกระโดดลอยตัวจากพื้นดินขึ้นไปบนยอดตึก ทันทีที่เท้าทั้งสองข้างสัมผัสกับดาดฟ้าอย่างมั่นคง เขาก็หยุดชะงักกับภาพที่เห็นเบื้องหน้า แม้จะเคยเห็นมันมาจนชินตา แต่เขากลับโทษตัวเองว่าหากมาถึงเร็วขึ้นอีกสักนิด เหตุการณ์ร้ายก็คงจะไม่เกิดขึ้นกับชาวเมืองที่นี่

เอรอสถอนหายใจ มองศพของชาวบ้านที่นอนจมกองเลือดพะเนินเทินทึกในสภาพที่น่าเวทนาที่สุด แล้วผินหน้ามองดวงอาทิตย์สีแดงฉานที่เริ่มจะคล้อยต่ำ ส่งสัญญาณให้เขาต้องเร่งลงมือค้นหาผู้รอดชีวิต

เขาเดินผ่านกองซากศพ สำรวจอาคารบ้านเรือนและสังเกตได้ว่าทั้งประตูและหน้าต่างของบ้านเกือบทุกหลังถูกเปิดทิ้งไว้ ร้านค้ายังมีของวางขายอยู่ตาม ปกติ แสดงให้เห็นว่าชาวบ้านที่นี่ยังคงดำเนินกิจวัตรประจำวันของพวกเขาก่อนจะมีเรื่องไม่คาดฝันเกิดขึ้น รอยแผลแต่ละแห่งบนซากศพล้วนถูกฟันด้วยคมดาบเข้าที่จุดสำคัญบนร่างกาย ไร้ร่องรอยผู้มาเยือนราวกับว่าพวกมันล่องหนได้กระนั้น ทั้งๆ ที่อย่างน้อยก็น่าจะฝากรอยเท้าและหลักฐานอื่นๆ เอาไว้ให้ตามกลิ่นได้บ้าง

เขาเดินทางออกจากจอร์จิน่า ประเทศมหาอำนาจของทวีปตะวันตก ซึ่งกำลังตื่นตัวกับคำทำนายของพ่อมดวาเลรี่ ถึงการฟื้นคืนชีพของอสูรสงคราม ทำให้เฮเซล ผู้ปกครองนครแห่งนั้นได้จัดประลองผู้ที่ต้องการเมืองขึ้นของจอร์จิน่าเป็นเดิมพัน สำหรับยอดฝีมือที่สามารถจับตัวร่างทรงของอสูรสงครามมาได้ นักรบรับจ้างและผู้ที่กระเหี้ยนกระหือรือต้องการอำนาจต่างก็มุ่งหน้าไปที่นั่นเพื่อแข่งขันเอาตราประทับของ เฮเซลเป็นใบเบิกทางที่จะได้อาวุธและแผนที่มาไว้ในครอบครอง โดยไม่ต้องตามหาอย่างไร้จุดหมายด้วยการคลำทางเหมือนประเทศอื่นๆ

แม้จะเร่งฝีเท้าเต็มที่และใช้เส้นทางลัดที่เต็มไปด้วยอันตรายจนมาถึงที่นี่เร็วกว่าคนอื่นๆ แต่เขาก็ไม่สามารถช่วยชีวิตใครได้เลย เลือดจากศพยังอุ่น บอกให้รู้ว่าผู้เคราะห์ร้ายเหล่านี้น่าจะสิ้นใจก่อนที่เขาจะมาถึงไม่นานนัก ทำให้เกิดความสงสัยว่าผู้บุกรุกอาจไม่ใช่คนจากจอร์จิน่า เพราะทุกประเทศต่างก็กำลังควานหาตัวร่างทรงให้ควักกันทั้งนั้น

แซกๆๆ

พับ! พับ! พับ!

เอรอสเงยหน้ามองฝูงนกกระจิบที่บินเข้ารัง พระจันทร์ดวงโตลอยเด่นรอเวลาฉายแสงต่อจากดวงอาทิตย์ที่กำลังจะลับขอบฟ้า คืนนี้เขาจะต้องไปให้ถึงหมู่บ้านเคอร์เซอร์ ซึ่งอยู่ถัดจากหมู่บ้านแห่งนี้เพียงแปดสิบอัล เพราะที่นี่ไม่เหมาะจะเป็นที่พักค้างแรมอีกแล้ว

ชายหนุ่มเลือกลานกว้างใจกลางหมู่บ้านที่เห็นว่าเหมาะจะสร้างสุสานฝังศพ เขาประสานมือทั้งสองข้าง รวบรวมพลังมาที่ฝ่ามือแล้วปล่อยให้มันพุ่งออกไปทันที

“ย้าก!!”

ตูม!

