บท
ตั้งค่า

บทที่ 23 ความรู้สึกประหลาด

“บ้านหรือ?” เอรอสเลิกคิ้วด้วยสีหน้าหมองหม่น “ยังหรอก...ข้าต้องทำงานสำคัญให้เสร็จก่อน ถ้าทำไม่สำเร็จก็กลับไม่ได้ เจ้านอนเสียเถอะ พรุ่งนี้เราต้องออกเดินทางแต่เช้าไปให้ทันซื้อตั๋ว ถ้าคนเต็มเราต้องรอเที่ยวต่อไป หรือไม่ก็ต้องซื้อในราคาที่แพงกว่าเดิม ข้าเองก็จะนอนเหมือนกัน”

“อะ...อื้ม...” คารินขยับตัวเข้าไปนอนอย่างว่าง่าย เว้นที่ว่างไว้เผื่อเอรอสครึ่งหนึ่ง ก่อนจะตะแคงหันหน้าหนีกองไฟและกลายเป็นหันหลังให้เขาไปโดยปริยาย หลับตาคิดใคร่ครวญซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่าจะช่วยให้เขาออกจากเกาะนี้ไปได้อย่างไรโดยไม่ต้องห่วงเธอ กระทั่งเมื่อร่างสูงทอดกายลงนอนข้างๆ และเวลาผ่านไปครู่หนึ่ง น้ำตาก็ไหลซึม

“ไปถึงแผ่นดินใหญ่แล้ว...ก็ต้องจากกันอยู่ดีสินะ ข้า...ไม่ควรเป็นตัวถ่วงของเขา”

เมื่อตัดสินใจแล้วเธอก็ค่อยๆ ขยับตัวช้าๆ ออกจากผ้าห่มและเลื่อนมันขึ้นคลุมกายให้เขาเหมือนเดิม มองใบหน้ายามหลับใหลของชายหนุ่มเพื่อประทับไว้ในความทรงจำก่อนจะค่อยๆ ลุกออกไปอย่างเงียบเชียบ

“ข้าจะไม่ให้ใครต้องมาเดือดร้อนเพราะข้าอีก ขอบคุณนะเอรอส ที่ให้ข้าติดตามมาจนถึงที่นี่”

คารินเร้นกายไปกับต้นหญ้าสูง เธอไปที่เมืองท่าไม่ได้ หนทางเดียวคือต้องย้อนกลับไปให้ไกลที่สุด จะไปที่ไหนก็ได้บนเกาะนี้ เพื่อตามหาเลโกลัส พี่ชายของเธอจะต้องอยู่ที่ไหนสักแห่ง ใครก็ตามที่ต้องการตัวเธอ หากโชคชะตาฟ้าลิขิตให้ชีวิตของเธอจบสิ้นเพียงแค่นั้น เธอก็จะยอมรับมันแต่โดยดี

เมื่อคิดว่าออกมาไกลพอสมควร หญิงสาวก็หยุดยืนอยู่ใต้ต้นไม้ มองความมืดมิดรอบกายด้วยความอ้างว้าง ซบหน้าร้องไห้สะอึกสะอื้นเมื่อต้องอยู่ตัวคนเดียวจริงๆ

เอรอสลืมตาเมื่อแขนของเขาขยับไปหาคารินด้วยความเคยชินและพบว่าข้างกายนั้นว่างเปล่า เขาผวาลุกขึ้นและมองหาร่างบางทันที

ไม่มีร่างเล็กๆ ที่คุ้นตานั่งอยู่หน้ากองไฟ รอบกายของเขาเงียบสงัด ชายหนุ่มหยิบดาบขึ้นมาแล้ววิ่งออกไปดูรอบๆ บริเวณทุ่งหญ้ากว้างที่ไร้ซึ่งสรรพเสียงใดๆ นอกจากเสียงหัวใจของเขาที่เต้นถี่ขึ้นมาอย่างไม่มีสาเหตุ

เป็นไปไม่ได้ที่ใครจะมาจับตัวเธอไป หรือว่า...เอรอสนึกย้อนกลับไปเมื่อช่วงหัวค่ำที่เธอมีท่าทีแปลกๆ ตั้งแต่เขาบอกว่าจะต้องขึ้นเรือและอาจไม่มีเงินมากพอเห็นหน้าเธอหมองๆ ก็คิดว่าเธอคงจะเหนื่อย หลังจากนั้นเธอก็เข้านอนอย่างว่าง่ายและหันหลังให้เขาเสียด้วย

คาริน!!”

