บทที่ 21 คู่ต่อสู้
พับ! พับ!
ก๊าซ! ก๊าซ!
เอรอสหลับตา เมื่อรู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างกำลังเคลื่อนไหว คลื่นพลังอันรุนแรงใกล้เข้ามาจนใจของเขาเต้นรัวราวตีกลอง ดวงตาสีน้ำเงินเบิกกว้างเมื่อมันกำลังมุ่งตรงมาที่เขาและคาริน! เขาทิ้งไม้พาย หยิบถุงย่ามและคว้าตัวเธอขึ้นมาอุ้มพาดบ่า พุ่งตัวขึ้นจากแพไปที่ริมตลิ่งทันที
หญิงสาวร้องไม่ออกเมื่อจู่ๆ ร่างของเธอในอ้อมแขนของเอรอสลอยละลิ่วขึ้นสูงและตกลงมาในทันทีทันใด ถึงแม้จะปลอดภัยแต่ก็อดตกใจกับท่าทีปุบปับและใบหน้าเคร่งเครียดอันผิดปกติของเขาไม่ได้
“หลบอยู่ที่นี่นะอย่าไปไหนจนกว่าข้าจะกลับมา” เขาดันร่างบางเข้าไปอยู่หลังพุ่มไม้ จัดแขนทั้งสองข้างของเธอให้กอดถุงย่ามไว้เพื่อคลายความหวาดกลัว
“ไม่ต้องกลัวนะ”
“เอ...เอ..” หญิงสาวร้องเรียก ชะโงกหน้าออกไปมองตามตาละห้อย ลางสังหรณ์บอกว่าจะต้องมีใครตามเธอมาและเขาอาจจะต้องเจอศึกหนัก ถ้าอาการป่วยกำเริบเหมือนวันนั้นเขาอาจจะถูกทำร้าย
ชายหนุ่มหันมามองหญิงสาวอีกครั้ง ก่อนจะวิ่งออกไปตรงพื้นที่โล่ง แล้วกระโดดไปตามต้นไม้ใหญ่ ใช้ยอดไม้เป็นที่เกาะเกี่ยวและพอจะรู้ว่าต้นตอของพลังอันชั่วร้ายนั้นอยู่ไกลจากที่นี่พอสมควร ซึ่งก็เป็นเรื่องที่ดีเพราะหากพวกมันพบตัวคารินแล้วล่ะก็ เขาอาจจะต้องห่วงหน้าพะวงหลังและเสียสมาธิ
“โอ๊ะ!” เขาชะงัก เมื่อจำคลื่นพลังนั้นได้! พลังที่ทำให้เขาเกิดปฏิกิริยาโต้กลับจนล้มลงในวันนั้น ไม่คิดเลยว่ามันจะอยู่ใกล้แค่ปลายจมูกนี่เอง
ก๊าซ! ก๊าซ!
เสียงร้องดังมาจากภูเขาสูงตระหง่านเบื้องหน้า ก่อนที่ร่างของมังกรบินจะโผล่ขึ้นบินโฉบไปโฉบมา พร้อมกับร่างสูงกำยำของชายผมบลอนด์นัยน์ตาเหยี่ยวซึ่งเป็นคนบังคับมัน
“มาจากเจ้านี่เองรึ? ไม่ใช่พลังที่มนุษย์จะมีเลย” เขาคิดในใจ ก่อนที่อีกฝ่ายจะมองมาเห็นเขาพอดี
“โอ๊ะ! เจอของดีเข้าแล้วสิ” เมอร์เดสเบิกตากว้างด้วยความยินดี ยิ้มได้เป็นครั้งแรก แม้เป้าหมายคือเด็กผู้หญิงผมสีน้ำตาลจะอยู่ที่เมืองท่าตะวันออกตามที่พ่อมดวาเลรี่แจ้งข่าวมา แต่การได้มาเจอของเล่นรายทางก็ช่วยให้หายเบื่อได้เหมือนกัน เขาเห็นอีกฝ่ายยืนอยู่บนยอดต้นไม้สูง ถ้าตาไม่ฝาด เขาไม่เห็นปลายเท้าของมันสัมผัสส่วนใดของลำต้นด้วยซ้ำ ไม่แน่ว่าผู้ชายผมสีน้ำเงินคนนี้อาจจะเป็นคนของประเทศใดประเทศหนึ่งที่มาตามหาเด็กผู้หญิงคนนั้นเหมือนกัน
“เป็นนักรบสินะ! มาจากประเทศไหนล่ะ ต้องการตัวนังเด็กคนนั้นเหมือนกันล่ะสิ แต่ไหนๆ แกก็มาเจอข้าแล้ว ขอลองฝีมือสักตั้งหนึ่งเถอะ!”