ฝุ่นคลุ้งกระจายลอยขึ้นไปบนท้องฟ้า ผืนพสุธากลายเป็นหลุมลึกขนาดใหญ่ เขาจัดการลากศพทั้งหมดมานอนเรียงกันในหลุมอย่างเป็นระเบียบ แล้วกลบหลุมฝัง พึมพำกล่าวอำลาร่างไร้วิญญาณที่เขาไม่รู้จัก ก่อนจะมุ่งหน้าไปท้ายหมู่บ้านซึ่งเชื่อม ต่อกับหมู่บ้านเคอร์เซอร์ สิ่งที่ต้องทำต่อไปคือตามหาร่างทรงให้พบก่อนที่จะมีประเทศใดเจอตัวและนำไปใช้ประโยชน์ หากเฮเซลหรือผู้กระหายอำนาจได้ครอบครอง โลกจะเข้าสู่กลียุค สงครามจะบังเกิดขึ้นและทำลายล้างทุกสิ่งทุกอย่าง

ร่างสูงเดินลัดเลาะพุ่มต้นทาบิลิสที่เริ่มผลิดอกรับลมหนาว อีกไม่นานป่านี้จะเต็มไปด้วยสีทองอร่ามของดอกทาบิลิสบานสะพรั่งสุดลูกหูลูกตา ถัดจากหมู่บ้านเป็นป่าลึกและภูเขาสูงซึ่งเป็นรอยต่อไปยังเคอร์เซอร์ หากเร่งฝีเท้าเต็มที่คืนนี้ก็อาจจะหาที่พักดีๆ ได้สักคืน หลังจากนอนหลังขดหลังแข็งบนต้นไม้มาหลายวัน

สายตาของเขามองเห็นได้ดีในความมืด และแสงจันทร์ก็ช่วยสาดส่องนำทาง พ้นภูเขาลูกนั้นแล้วก็จะถึงที่หมาย ทว่าสิ่งที่มองเห็นเบื้องหน้ากลับทำให้เขาต้องชะลอฝีเท้าลงเดินตามรอยเลือดที่หยดเป็นทางเข้าไปในพุ่มไม้ และเห็นรองเท้าข้างหนึ่งตกอยู่ ขนาดของมันเล็กจนเขาคิดว่าน่าจะเป็นรองเท้าของเด็กด้วยซ้ำ

“นี่พวกมันไม่ละเว้นแม้กระทั่งเด็กตัวเล็กๆ เลยหรือ?”

เขาถอนใจไม่อยากจะเห็นภาพที่ชวนให้หดหู่ ถึงอย่างไรเขาก็ต้องนำศพสุดท้ายนี้ไปฝังรวมกับศพคนอื่นๆ ในหมู่บ้าน แต่เมื่อเดินมาถึงพุ่มไม้ เขาก็ชะงักเมื่อเห็นร่างของเด็กสาวคนหนึ่งนอนคว่ำหน้าหายใจรวยริน รองเท้าหลุดหายไปข้างหนึ่ง แขนขาของเธอถลอกปอกเปิกและมีรอยเขียวช้ำเป็นจ้ำๆ ผสมคราบเลือดเกรอะกรังท่วมตัว เขาค่อยๆ พลิกร่างนั้นให้นอนหงาย เมื่อสำรวจแล้วไม่มีกระดูกส่วนใดแตกหักและหน้าอกที่กระเพื่อมขึ้นลงเบาๆ บอกให้รู้ว่าร่างที่สะบักสะบอมนั้นยังหายใจอยู่ จึงปัดปอยผมที่ปิดหน้าปิดตาเธอออกไป ซับเลือดที่หางคิ้วและมุมปากแล้วตบเบาๆ ที่แก้มให้เธอรู้สึกตัว

“นี่เจ้า! ตื่นสิ! ได้ยินเสียงข้าไหม?”

“อือ...”

ริมฝีปากแตกแห้งขยุกขยิกส่งเสียงครางเบาๆ เพียงครั้งเดียวแล้วก็ปิดสนิท ชายหนุ่มตัดสินใจอุ้มเธอขึ้นมา ลำพังเขาคนเดียวไปถึงเคอร์เซอร์ในอึดใจเดียวได้สบายๆ จะทิ้งเธอไว้ก็ทำไม่ลง เด็กสาวคนนี้คงพยายามหนีเอาชีวิตรอดอย่างสุดชีวิต กระนั้นแล้วพวกมันก็ยังไม่ละเว้นกระทั่งผู้หญิงตัวเล็กๆ ไร้ทางสู้คนหนึ่ง เขาควรจะรอให้เธอหายดีเสียก่อน ไม่แน่ว่าเธออาจจะมีญาติอยู่ที่เคอร์เซอร์หรือหมู่บ้านอื่นๆ บนเกาะนี้อยู่ก็ได้