ชายหนุ่มวิ่งลัดเลาะตามกอหญ้าเข้าไปทางป่า หญิงสาวที่ซ่อนตัวอยู่ตรงทางเข้าป่าทึบสะดุ้งเฮือก เธอได้ยินเสียงเรียกของเอรอสดังอยู่ไกลๆ จึงรีบเช็ดน้ำหูน้ำตาลวกๆ วิ่งหลบไปตามพุ่มไม้เตี้ยๆ ไม่รู้ตัวเลยว่าการเคลื่อนไหวของเธอนั้นทำให้คนที่มีประสาทสัมผัสพิเศษอย่างเขาเห็นชัดเจนเลยทีเดียว

“คาริน! หยุดก่อน! คาริน!” เอรอสพุ่งตัวไปหาหญิงสาวทันทีเมื่อเห็นร่างบางวิ่งแบบไม่คิดชีวิตราวกับว่าเขาเป็นสัตว์ประหลาดน่าเกลียดน่ากลัวที่จะต้องหนีให้พ้น

“ไม่...โอ๊ะ!” หญิงสาวยังวิ่งสุดกำลัง ก่อนที่ร่างสูงของเขาจะโผล่เข้ามาขวาง

“ฟังก่อน...ข้า...ไม่ได้หมายความแบบนั้น”

“ไม่...ขะ..ข้า...รบ...รบกวน...” เธอผวาถอยหลัง คิดได้ว่าเขาอาจจะรู้สึกผิดที่ทอดทิ้งเธอกลางทาง ทั้งๆ ที่ไม่ใช่ความผิดของเขาเลย ถ้าเธอมัวแต่ทำตัวอ่อนแอก็จะยิ่งทำให้เอรอสลำบากใจ

“เจ้าจะอยู่ยังไง...ในเมื่อมีคนตามล่าเจ้าอยู่ รู้ไหมว่ามันอันตรายแค่ไหน?”

“ขะ...ข้า...อยู่...ได้...” เธอกลั้นน้ำตาที่กำลังจะร่วงหล่น “เอรอส...ตะ...ต้อง...งะ...งาน...สำคัญ”

“ช่างมันเถอะน่า!” เขาดึงร่างบางเข้าหาตัว ใช้วงแขนทั้งสองข้างรัดร่างเล็กๆ นั้นเข้ามาแนบชิด แล้วกอดเธอแนบแน่นราวกับกลัวว่าเธอจะหายตัวไปอย่างที่พูดจริงๆ ได้ยินเสียงสะอื้นฮักและหยาดน้ำตาของเธอหลั่งรินเปียกชื้นเต็มอกเสื้อ

หัวใจของเขาเต้นถี่รัวเร็วอย่างประหลาด แล้วก็ปวดหนึบเหมือนใครเอามือมาบีบให้ตาย เพียงแค่คิดว่าในวันพรุ่งนี้ ข้างกายเขาจะไม่มีเธออีกแล้ว

เขา...จะต้องอยู่กับความว่างเปล่า...อย่างที่เคยอยู่กับมันมาทั้งชีวิต

“เอรอส...เรือ...” เธอพูดอู้อี้ ทั้งดีใจและเสียใจที่ได้อยู่ในอ้อมกอดนี้อีกครั้ง

“ข้าบอกแล้วไงว่าจะไม่ทอดทิ้งเจ้าจนกว่าจะพบเลโกลัส เจ้าตัวเล็กนิดเดียวจะอยู่คนเดียวได้ยังไง” ชายหนุ่มรัดร่างบางแน่นขึ้นไปอีก เมื่อครู่นี้เขาตกใจที่เธอหายตัวไป เสียใจที่เธอวิ่งหนีและโกรธที่เธอกำลังคิดจะไปจากเขา ความรู้สึกนั้นเอ่อล้นออกมาจากก้นบึ้งหัวใจจนทำให้เขาทรมานอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

คารินปล่อยให้เขากอดอยู่อย่างนั้น เป็นครั้งแรกที่เธอได้เห็นใบหน้าโกรธขึ้งและแววตาฉายแววประหลาดลึกล้ำ ครั้งแรกที่เขาตวาดเธอ และโอบกอดด้วยความรุนแรงดุดันจนกระดูกแทบจะหัก แม้จะเจ็บตัวแต่ก็ไม่รู้ทำไมถึงได้ดีใจนัก ความรู้สึกนั้นท่วมท้นขึ้นไปอีกเมื่อเขาก้มลงมากระซิบที่ข้างหูอย่างแผ่วเบา