เมอร์เดสกระโดดลงจากมังกรบิน ชักดาบออกจากฝักพุ่งเข้าไปหาอีกฝ่าย อย่างรวดเร็ว ขณะที่เอรอสปัดดาบออกไปได้เช่นเดียวกัน
เคร้ง! เคร้ง!
เสียงดาบกระทบกันดังกึกก้องไปทั่วขุนเขา เมอร์เดสนั้นได้เปรียบเรื่องรูปร่างเพราะหนากว่า แต่ก็ใช่ว่าจะล้มอีกฝ่ายได้ง่ายๆ เมื่อผู้ชายที่เขาเห็นว่าสูงโปร่งนั้นแท้จริงแล้วมีฝีมือและความเร็วสูสีกับเขาเลยทีเดียว “เอานี่ไปกินหน่อยเป็นไง!” หนุ่มผมบลอนด์ใช้มือขวาประดาบ มือซ้ายปล่อยพลังออกจากฝ่ามือ เป้าหมายคือใบหน้าหล่อเหลาของอีกฝ่ายที่เห็นแล้วเกะกะลูกตานัก ระยะประชิดแบบนี้มีหวังเละหาชิ้นส่วนไม่เจอ
ซูม!!
ก้อนพลังพลาดเป้าไปอย่างไม่น่าเชื่อ ทั้งๆ ที่ใบหน้าของเอรอสอยู่ใกล้แค่คืบ ต้นไม้ข้างล่างหายไปเป็นแถบ แต่คู่ต่อสู้ของเขายังมีสีหน้าราบเรียบไม่สะทกสะท้านอะไรเลย
“เจอมันหรือยังล่ะ นังเด็กผมสีน้ำตาลนั้นน่ะ อย่าบอกนะว่าที่ขัดขวางข้าก็เพราะแกได้ตัวมันไปแล้ว”เมอร์เดสแสยะยิ้ม ทั้งตกใจและดีใจทีได้เจอคู่ปรับที่สมน้ำสมเนื้อสักทีหลังเดินทางข้ามน้ำข้ามทะเลมานานหลายปี โดยเฉพาะใบหน้าไร้อารมณ์ของอีกฝ่ายนั้นถูกใจเขายิ่งนัก เพราะอีกไม่นานมันจะได้เบิกตาร้องขอการไว้ชีวิตจากเขา
“ข้าไม่ได้มาตามหาใครทั้งนั้น...แต่ที่ต้องขัดขวางเจ้า เพราะไม่อยากให้เจ้ากลายเป็นปีศาจ”
เอรอสกระโดดลงไปยังพื้นดินด้านล่างที่กลายเป็นลานกว้างเพราะโดนพลังฝ่ามือของผู้มาเยือน โดยมีร่างกำยำนั้นตามมาติดๆ และตวัดดาบเข้ามาหาเขาโดยไม่ให้เสียเวลาแม้แต่นิดเดียว
ฮึบ! เคร้ง!
ฉัวะ! ฟ้าว! ตึง!
ครืด!!
ร่างของทั้งสองปะทะกันอย่างรุนแรงจนกระเด็นครูดถอยหลังออกจากกันไปคนละฝั่ง เอรอสยืนได้ก่อน เขาพุ่งเข้าใส่อีกฝ่ายทันที และเริ่มที่จะจริงจังขึ้นมาบ้างแล้ว เมอร์เดสไม่ปล่อยให้ศัตรูถึงตัว เขาปล่อยพลังออกไปกระทบก่อนที่อีกฝ่ายจะมาถึง ผลคือร่างของเอรอสกระเด็นออกไปพร้อมกับก้อนพลังอันรุนแรง
ตูม!!
ครึกๆๆๆๆๆ
พื้นดินบริเวณนั้นสั่นสะเทือนราวกับเกิดแผ่นดินไหว ต้นไม้ที่ขึ้นหนาทึบหายไปเป็นแถบๆ ทิ้งรอยไหม้ไว้จนฝุ่นควันคลุ้งกระจายขึ้นสู่ท้องฟ้า ประกายไฟแตกเปรี้ยะๆ พร้อมที่จะลุกโชติช่วงขึ้นมาหากเมอร์เดสปล่อยพลังเป็นครั้งที่สาม
“หึๆ เจ้านี่ทำให้ข้าต้องออกแรงมากพอดูเลยนะ โดนเข้าไปเต็มๆ แบบนั้นอย่าคิดว่าจะเหลือซาก” เมอร์เดสหยิบดาบขึ้นมา เป็นครั้งแรกที่เขาต้องใช้พลังมากกว่าปกติ และเพิ่มระดับความเร็วขึ้นเป็นเท่าตัวในการสู้กับศัตรู
“พลังของเจ้ารุนแรงมาก” เอรอสก้าวออกมาจากกลุ่มควันไฟ เสียงของเขาทำให้เมอร์เดสถึงกับเบิกตากว้างอย่างไม่เชื่อสายตา
“กะ! แก! เป็นไปไม่ได้ ก็แกโดนพลังของข้าไปเต็มๆ แล้วนี่!”
