บทที่ 3 ท่านแม่ดีกับข้าที่สุด
บทที่ 3 ท่านแม่ดีกับข้าที่สุด
จางหมินเย่วเดินกระแทกเท้ากลับมายังเรือนของตนด้วยความรู้สึกขัดเคืองใจ ความร้อนรนทำให้นางเอาแต่เดินไปเดินมาอยู่ภายในห้องอย่างวิตกกังวล
“คุณหนูรอง ท่านสงบใจลงก่อนเถิดเจ้าค่ะ” เล่อจิ้นสาวใช้คนสนิทพูดปลอบประโลมจางหมินเย่ว หลังเห็นนางท่าทางหงุดหงิดและอารมณ์เสีย
“เล่อจิ้น...เจ้าไปคอยดูท่านแม่ที่หน้าเรือน หากเห็นท่านแม่รีบมาแจ้งข้าเร็ว”
“เจ้าค่ะ” เล่อจิ้นรีบรับคำ
ผ่านไปร่วมชั่วยามร่างบางระหงของเซี่ยเหมยก็ปรากฏตัวที่หน้าเรือน หญิงวัยกลางคนที่ยังดูงดงาม ยามเดินย่างกรายกลับดูสุขุมและอ่อนโยน
“คุณหนูรอง ฮูหยินมาแล้วเจ้าค่ะ”
จางหมินเย่วได้ยินเช่นนั้นก็รีบวิ่งออกไปด้านนอกในทันที
“ท่านแม่...ท่านพ่อว่าอันใดบ้าง ท่านแม่พูดให้ข้าแล้วใช่หรือไม่” จางหมินเย่วถามคำถามรัวออกไปอย่างร้อนใจ
“เย่วเอ๋อร์ เจ้าใจเย็นก่อน ให้แม่ได้พักหายใจสักหน่อย” เซี่ยเหมยหยอกเย้าใส่นางเมื่อเห็นท่าทางตื่นเต้นอย่างออกนอกหน้า
“ท่านแม่...ก็ข้าร้อนใจนี่เจ้าคะ” จางหมินเย่วก้มหน้างุดลงไป ก่อนจะประคองเซี่ยเหมยเข้ามาภายในเรือน จางหมินเย่วรีบพานางนั่งลงที่โต๊ะกลางห้อง พร้อมทั้งรินน้ำชายกให้ด้วยตนเองอย่างเอาอกเอาใจ
“พอแล้วๆ ลูกคนนี้นี่จริงๆ เลย ไม่ให้พ่อของเจ้าปวดหัวได้เช่นใดกัน” เซี่ยเหมยพูดพลางตวัดมือให้จางหมินเย่วนั่งลงด้านข้าง
จางหมินเย่วยิ้มกว้างออกมาอย่างหน้าทะเล้น พร้อมส่งสายตาทอดมองเซี่ยเหมยอย่างมีความหวัง
“ท่านแม่ ท่านเลิกแกล้งข้าได้แล้ว ท่านพ่อว่าอันใดบ้างเจ้าคะ”
“เย่วเอ๋อร์...เจ้าแน่ใจหรือไม่ว่าเจ้าชอบพอกับใต้เท้าซ่ง” เซี่ยเหมยถามออกมาด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง
“ข้าแน่ใจท่านแม่”
“แล้วใต้เท้าซ่งเล่าคิดเช่นใดกับเจ้า”
“เอ่อ...อันที่จริงข้ายังมิเคยพูดคุยกับใต้เท้าซ่งเลย” จางหมินเย่วสารภาพพลางก้มหน้าสลดลงไป นางนึกถึงคืนดังกล่าวในตอนที่ลงเรือ เดิมทีนางตั้งใจหาจังหวะเข้าไปพูดคุยทำความรู้จักกับชายหนุ่ม แต่เพราะคนค่อนข้างพลุกพล่าน ยามเมื่อตนลงจากเรือก็คลาดกับเขาเสียแล้ว
“ตายแล้ว...แล้วที่เจ้าพูดกับพ่อเจ้าว่าต้องการแต่งงานเล่า...มันเรื่องอันใดกัน” เซี่ยเหมยยกมือทาบอกพร้อมตกใจกับคำสารภาพของบุตรสาว
“ท่านแม่...เป็นความต้องการของข้าอย่างแท้จริง” จางหมินเย่วพูดพลางกุมมือทั้งสองของเซี่ยเหมยพร้อมจ้องหน้านางอย่างจริงจัง
“เฮ้อ...แล้วนี่ข้าจะพูดกับพ่อเจ้าเช่นใดกันดีเล่า” เซี่ยเหมยมองหน้าจางหมินเย่วพร้อมทอดถอนหายใจออกมาอย่างหนัก เดิมทีนางเกลี้ยกล่อมสามีด้วยคิดว่าทั้งสองผูกสมัครรักใคร่กัน แต่ที่ไหนได้กลับเป็นบุตรสาวของตนคิดเพ้อฝันไปคนเดียว
“ท่านแม่...ข้าอยากใช้ชีวิตร่วมกับใต้เท้าซ่ง...ท่านแม่ต้องช่วยข้านะ” จางหมินเย่วพูดพลางเขย่าแขนของนางไปพลาง “ข้ามั่นใจ ข้าจะทำให้ใต้เท้าซ่งชอบพอข้าให้ได้” จางหมินเย่วพูดด้วยน้ำเสียงมั่นใจ
“เย่วเอ๋อร์...ข้าเกลี้ยกล่อมพ่อเจ้าไปแล้วหนหนึ่ง แม้พ่อเจ้าจะยังมิใจอ่อนแต่ก็มิได้แข็งขืนเช่นคราแรก หากเจ้าทั้งสองชอบพอกันจริง ข้าจะสนับสนุนเจ้าเอง”