“ข้าจะไม่ปล่อยเจ้าไป ต่อไปนี้ข้าจะดูแลเจ้าเอง อย่าทำให้ข้าต้องเป็นห่วงอีกนะ”

ท่าเรือของมาทิลดาตะวันออก

เอรอสเดินนำคารินเข้ามาที่ชายฝั่งซึ่งคลาคล่ำไปด้วยพ่อค้า เกวียน ม้า และร้านขายของที่ใช้ไม้ต่อเป็นล็อกๆ ยาวสุดลูกหูลูกตา ทั้งคนที่มาจับจ่ายใช้สอยและแลกเปลี่ยนสินค้าเดินกันขวักไขว่ และมีเรือกำลังจอดเทียบท่าอยู่สามลำ

หญิงสาวมองหาเลโกลัสด้วยความหวังสุดท้ายว่าเขาจะอยู่ที่นี่ หากพบพี่ชายเธอจะได้ไม่ต้องไปจากมาทิลดา และไม่เป็นภาระให้กับเอรอส ถึงแม้เมื่อคืนนี้เขาจะรับปากว่าจะดูแลเธอ แต่วันข้างหน้าจะเกิดอะไรขึ้นบ้างก็ไม่รู้

เขายังไม่ไปที่ท่าเรือ แต่เดินดูร้านค้าไปเรื่อยๆ ราวกับกำลังหาหรือจะซื้ออะไรบางอย่าง จนกระทั่งมาหยุดอยู่หน้าร้านขายอาวุธเขาก็เดินดุ่มๆ เข้าไปทันที

“ดาบสวยนี่พี่ชาย” เจ้าของร้านซึ่งดูแล้วหน้าแก่กว่าเอรอสเป็นกอง ทักทายลูกค้าด้วยรอยยิ้ม มองดาบที่ห้อยอยู่ตรงสายรัดเอวของชายหนุ่มผมสีประหลาด ตาเป็นมัน แล้วก็เห็นเด็กสาวท่าทางซื่อๆ ตามเข้ามาด้วย

“อือ...ท่านสนใจจะซื้อไว้ไหมล่ะ คิดไม่แพงหรอก” เขาปลดดาบออกจากเอวเพื่อให้เจ้าของร้านได้เห็นชัดๆ

“เอรอส...ขาย...” คารินเอื้อมมือมาจับมันไว้เมื่อรู้ว่าเขากำลังจะขายดาบเล่มนี้ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเขาจะต้องหาเงินเป็นค่าโดยสารของเธอแน่ๆ มันเป็นอาวุธที่เขาพกติดตัวมาตลอด แม้ยามนอนก็ไม่เคยให้ห่างกาย จู่ๆ ก็จะขายมันทิ้ง เขาคงจะเสียใจและเสียดายไม่น้อย

“ไม่เป็นไรหรอกนะ ไปหาเอาใหม่ข้างหน้าก็ได้ นี่มันก็ขึ้นสนิมแล้ว” เขาหันไปบอกหญิงสาวที่ดูจะรู้สึกผิดกับการตัดสินใจของเขาขึ้นมาอีกแล้ว

“แต่...สำ...คัญ...”

“เจ้าไม่ต้องห่วงหรอก...ว่าไงล่ะท่านสนใจจะซื้อมันหรือเปล่า?” เขาตัดบท และหันไปหาเจ้าของร้านอีกครั้งพร้อมทั้งยื่นดาบให้อีกฝ่ายได้สัมผัส

“โอ้! สวยงามจริงๆ...ข้าไม่เคยเห็นดาบที่สวยอย่างนี้มาก่อน ตัวดาบได้น้ำหนักดีมาก...ปลอกก็สวยและเป็นเงินแท้เสียด้วย เดี๋ยวข้าจะจ่ายให้อย่างงาม” เจ้าของร้านนำดาบไปแขวนไว้และรีบนำเงินออกมาให้ชายหนุ่ม เพราะเกรงว่าคนขายจะเปลี่ยนใจเสียก่อน ทั้งเด็กสาวหน้าตาจิ้มลิ้มนั่นก็ทำท่าเหมือนไม่อยากจะขายเสียด้วย ดาบที่สมบูรณ์แบบอย่างนี้หาไม่ได้ง่ายๆ เขาสามารถขายต่อโดยโก่งราคาขึ้นไปอีกหลายเท่าตัวได้เลย ดูท่าว่าเจ้าหนุ่มนี่คงจะต้องการเงินซื้อตั๋วขึ้นเรือข้ามฟากไปแผ่นดินใหญ่แน่ๆ ไม่รู้ว่าหนีตามกันมาหรือเปล่า

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel