3
คีตมองออกไปนอกหน้าต่าง ไม่ได้แตะมือถือเลย เขานั่งนิ่งแบบคนที่ไม่ฝืนจะทำอะไรให้ดูดี เขายกมือขึ้นเช็ดหยดน้ำตรงสันกรามเบา ๆ เส้นเลือดตรงข้อมือเขาเต้นแผ่วอย่างเป็นจังหวะ เธอเผลอมองนานเกินไป จนเมื่อเขาหันกลับมา สายตาทั้งคู่ก็สบกันพอดี
“อะไร” เธอทำเป็นยู่หน้า “ฉันแค่มองออกไปข้างนอกน่ะ”
“อือ” เขาไม่โต้ แต่สายตาดูอ่อนลงกว่าตอนแรกปนขบขัน
เครื่องดื่มมาเสิร์ฟ ไอน้ำอุ่นคลุ้งขึ้น น้ำตาลโอบแก้วลาเต้ด้วยสองมือ อุณหภูมิอุ่น ๆ ซึมเข้ามาจนรู้สึกเหมือนเส้นเลือดทั้งหมดผ่อนคลาย เธอลองจิบ หวานน้อยอย่างที่สั่ง กลิ่นนมอ่อน ๆ ผสมกับกาแฟพอดี
คีตยกแก้วอเมริกาโน่ขึ้น ดื่มเงียบ ๆ เขาหลุบตาลงเล็กน้อยตอนรสขมผ่านลิ้น เธออยากแกล้งถามว่าไม่ขมเหรอ แต่ก็กลัวโดนตอบว่า “อือ” อีก เลยเลือกจะพูดเรื่องอื่น
“เมื่อกี้… นายไปไหนมาเร็วจัง” เธอนึกถึงตอนที่เขาไปซื้อโกโก้ “ตู้ขายของนั่นมันไกลอยู่นะ”
“เดิน” เขาตอบ
“ก็เห็นอยู่ว่าเดิน… ปกติคนจะพูดว่า ‘ไปซื้อมาน่ะ’ หรือ ‘คิดว่าน่าจะหิวเลยซื้อมา’ อะไรแบบนั้น” เธอบ่นปนหัวเราะเบา ๆ “นายคงประหยัดคำพูดมากจนกลัวดอกพิกุลจะร่วงใช่มะ”
มุมปากเขาขยับน้อยจนแทบไม่เห็น
น้ำตาลกะพริบตา ก่อนจะหัวเราะออกมาสั้น ๆ
มีช่วงเงียบสบาย ๆ ระหว่างคนสองคน เธอคีบผมเปียกเล็กน้อยขึ้นมาดูแล้วสยายลง กลิ่นโกโก้จากซองเมื่อครู่ยังอ้อยอิ่งอยู่ในความทรงจำ เธอคิดถึงคำว่า ‘หวาน’ ขึ้นมาทันที แล้วเผลอมองเขาอีกครั้ง
“คีต” เธอเรียกชื่อเขาเป็นครั้งแรกในวันนี้
เขาเงยหน้า “อือ”
“ทำไม… ถึงกางร่มให้ฉันล่ะ” เธอถามแบบขวานผ่าซาก “ใคร ๆ ก็วิ่งหลบของใครของมันนี่นา นายจะไปของนายก็ได้”
เขาไม่ตอบทันที สายตาเขาหลุบลงที่แก้วกาแฟอยู่ครู่หนึ่ง พูดช้า ๆ “เธอไม่มีร่ม”
คำตอบเรียบง่ายจนเธอเบิกตา “แค่นั้น?”