“ขอบคุณท่านแม่...ท่านแม่ดีต่อข้าที่สุดเลย” จางหมินเย่วร้องออกมาอย่างดีใจ นางโผเข้ากอดเซี่ยเหมยอย่างนึกขอบคุณ
“เจ้าเด็กโง่...” เซี่ยเหมยส่ายหน้าพร้อมยิ้มบางออกมา
หลังจากเซี่ยเหมยออกจากเรือนไป จางหมินเย่วก็รีบเรียกเล่อจิ้นเข้ามาโดยด่วน
“เล่อจิ้น...เจ้าเตรียมชุดให้ข้าที พรุ่งนี้ข้าจะไปขอพบใต้เท้าซ่ง” จางหมินเย่วพูดออกมาด้วยท่าทางตื่นเต้น ใบหน้ายิ้มกว้างจนแทบปริ ดวงตาระยิบระยับอย่างมีความหวัง
“เจ้าค่ะ...ข้าจะเตรียมชุดที่สวยที่สุดให้คุณหนูเจ้าค่ะ”
“อืม...พรุ่งนี้ข้าควรมีของติดไม้ติดมือไปด้วย พรุ่งนี้เช้าเจ้าไปช่วยข้าทำขนมเซาปิ่ง” จางหมินเย่วพูดพร้อมความคิดที่โลดแล่นไปไกล
“คุณหนูจะเข้าครัวเองเลยหรือเจ้าคะ หรือไม่ให้ข้าสั่งพ่อครัวจัดเตรียมไว้ให้ดีหรือไม่”
“เหลวไหล...ของติดไม้ติดมือข้า...ข้าก็ต้องเป็นคนทำกับมือสิ” จางหมินเย่วตวัดสายตาดุใส่เล่อจิ้น
“เจ้าค่ะ...เช่นนั้นข้าจะรีบให้พ่อครัวเตรียมของไว้ให้คุณหนูแต่เช้านะเจ้าคะ” เล่อจิ้นพยักหน้าปลกๆ ท่าทางคุณหนูของนางจะเสน่หาใต้เท้าซ่งผู้นี้อย่างแท้จริง คุณหนูของนางถึงกับเข้าครัวด้วยตัวเองเช่นนี้
จางหมินเย่วยิ้มกลับให้เล่อจิ้นอีกครั้งอย่างพึงพอใจ “เจ้าช่างรู้ใจข้าที่สุด”
จางหมินเย่วสบายใจขึ้นมาอย่างมาก นางยกมือขึ้นเท้าคางกับโต๊ะ พร้อมจิตใจที่ล่องลอยไปกับจินตนาการของตนอย่างมีความสุข
ในขณะที่เซี่ยเหมยที่เดินออกจากห้องของจางหมินเย่วอย่างสบายอารมณ์ พลันร่างของนางก็ต้องสะดุดลงเมื่อจางเซี่ยโยวยืนดักขึ้นข้างหน้าของตน จางเซี่ยโยวยืนนิ่งพร้อมใบหน้าที่หงิกง้ำอย่างไม่พอใจนัก
“โยวเอ๋อร์...เจ้ามีเรื่องอันใดหรือ” เซี่ยเหมยปรับสีหน้าก่อนจะถามบุตรสาวออกไป
“ท่านแม่ ข้ารู้เรื่องเย่วเอ๋อร์แล้ว ท่านแม่ตามใจนางมากเกินไปหรือไม่”
คำถามของจางเซี่ยโยวทำเอาเซี่ยเหมยถึงกับหน้าตึงขึ้นมาทันที นางเอ็ดบุตรสาวออกไปอย่างทันควัน “เจ้าอย่ายุ่งเรื่องนี้ให้มากนักเลย พิณผาที่ข้าให้เจ้าเล่าเรียนไปถึงไหนแล้ว นี่ก็ใกล้วันประสูติของฮองเฮาแล้ว เจ้าจะด้อยกว่าผู้ใดไม่ได้เป็นอันขาด”
น้ำเสียงอันเฉียบคมดังกล่าวทำเอาจางเซี่ยโยวถึงกับหน้าสลดลงไป น้ำตาเอ่อคลอขึ้นมาเต็มสองตาด้วยความนึกน้อยใจ ท่านแม่ของนางมักไม่ยุติธรรมเสมอ กับจางหมินเย่ว ท่านแม่ของนางไม่เคยบังคับเคี่ยวเข็ญสิ่งใดทุกอย่างล้วนขึ้นอยู่กับความต้องการของนางแทบทั้งสิ้น ผิดกับตนยิ่งนักที่ตั้งแต่จำความได้นางต้องอยู่แต่หน้าตำรากาพย์กลอน เครื่องดนตรี และเหล่าหมัวมัวที่เวียนมาสอนมารยาทให้กับนางไม่หยุดหย่อน จนบางครั้งนางได้แต่นึกน้อยใจว่าใครกันแน่ที่เป็นบุตรสาวของมารดาตน และเพราะเหตุนี้เองทำให้จางเซี่ยโยวไม่อาจสนิทใจที่จะชิดเชื้อกับจางหมินเย่วได้ดั่งพี่น้องทั่วไป ระยะห่างของจางเซี่ยโยวและจางหมินเย่วจึงค่อยๆ เพิ่มมากขึ้นทุกทีจนกลายเป็นความหมางเมินและเฉยชาไปในที่สุด
“ท่านแม่...เช่นนั้นข้าขอตัวก่อน” จางเซี่ยโยวพูดจบก็หันหลังให้เซี่ยเหมยพร้อมเดินจากไปอย่างไม่เหลียวหลังกลับมา
