4
ทางไปห้องสมุดต้องผ่านทางเชื่อมระหว่างตึกที่พื้นเป็นกระเบื้องเรียบ เมื่อฝนตก มันกลายเป็นสนามลื่นชั้นดี คีตชะลอจังหวะ เธอก็ชะลอตามโดยอัตโนมัติ เธอกำลังจะหันไปพูดอะไรบางอย่าง และก็สะดุดอีกครั้ง คราวนี้ไม่หนัก แต่พอให้หัวใจหล่นไปอยู่ตาตุ่มชั่ววินาที
มือเขาคว้าจับเธอทันที
“ฉันบอกแล้วไงว่าฉันเดินเองได้..” เธอยังปากเก่ง ทั้งที่มือของเธอจับมือเขาไว้แน่นกว่าเขาจับเธอเสียอีก
“อือ” เขาตอบ และไม่ปล่อยมือเธออีก
ห้องสมุดค่อนข้างเงียบในช่วงฝนตก คนไม่เยอะเพราะส่วนใหญ่ยังติดอยู่ที่อื่น แสงไฟขาวนวลบนเพดานทอดตัวลงบนโต๊ะไม้ยาวที่จัดเรียงเป็นแถว ๆ เสียงแอร์ฮัมเบา ๆ อยู่ในพื้นหลัง น้ำตาลเลือกโต๊ะริมหน้าต่าง เธอดึงโน้ตบุ๊กออกมา เปิดโปรแกรมวาดภาพ ตั้งค่าไฟล์ รีบหยิบสไตลัส แล้วเริ่มลงสีพื้นที่ที่เหลือ
คีตนั่งลงฝั่งตรงข้าม แต่ขยับเก้าอี้เล็กน้อยให้เยื้องมาใกล้กัน เขาหยิบเอกสารที่เธอวางมาดูทีละแผ่น ใช้ดินสอกดที่หยิบจากกระเป๋าจดโน้ตเล็ก ๆ ตรงคำที่สะกดผิดหรือเว้นวรรคแปลก ๆ เขาไม่พูด เธอก็ไม่พูด โลกเป็นเส้นตรงของงานตรงหน้า และเป็นวงกลมของความสงบแบบประหลาดที่ห่ออยู่รอบ ๆ
ผ่านไปสักพัก น้ำตาลเอียงคอ เธอรู้สึกตึง ๆ บ่า “ข้อเสียของการเป็นคนขยันคือ… ไหล่พัง” เธอบ่นแผ่ว ๆ
คีตวางดินสอ “ยืด”
“หืม?”
เขาเอียงศีรษะนิดหนึ่ง ประสานมือแล้วยืดขึ้นเหนือศีรษะเป็นตัวอย่าง เธอกะพริบตา ก่อนจะหัวเราะเงียบ ๆ แล้วทำตาม เปลือกตาหลับลงชั่วครู่เพราะความตึงคลายอย่างฉับพลัน
“ดีขึ้นไหม” เขาถาม
เธอลืมตา เห็นเขามองมาด้วยสายตาที่ไม่ได้เย็นชาเลยแม้แต่น้อย “ก็…นิดหน่อย” เธอพึมพำ “ขอบคุณนะ” เขาพยักหน้า
เธอก้มหน้าทำงานต่อ ลบ ๆ ถม ๆ ลงเงาเพิ่มทีละจุด เสียงฝนที่นอกหน้าต่างเหมือนไกลออกไป เธอวาดจนลืมเวลา เงยหน้าขึ้นอีกที คีตยื่นเอกสารกลับมาให้เธอ แผ่นบนสุดถูกขีดด้วยดินสออย่างเป็นระเบียบ มีแถบกาวเล็ก ๆ แปะตรงมุมกระดาษ ‘ตรวจแล้ว’
“ละเอียดจัง…” เธอพึมพำ แล้วช้อนตาขึ้น “ขอบใจนะคีต ถ้าไม่มีนาย ฉันคง..”
เขาสบตาเธอแน่นิ่ง “อย่าลื่นล้มอีก”
เธอชะงัก แล้วหัวเราะออกมาในที่สุด “ประโยคเตือนเฉพาะกิจของนายเหรอเนี่ย”
เขาไม่ยิ้ม แต่ดวงตาอ่อนโยนอย่างชัดเจน
เวลาล่วงเลยไปจนงานของเธอเสร็จสมบูรณ์ เธอบันทึกไฟล์ ส่งอีเมล แล้วทิ้งตัวพิงเก้าอี้หายใจยาว “เสร็จสักที..”
