2
คีตพาเธอหลบเข้ามุมด้านในสุด ปล่อยมือจากเธอเพียงครู่เดียวเพื่อพับร่ม น้ำตาลคว้ามืออีกข้างมากอดกระเป๋าไว้แน่นเหมือนกลัวคนจะเห็นใบหน้าแดงๆของเธอ น้ำตาลพยายามหายใจให้เป็นปกติ แต่หัวใจยังเต้นตุบ ๆ เหมือนกลองใบเล็กในอก
“ขอบ..” เธอกะพริบตา พูดติด ๆ ขัด ๆ “ขอบคุณ”
เขาพยักหน้าเบา ๆ คิ้วเข้มของเขาเปียกชื้นเล็กน้อยจากหยดน้ำที่พรมเข้ามาตอนกางร่มให้เธอ เสื้อนอกสีเข้มของเขาเปียกไปครึ่งซีก เธอชะโงกหน้าไปดูแล้วจิ๊ปาก “นี่ไหล่ข้างนั้นเปียกหมดเลย นายนี่มัน… เอ๊ะ ช่างเถอะ ไม่ใช่ความผิดฉันนะ ฉันไม่ได้บอกให้เอียงร่มมาทางฉันขนาดนั้นสักหน่อย”
“อือ” เขารับเพียงสั้น ๆ
“อืออะไรกันล่ะ!” เธอเริ่มแผดเสียงใส่ตามความเคยชิน แต่เป็นเสียงที่แผ่วลงมาจากปกติเพราะเกรงใจคนรอบข้าง “พูดเยอะกว่านี้ไม่ได้รึไง”
เขาสบตาเธอชั่วขณะ ดวงตาเรียบ ๆ นั่นมีประกายบางอย่างที่อ่านไม่ค่อยออก “หนาวไหม”
“ห๊ะ?” เธอชะงักไป เขาถามว่าเธอหนาวไหม? “ก็..ก็ไม่เท่าไหร่หรอกมั้ง” (ทั้งที่จริง ๆ ขนลุกตั้งแต่ฝนเริ่มซัดสาดใส่แล้ว)
คีตมองเสื้อเชิ้ตที่เปียกชื้นของเธอ แล้วเอื้อมมือไปหยิบอะไรบางอย่างจากกระเป๋าเป้ผ้าใบ เขาดึงผ้าขนหนูเล็ก ๆ ออกมา เป็นผ้าเช็ดหน้าสีอ่อนที่ดูสะอาดและพับอย่างเรียบร้อย เขายื่นมาให้เธอโดยไม่พูดอะไร
“อะไร” น้ำตาลกอดอก แต่อีกมือยื่นไปรับทันที “ของนายเหรอ”
“อือ”
“แล้ว… จะไม่สกปรกเหรอ ฉันจะทำเปียกนะ” เธอถาม แต่ก็เริ่มซับน้ำบนผมหน้าม้าและแก้มของตัวเองอย่างตั้งใจ
เขาไม่ตอบ เธอเลยเงยขึ้นมาจะหาเรื่องเพิ่ม แต่กลับเห็นว่าเขากำลังแกะซิปเสื้อนอกตัวเอง แล้วถอดออกอย่างง่าย ๆ เสื้อนอกหนา ๆ หลุดออกจากบ่าเผยให้เห็นเสื้อยืดเรียบสีเทาด้านในที่แนบกับไหล่เขาพอดี เสื้อนอกถูกพาดลงบนไหล่ของเธอแทน
น้ำตาลเบิกตากว้าง “นี่นาย… ทำอะไรเล่า! ฉันไม่ได้หนาวขนาดนั้นนะ!”