“อือ”
น่าหงุดหงิดและน่ารักอย่างบอกไม่ถูก น้ำตาลอยากจะทำเสียงฟึดฟัด แต่ปากกลับยกขึ้นเองอย่างห้ามไม่อยู่ เธอสบตาเขาไม่กี่วินาที แล้วต้องเป็นฝ่ายหลบก่อนเพราะรู้สึกเหมือนกำลังจะถูกอ่านใจ
“นาย…แปลกดี” เธอแกล้งสรุป “พูดน้อย แต่มือเร็ว”
คีตเลิกคิ้วนิดหนึ่ง
“หมายถึง…ลงมือไว” เธอรีบแก้ “คือ… ทำอะไรแทนคำพูดตลอด”
คราวนี้เขาเงียบ แววตาคล้ายพิจารณาบางอย่างในใจ แต่ไม่เปิดเผยให้ใครเห็น น้ำตาลนั่งนิ่ง จู่ ๆ ก็อยากรู้เรื่องของเขามากกว่านี้ อยากรู้ว่าเขาชอบฟังเพลงแบบไหน ทำไมถึงชอบอเมริกาโน่ ทำไมถึงไม่ค่อยยิ้ม ทำไมถึง…กางร่มให้เธอในวันที่ฝนตก ทั้งที่ไม่ใช่หน้าที่อะไรของเขาเลย แม้เขาและเธอจะเรียนคลาสเดียวกันมาได้หนึ่งเทอมแล้ว แต่น้ำตาลเพิ่งสังเกตว่าเธอไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเพื่อนคนนี้เลย
เสียงแจ้งเตือนจากโทรศัพท์เธอสอดแทรกความคิด ‘อย่าลืมส่งแบบร่างอินโฟกราฟิกวันนี้’ น้ำตาลสะดุ้ง เธอทิ้งตัวพิงเก้าอี้แล้วร้องโอ๊ยในใจ “งานโปรเจกต์!” เธอชะโงกหน้าไปหยิบโฟลเดอร์ในกระเป๋า หยิบเอกสารที่พิมพ์วางไว้บนโต๊ะ “นายส่งส่วนของนายแล้วใช่ไหม”
“อือ”
“เหลือของฉันนี่แหละ” เธอทำหน้าซีด เธอคิดว่าตัวเองเสร็จแล้ว ที่ไหนได้ยังขาดรูปประกอบอีกสองชิ้น “ฉันต้องลงสีอีกนิด… แต่ดูท่าคืนนี้ก็คงไม่เสร็จแหง ๆ”
คีตหันมองเธอเล็กน้อย “ให้ช่วยไหม”
น้ำตาลชะงัก รู้สึกผิดคาดนิดหน่อย “นายวาดรูปได้เหรอ”
“ทำได้บ้าง” เขาขยับแก้วกาแฟ “หรืออยากให้ตรวจคำผิด”
เธอหัวเราะ “เออ นายสายเนี้ยบอยู่แล้วนี่นะ ตรวจคำผิดน่าจะเก่ง” เธอทำท่าคิด “งั้น… ถ้าฝนซา เดี๋ยวเราไปนั่งที่ห้องสมุดด้วยกันไหม จะได้ปิดงานเลย” พอพูดจบหัวใจเธอก็เต้นแรงอย่างไร้เหตุผล รู้สึกเหมือนเป็นคนชวนเดต ทั้งที่จริง ๆ แค่ทำงาน (ใช่ไหมนะ)
เขาพยักหน้า “ได้” คำตอบง่าย ๆ ทำให้แก้มเธออุ่นวาบอีกครั้ง เธอรีบก้มจิบลาเต้กลบความเขิน
สายฝนเริ่มเบาลงจริง ๆ ฝนจากม่านหนาแน่นกลายเป็นเส้นบาง ๆ โปรยปราย บนถนนน้ำที่ขังไว้เริ่มไหลหาย คนในร้านลุกออกบ้างเข้าแทนบ้าง เธอเปิดมือถือดูพยากรณ์อากาศแล้วพยักหน้า “อีกไม่นานคงเดินออกไปได้แล้วล่ะ”
คีตเก็บแก้วของตัวเองไปทิ้งและกลับมาหยิบเสื้อนอกจากพนักพิง เขาไม่ได้เอากลับ แต่ยกขึ้นมาสะบัดเบา ๆ แล้ววางบนไหล่เธอเหมือนเดิม เธอทำตาโต “ฉันบอกแล้วไงว่า..”
“กันลม” เขาพูดคำเดิม
น้ำตาลกลอกตา แต่ก็ยอมคราวนี้ เธอติดกระดุมบนเสื้อนอกเขาหนึ่งเม็ดเพราะมันหลวมเกินไปสำหรับตัวเธอ แล้วลุกขึ้น “ไปกันเถอะ ก่อนที่ฉันจะเปลี่ยนใจนั่งกินเค้กต่อ”
เขาไม่พูด แต่เปิดประตูให้ เธอเดินนำออกไป ร่มสีดำกางขึ้นอีกครั้งอย่างเป็นจังหวะที่คุ้นเคยครึ่งวันแล้ว เธอแทรกตัวเข้าใต้ร่ม ตั้งใจจะเว้นระยะห่างสักคืบสองคืบ แต่เขาก็ยังเอียงร่มเข้ามาทางเธอเหมือนเดิม จนไหล่ด้านนอกของเขาเปียกบาง ๆ เธอกัดริมฝีปาก จะบ่นก็เกรงใจ จะปล่อยก็รู้สึก…อบอุ่น