เธอหยุดชะงักเมื่อเห็นว่าเสื้อนอกของเขายังวางอยู่บนไหล่เธอ เธอยกมันขึ้น ถลกแขนให้เรียบร้อย แล้วลูบไปตามรอยเย็บตรงขอบอย่างไม่รู้ตัว “เอ่อ… คืนเสื้อนะ”
คีตรับไปเงียบ ๆ สะบัดเล็กน้อยให้คลายตัว แล้วสวมกลับอย่างง่าย ๆ เธอจ้องมือเขาอยู่แวบหนึ่ง หัวใจรู้สึกพิลึกอย่างน่าขำ เหมือนอะไรบางอย่างถูกดึงออกไปจากบ่าเธอไปพร้อมกับเสื้อตัวนั้น
“ฝนน่าจะหยุดแล้ว” เธอกล่าวหลังจากมองออกไปนอกหน้าต่าง ม่านฝนหายไป เหลือเพียงหยดที่ไหลจากชายคาเป็นจังหวะ อากาศเย็น ๆ แต่ไม่โหดร้ายเหมือนชั่วโมงก่อน
คีตก้มมองนาฬิกาข้อมือ “ส่งงานทันสินะ”
“อือ” เธอยิ้ม “ดีจัง…”
ทั้งคู่เก็บของ เธอหันมาจะพูดขอบคุณอีกครั้ง แต่เสียงโทรศัพท์จากกระเป๋าเขาดังขึ้นก่อน เสียงสั่นต่อเนื่องยาวกว่าปกติ คีตเหลือบมองหน้าจอที่สว่างวาบ ชื่อที่โชว์เป็นชื่อผู้หญิงธรรมดา ๆ ชื่อหนึ่ง ไม่มีรูปโปรไฟล์ น้ำตาลไม่ได้ตั้งใจจ้อง แต่ตำแหน่งที่นั่งมันทำให้เห็นชัด เธอชะงักนิดเดียว อะไรบางอย่างจิ้มจึ๊กเบา ๆ ที่อกด้านซ้าย
เขากดรับ สายตายังนิ่ง เสียงทุ้มต่ำของเขาเบาพอไม่ให้รบกวนคนอื่น “อืม… อยู่มหาลัย… เดี๋ยวไป” คำตอบสั้น ๆ ตามสไตล์ เขาวางสายแล้วก็ไม่พูดอะไรอีก
“มีธุระเหรอ” น้ำตาลพยายามทำเสียงให้ปกติที่สุด
“อือ” เขาตอบ “ต้องไปเจอคนรู้จัก”
คำว่า ‘คนรู้จัก’ คลุมเครือพอที่จะไหลไปทางไหนก็ได้ในหัวของเธอ เธอทำปากเบ้เล็ก ๆ “งั้น… ไปสิ ไม่ต้องห่วงฉัน ฉันกลับเองได้” เธอรีบเก็บโน้ตบุ๊กลงกระเป๋า ลุกเร็วเกินไปจนเก้าอี้สีกับพื้นเกิดเสียงเอี๊ยด เธอทำหน้าขรึมกลบเกลื่อน “ขอบคุณสำหรับวันนี้นะ เรื่องร่ม… เรื่องโกโก้… แล้วก็.. เรื่องที่ช่วยตรวจงาน”
คีตยืนขึ้นเช่นกัน เขาพยักหน้าเบา ๆ
“ไว้เจอกัน” เธอพูด ก่อนจะเดินนำออกไป ประตูห้องสมุดเปิดออก เสียงอากาศหลังฝนใหม่ ๆ แตะผิว เธอก้าวเร็ว ๆ ตั้งใจจะไม่หันกลับไป แปลกดี ทั้งวันเธอพูดไม่หยุด แต่ตอนนี้กลับไม่รู้จะพูดอะไร
เสียงฝีเท้าเขาเดินเคียงมาด้านหลัง เธอหยุด เงยหน้ามองท้องฟ้าสีอ่อนที่เพิ่งถูกล้างด้วยฝนใหม่ ๆ ควันไอน้ำลอยจากพื้นถนนบาง ๆ กลิ่นดินชัดเจน เธอต้องการอากาศ เธอสูดลึก จู่ ๆ ก็รู้สึกโง่มากที่ใจเต้นแรงเพราะชื่อบนหน้าจอโทรศัพท์ของคนอื่น ความจริง… เขาจะรู้จักใครก็ได้ไม่ใช่เรื่องของเธอเสียหน่อย
“น้ำตาล” เสียงเขาเรียกอยู่ข้างหลัง
เธอไม่หัน “อะไร”
“ร่ม” เขายื่นร่มให้ทางด้านข้าง เธอโค้งตัวมอง ร่มสีดำคันเดิมถูกยัดใส่มือเธออย่างแน่วแน่ “เอาไป”
“แล้วนายล่ะ” เธอขมวดคิ้ว “นายจะไม่ใช้เหรอ”
“ฝนหยุดแล้ว” เขาบอก “แต่เธอต้องใช้”
“ใครว่ากัน ฉันไม่..” เธอเงียบ เมื่อภาพในหัวไหลย้อนกลับไปยังประโยคแรกที่เธอพูดในวันนี้ “ร่มก็ไม่ได้เอามา” เธอทำแก้มป่อง หยิบร่มมากอดไว้ “เออ… ก็ได้ ฉันจะคืนพรุ่งนี้ละกัน”
“อือ” เขาตอบสั้น “กลับดี ๆ”