“กันลม” เขาวางมือเบา ๆ บนไหล่เธอเพื่อจัดเสื้อให้อยู่ทรง “รอรถอาจนาน”
“ฉันบอกว่าไม่ต้อง..” เธอจะถอดออกคืน แต่ลมจู่ ๆ ก็พัดแรงจนหยดน้ำเย็นเฉียบฟาดเข้าหน้า เธอสะดุ้ง เงียบไปสองวินาที แล้วค่อยพูดเสียงเบา “..ก็ได้”
เขาไม่ยิ้ม แต่ดวงตากลับอ่อนลงอย่างที่เธอไม่ทันสังเกต
ป้ายรถเมล์วันนี้ดูชุลมุนกว่าปกติ คนเต็มไปหมด ซอกเล็ก ๆ ใต้หลังคากลายเป็นพื้นที่แย่งชิง ผู้คนไถมือถือดูเวลา ร้องบ่นเรื่องฝน รถติด และความซวยของวันธรรมดาที่ไม่ธรรมดา น้ำตาลก้มดูหน้าจอของตัวเองเช่นกัน เห็นแจ้งเตือนจากกลุ่มเพื่อน ‘ฝนตกหนักมากแม่! ใครติดอยู่มหาลัยบ้าง’ เธอพิมพ์กลับเร็ว ๆ ‘ติดจ้าาาาาาาาา แต่มีคนใจดีช่วยกางร่มให้’ แล้วรีบกดล็อกหน้าจอแทบไม่ทัน เพราะกลัวว่าคีตจะเห็น (ทั้งที่เขาไม่ได้แม้แต่จะก้มมอง)
สายตาเธอเผลอมองไปที่ข้อมือเขา แขนเสื้อเชี้ตแนบกับกล้ามเนื้อนิด ๆ ที่ไม่ใหญ่เกิน แต่ดูแข็งแรง มือเขามีรอยขีดจาง ๆ คล้ายรอยบาดจากกระดาษหรืออะไรง่าย ๆ ที่เกิดจากชีวิตประจำวัน เธอรู้สึกแปลก ๆ ที่อยากถามว่าไปโดนอะไรมา แต่ปากกลับไม่ขยับเสียก่อน เลยแกล้งทำเป็นไอไปหนึ่งทีแทน
ไม่นานนัก เสียงท้องของเธอก็ประท้วงเบา ๆ พื้นที่เงียบ ๆ ทำให้มันดังเสียจนเธอเองได้ยินชัด หูร้อนผ่าว เธอรีบไออีกทีกลบ แต่คีตนั้นแน่นอนว่าเขาได้ยิน เขามองมานิดหนึ่ง
“ฉันไม่ได้หิวซะหน่อย” เธอรีบเอ่ยก่อนที่เขาจะพูดอะไร
“อือ” เขาตอบ และหยุดมองหน้าของเธอหนึ่งวินาที “รอ”
“รออะไร..” เธอยังพูดไม่จบ เขาก็หันหลังเดินออกไปจากป้ายรถเมล์ราวกับลืมว่าอยู่ท่ามกลางสายฝน เธอสะดุ้ง “เฮ้! จะไปไหนเนี่ย!” เธอดึงเสื้อนอกบนไหล่ให้แน่นขึ้นแล้วชะเง้อคอมอง เขาเดินแค่ไม่กี่ก้าวไปยังตู้ขายของอัตโนมัติฝั่งตรงข้ามที่มีชายคาป้องกันละอองฝน เขายืนจิ้ม ๆ อยู่ครู่หนึ่ง เสียงเครื่องดังเบา ๆ ก่อนที่ถุงอะลูมิเนียมสองซองจะตกลงมา
เขากลับมาอย่างนิ่ง ๆ แล้วยื่นซองหนึ่งให้เธอ “โกโก้ร้อน”
“ฮะ?” เธอลังเลมองแพ็กเกจแล้วสบตาเขา สายตานิ่ง ๆ คู่นั้นไม่บังคับ แต่เหมือนบอกว่า ‘ดื่มสิ’ เธอเลยรับมา พอฉีกเปิดไอน้ำอุ่น ๆ ก็ลอยขึ้นแตะปลายจมูก กลิ่นโกโก้หวาน ๆ ตัดกับกลิ่นฝนอย่างพอดี เธอจิบคำแรก ลมหายใจผ่อนยาวโดยไม่รู้ตัว
“ขอบใจนะ” เธอพูดแผ่ว
เขาพยักหน้า แล้วดึงซองของตัวเองขึ้นดื่มบ้าง
“นายรู้ได้ไงว่าฉันอยากกินโกโก้” เธอถาม ทั้งที่จริง ๆ จะอะไรก็ได้ถ้ามันอุ่น
“เดา” เขาเฉียงมองซองโกโก้ในมือเธอ “เธอชอบหวาน”
น้ำตาลทำปากยู่ “ใครว่ากัน ฉันไม่ได้ชอบหวานขนาดนั้นนะ!”