“เล่นเอาข้าจุกเลยเชียวล่ะ”
“แค่จุกเรอะ!! ไอ้บ้า! แกเป็นใครมาจากไหนกันวะ?” เมอร์เดสทนไม่ได้กับการเห็นสีหน้าที่ยังเรียบเฉยของอีกฝ่าย นอกจากมันจะไม่ตายแบบเละตุ้มเป๊ะแล้ว ยังเดินออกมาอย่างสง่าผ่าเผย ผิวเนื้อไร้รอยขีดข่วน แถมยังทำท่าไม่รู้ร้อนรู้หนาวกับพลังที่เขาปล่อยไปอีก
“เจ้ากินจิตชั่วเป็นอาหาร แถมดวงจิตของเจ้ายังรับมันได้แบบไร้ขีดจำกัด สักวันพลังชั่วร้ายนั้นจะกลืนกินเจ้าหากข้าไม่ทำลายมันตั้งแต่ตอนนี้”
“พูดอะไรไม่รู้เรื่อง!! นั่นมันยังน้อย มาเจอของจริงหน่อยเป็นไง” เเมอร์เดส ทิ้งดาบลงไปกับพื้น ก่อนจะรวบรวมพลังจากก้นบึ้งของจิตใจ เรียกความชั่วร้ายออกมา ผมสีบลอนด์ค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีแดงเพลิง ดวงตาแดงก่ำและเกิดคลื่นพลังขนาดมหึมาคล้ายดวงไฟล้อมรอบกายเขาอยู่
เอรอสมองคู่ต่อสู้ที่กำลังเปลี่ยนร่าง เขารู้ว่าระหว่างปีศาจกับคนธรรมดามีช่องว่างที่ไม่สามารถเชื่อมถึงกันได้อยู่ แม้มนุษย์จะพยายามแสวงหาวิธีการที่จะผนึกร่างเป็นหนึ่งเดียวกับจิตชั่ว แต่การกลายร่างไม่อาจทำได้ตลอดเวลานอกจากจะเจอแรงกระตุ้น ดังนั้นร่างมนุษย์ที่เรียกปีศาจออกมาจะอ่อนแอลงเรื่อยๆ และหมดอายุขัยเร็วกว่าปกติ
ปีศาจไม่มีดวงจิต แต่มนุษย์มี ดังนั้นมันจึงใช้ดวงจิตของมนุษย์เป็นที่สิงสถิต ในขณะที่คนที่ถูกสิงกลับคิดว่าตนได้รับพลังจากปีศาจโดยไม่ต้องสูญเสียสิ่งใด แม้แต่ร่างทรงของอสูรสงครามหรือปีศาจแห่งสงครามก็เช่นเดียวกัน
เมอร์เดสพุ่งเข้าใส่ร่างสูงตรงหน้าด้วยความเร็วที่เพิ่มขึ้นอีกเป็นสองเท่าในจังหวะที่อีกฝ่ายกำลังยืนมองเขาอยู่ ผลคือร่างของเอรอสหงายหลังกระแทกพื้นโดยมีเจ้าของดวงไฟสีแดงนั่งทับอยู่ เอรอสเบี่ยงหน้าหลบเมื่อเมอร์เดสเหวี่ยงกำปั้นลงมาทำให้มันพลาดไปโดนพื้นดินข้างๆ
ตึง!!
พลังของหมัดทำให้เกิดหลุมขนาดใหญ่ เอรอสฉวยจังหวะพลิกกลับบ้าง แต่เมอร์เดสก็ใช้ความเร็วถีบร่างสูงเต็มแรง แล้วปล่อยพลังซ้ำไปอีกครั้ง
“ไม่ได้! ถ้าพลังนั้นไปทางภูเขาลูกนั้นล่ะก็...คารินจะโดนไปด้วย”
เอรอสตั้งหลัก รวบรวมพลังขึ้นมาจนเป็นก้อนขนาดใหญ่ ปล่อยมันออกจากฝ่ามือต้านพลังของคู่ต่อสู้ไว้ทันที