เธอพยักหน้าหงึกหงัก กลับดี ๆ งั้นเหรอ เธออยากตอบกลับว่า “นายก็เหมือนกัน” แต่คำพูดเหมือนติดอยู่ในคอ เธอเลยได้แต่กระแอมเบา ๆ หันตัวไปอีกทาง “ไปเถอะ อย่าให้คนรู้จักของนายรอนาน”
เขามองหน้าเธอนานกว่าปกติ เหมือนจะพูดอะไรบางอย่าง แต่สุดท้ายก็เพียงยกมือขึ้นลูบขอบเสื้อนอกที่ไหล่เธอไม่ได้คลุมอยู่อีกแล้วราวกับความเคยชินที่ยังค้างคา แล้วจึงหันหลังเดินไปตามทางเดินด้านซ้าย
น้ำตาลยืนถือร่มไว้เฉย ๆ อยู่พักหนึ่ง ทั้งที่ฝนหยุดไปแล้ว เธอเผลอยิ้มกับตัวเองแบบงง ๆ หนึ่งที ก่อนจะรวบผมขึ้นใหม่ มัดด้วยยางเส้นเดิม แล้วเดินช้า ๆ ไปทางป้ายรถเมล์ ความรู้สึกในอกเหมือนหม้อโกโก้ที่เพิ่งอุ่น ไม่ร้อนเกินจนลวก แต่ไม่เย็นจนจืดชืด มันอยู่ตรงกลางที่พอดี… และชวนอยากจิบอีก
ระหว่างทาง เธอเปิดมือถือ มีข้อความจากกลุ่มเพื่อนเด้งขึ้นมา ‘เล่ามาเดี๋ยวนี้ ใครกางร่มให้! หล่อไหม! สูงไหม! โสดไหม!’ น้ำตาลกลอกตา พิมพ์ตอบช้า ๆ ‘ก็…คนรู้จักในคลาสน่ะ ไม่ได้อะไรหรอก’ เธอกดส่ง แล้วเก็บมือถือไว้อย่างรวดเร็วเหมือนกลัวคำถามต่อไปจะตามมาเป็นพรวน
เธอเดินผ่านกระจกบานใหญ่ของอาคารธุรการ ภาพสะท้อนของตัวเองสะท้อนกลับมา ผู้หญิงตัวเล็กในเสื้อเชิ้ตที่เริ่มแห้ง ข้อมือยังถือร่มสีดำของใครอีกคนอยู่ ทำไมร่มคันนี้ถึงดูใหญ่ถ้าเทียบกับตัวเธอ หรือเพราะภาพความทรงจำใต้ร่มเมื่อชั่วโมงก่อนมันหนักแน่นกว่าความเป็นจริง
“ปากไม่ตรงกับใจชัด ๆ” เธอบ่นกับเงาตัวเองเบา ๆ ก่อนจะส่ายหน้าแรง ๆ ไล่ความคิด “บ้าเอ๊ย หยุดคิดได้แล้ว”
เมื่อถึงป้ายรถเมล์ รถสายที่เธอต้องขึ้นก็พอดีขับเข้ามาจอดช้า ๆ เธอก้าวขึ้นไปนั่งตรงที่ว่างริมหน้าต่าง วางร่มบนตัก นิ้วโป้งไล้ไปตามด้ามจับเกลี้ยง ๆ อย่างเหม่อ ๆ ภาพมือใหญ่ที่คว้าข้อมือเธอไว้ก่อนล้มย้อนขึ้นมาอีกครั้ง พร้อมเสียงทุ้มต่ำที่พูดว่า ‘ฉันไม่อยากให้เธอเจ็บ’
เธอสูดหายใจแผ่ว ๆ ใจเต้นแปลก ๆ ทั้งที่ควรจะเหนื่อยและอยากหลับ
รถเมล์ค่อย ๆ เคลื่อนตัวออกจากมหาวิทยาลัย ถนนหลังฝนตกมีแสงสะท้อนเป็นระยะเป็นพรมสีเงินทอดไปข้างหน้า เมืองดูเหมือนถูกเช็ดให้สะอาดขึ้นนิดหนึ่ง ผู้คนกลับสู่จังหวะเดิมของชีวิต น้ำตาลเอนหัวพิงกระจก ยกมือขึ้นปิดปากหาว เธอเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าไม่ได้คืนผ้าเช็ดหน้า…
“แย่แล้ว” เธอพึมพำ ผ้าเช็ดหน้าที่มุมปักตัว K ยังอยู่ในกระเป๋าเธอ เธอคว้ามันขึ้นมาดู สีอ่อนสะอาดของมันทำให้เธอรู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่างจากเขายังอยู่ใกล้ การต้องคืนของให้เขาพรุ่งนี้ทำให้เธอคิดถึงพรุ่งนี้ทันที เจอกันที่ไหนนะ ห้องไหนมีคลาสร่วม ถ้าบังเอิญไม่เจอ จะส่งให้ยังไงดี
รถเมล์กระชากเบา ๆ ตัดความคิด เธอหัวเราะให้ตัวเองอย่างเบาหวิว “บ้าแล้วน้ำตาล แค่นี้ก็คิดเยอะ” เธอสอดผ้าเช็ดหน้ากลับลงในช่องซิปเล็ก ๆ ของกระเป๋า เก็บไว้ให้ดีเหมือนของล้ำค่า