“อือ” เขารับแบบนั้นอีกแล้ว แต่หางคิ้วของเขายกขึ้นนิดเดียวเหมือนกำลังขำ เธอทำท่าเหมือนจะหงุดหงิด เพิ่มน้ำหนักหมุนหลอดด้วยนิ้วเป็นวงเล็ก ๆ สองสามรอบ แล้วเผลอยิ้ม เธอแอบคิดว่าถ้าเขายิ้มก็น่าจะดี… แต่ก็ยังยอมรับกับตัวเองไม่ได้ง่าย ๆ
เวลาผ่านไป รถเมล์ก็ยังไม่มาสักที สายน้ำไหลจากขอบหลังคาเป็นม่านโปร่ง บางคนตัดสินใจเรียกแท็กซี่ บางคนโทรหาคนมารับ บางคนถอนหายใจดัง ๆ น้ำตาลเริ่มกระสับกระส่าย เธอตั้งใจจะกลับหอไปเปลี่ยนเสื้อ อาบน้ำอุ่น ๆ แล้วนอนแผ่ แต่ดูท่าทางจะอีกนาน
“ถ้าเธอหนาวมาก…” คีตพูดขึ้นเรียบ ๆ “ไปหลบในคาเฟ่ก่อนก็ได้” เขาพยักพเยิดไปทางร้านกาแฟเล็ก ๆ ข้างคณะ ป้ายกระจกฝ้าจากไอน้ำด้านใน เห็นคนจิบเครื่องดื่มอุ่น ๆ ผ่านบานหน้าต่างสีน้ำตาล
“ใครหนาวกัน..” เธอเผลอเถียงแบบเดิม ๆ โดยไม่ทันคิด แต่เสียงลมพัดแรงอีกครั้งทำให้เธอห่อตัวนิด ๆ “เอ่อ… ไปก็ได้ เดี๋ยวปอดบวมแล้วจะหาว่าฉันเรื่องมากอีก”
เขาไม่พูดอะไร แค่กางร่มอีกครั้ง ชิดเข้ามาใกล้อย่างเดิม คราวนี้มือเขาไม่ได้จับมือเธอ แต่ปลายนิ้วเขาแตะหลังมือเธอเบา ๆ เหมือนเช็คว่าเย็นไปไหม เธอสะดุ้งเล็กน้อยแล้วทำเป็นไออีกครั้งเพื่อกลบเกลื่อน
ทางไปคาเฟ่ไม่ได้ไกล แต่มีแอ่งน้ำและพื้นต่างระดับเยอะ เขาชะลอจังหวะให้เธออย่างสม่ำเสมอ พอถึงหน้าประตูร้าน เขาดันบานประตูให้ก่อน ลมอุ่น ๆ และกลิ่นกาแฟสดตีกลับออกมาเหมือนผ้าห่มบาง ๆ ห่อคนทั้งสองให้สบายใจ
“รับอะไรดีคะ” บาริสต้าทักยิ้ม ๆ
“เอ่อ…” น้ำตาลมองเมนู เธอได้โกโก้ร้อนไปแล้ว ถ้าสั่งหวานอีกก็จะโดนเขาแซว (เขาไม่พูด แต่แววตาเขาแสดงออก) “ลาเต้ร้อน…หวานน้อยค่ะ”
“ครับ” คีตสั่งของตัวเองสั้น ๆ “ของผมอเมริกาโน่ร้อน ไม่หวาน”
น้ำตาลเหลือบมอง หัวคิ้วย่นนิด ๆ “ขมปี๋”
“อือ”
“นายไม่เบื่อเหรอ ดื่มอะไรที่…ไม่มีรสชาติแบบนั้นทุกวัน”
“มีรส” เขาตอบเรียบ “แค่ไม่หวาน”
เธออดไม่ได้ที่จะยิ้มจาง ๆ ตอนถือบัตรนักศึกษาจ่ายเงิน คีตขยับมือเหมือนจะยื่นบัตรของตัวเองก่อน แต่เธอไวกว่า เขาเลยยอมถอย
“ฉันเลี้ยงเอง” เธอว่าเร็ว ๆ
เขาเอียงคอนิด “ไม่ต้อง”
“ฉันบอกว่าจะเลี้ยงก็เลี้ยงสิ! ถือว่า…ตอบแทนที่ช่วยกางร่มให้ละกัน” เธอทำเสียงแข็งเพื่อปิดบังความเก้อเขิน “ยอมแพ้สักครั้งเถอะน่า”
เขาไม่ยืนยันต่อ แค่เงียบไป เธอเลยยืดตัวขึ้นนิด ๆ อย่างภูมิใจ
ทั้งคู่หาที่นั่งริมหน้าต่าง มองสายฝนที่ยังไม่ยอมซา เธอถอดเสื้อนอกเขาวางไว้บนพนักพิงเก้าอี้อย่างระวัง กลัวจะเลอะกาแฟหรือเปียกกว่าเดิม ขณะรอเครื่องดื่ม น้ำตาลหยิบผ้าเช็ดหน้าที่เขาให้ขึ้นมาพลิกดูอีกครั้ง ผืนผ้านุ่มสะอาด มุมหนึ่งมีรอยปักเล็ก ๆ เป็นตัวอักษรภาษาอังกฤษตัวเดียว — K — เล็กมากจนแทบมองไม่เห็นถ้าไม่เพ่ง เธอขยับยิ้ม ก่อนจะวางลงแล้วดึงยางรัดผมออก ปล่อยผมให้คลายความชื้น เธอใช้นิ้วสางผมไปมา พลางแอบชำเลืองมองเขา
