ใต้เท้าเจ้าขาโปรดอย่ากลั่นแกล้งข้านักเลย

114.0K · อัพเดทล่าสุด
Luffy.g
68
บท
1.0K
ยอดวิว
9.0
การให้คะแนน

บทย่อ

จางหมินเย่ว บุตรสาวเสนาบดีกรมคลัง แต่กลับตกหลุมรักซ่งฟู่หลง ขุนนางขั้นเจ็ด แต่เพราะความคลั่งรักที่มี ทำให้นางยอมทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้แต่งงานกับเขา แต่ใครจะคิดว่าซ่งฟู่หลงกลับไม่แม้แต่จะแยแสตนเลยแม้แต่น้อย ครั้นพอคิดจะตัดใจหนีห่าง เขากลับเอาแต่คอยวนเวียนอยู่ข้างกาย แล้วเป็นเช่นนี้นางจะตัดใจลงได้อย่างไรกันเล่า "ใต้เท้า...ข้ารักท่าน แต่มิใช่เหตุให้ท่านเอาแต่กลั่นแกล้งข้าเช่นนี้"

นิยายรักโรแมนติกนิยายจีนโบราณท่านอ๋องรักหวานๆดราม่าจีนโบราณโรแมนติกแต่งงานก่อนรักฟินๆเจ้าเล่ห์

บทที่ 1 ข้าต้องการแต่งงาน

บทที่ 1 ข้าต้องการแต่งงาน

“ท่านพ่อ ข้าพบคนที่ข้าพึงใจแล้ว ข้าต้องการแต่งงาน” เสียงออดอ้อนดังขึ้นในจวนสกุลจาง

จางหมินเย่วคุกเข่าลงตรงหน้าบิดาของตน จางเหวิ่นชิงเสนาบดีกรมคลัง สองมือบางกอบกุมฝ่ามือใหญ่ที่เริ่มเหี่ยวย่นไปตามกาลเวลาของเขา สายตาจ้องมองหน้าบิดาด้วยความเว้าวอน

บัดนี้จางหมินเย่วผ่านพ้นพิธีปักปิ่นมาร่วมหนึ่งปีแล้ว ภาพของซ่งฟู่หลงฉายชัดเข้ามาในหัวของนาง ภาพในช่วงเทศกาลโคมลอยที่จัดขึ้นอย่างคึกคักยิ่งใหญ่ ช่วงเวลานั้นชายหนุ่มและหญิงสาวในเมืองต่างพากันนั่งเรือลำใหญ่สองลำซึ่งแยกบุรุษและสตรีออกจากกัน เรือทั้งสองลอยขนาบด้านข้างกันไปเพื่อชมโคมลอยที่ถูกปล่อยจนเต็มไปทั่วท้องฟ้า แต่วัตถุประสงค์ที่แท้จริงก็ไม่ต่างจากการนัดพบของบรรดาเหล่าคุณชายและคุณหนูของจวนต่างๆ เพื่อผูกสมัครรักใคร่กันในอนาคต

จางหมินเย่วก็เป็นหนึ่งในบรรดาคุณหนูเหล่านั้น นับเป็นครั้งแรกที่จางหมินเย่วได้มีโอกาสออกมาเที่ยวชมเทศกาลโคมลอยพร้อมกับพี่สาวของนาง จางหมินเย่วทั้งตื่นเต้นและตื่นตากับบรรยากาศอันน่าครึกครื้นเช่นนี้

จางหมินเย่วเป็นบุตรสาวคนรองของเสนาบดีจางเหวิ่นชิง พี่สาวของนางคือจางเซี่ยโยว คุณหนูใหญ่ของจวน และยังมีน้องชายอีกคนคือจางจ้าวเว่ย ทั้งสองเป็นพี่น้องต่างมารดาของนางที่เกิดจากฮูหยินคนปัจจุบัน ส่วนมารดาของนางเป็นฮูหยินคนก่อนที่ได้เสียชีวิตลงไปตั้งแต่นางยังเล็กมากนัก

ในตอนที่จางหมินเย่วทอดสายตามองไปยังผืนน้ำด้านข้าง สายตาของนางก็พลันสะดุดเข้ากับชายผู้หนึ่ง เขาสวมอาภรณ์สีขาวที่ดูราบเรียบแต่แฝงไปด้วยความสง่างาม ใบหน้าที่ดูหล่อเหลาชวนให้เคลิบเคลิ้ม ทั้งคิ้วเข้มหนาที่รับกับดวงตารียาว ท่าทางที่เคร่งขรึมราวกับไม่แยแสสิ่งใดในใต้หล้า สายตาทอดมองไปยังเบื้องหน้าพร้อมยกสุราขึ้นดื่มด้วยท่วงท่าที่สง่างามดูน่าเกรงขาม

จางหมินเย่วถูกชายหนุ่มคนดังกล่าวสะกดสายตาให้จ้องมองอยู่เช่นนั้นเป็นเวลานาน หัวใจดวงน้อยเต้นรัวแรงขึ้นมา พร้อมลมหายใจที่ดูติดขัด ท้องน้อยของนางปั่นป่วนขึ้นมาราวกับมีผีเสื้อโบยบินอยู่ในท้อง

“พี่หญิง...บุรุษผู้นั้นคือผู้ใดกัน” จางหมินเย่วกล่าวอย่างละเมอเมื่อนางหันไปสอบถามพี่สาวของตน

จางเซี่ยโยวปรายตามองตามนิ้วมือที่ชี้ไปด้านหน้าของน้องสาวของตน นางได้แต่พ่นหายใจอย่างนึกรำคาญ เดิมทีจางเซี่ยโยวไม่คิดจะพาจางหมินเย่วมาด้วย แต่เพราะทนการรบเร้าจากมารดาไม่ได้ ทำให้สุดท้ายนางจึงได้แต่จำใจ

จางเซี่ยโยวตอบด้วยน้ำเสียงอย่างขอไปที “นั่นใต้เท้าซ่งฟู่หลง ขุนนางขั้นเจ็ด ราชเลขาในองค์ฮ่องเต้”

จางเซี่ยโยวตอบเสร็จก็เบนสายตากลับไปยังจุดสนใจเดิมที่มี ดวงตาคู่น้อยจับงจ้องไปที่หนิงอันอวี้ องค์ชายสี่ บุตรชายคนโตของฮองเฮาหยางกุยฮวา นางยกยิ้มขึ้นมาอย่างมีความสุขอีกครั้ง ท่าทางหมายมาดพร้อมสายตาที่ลึกซึ้งที่ส่งผ่านสายลมไปยังชายหนุ่มที่ตนพึงใจ

จางหมินเย่วได้แต่หันไปค้อนขวับใส่พี่สาวของตนอย่างนึกขัดเคือง ก่อนจะเบนความสนใจกลับไปยังเรือใหญ่ตรงด้านข้าง พร้อมกับยิ้มกว้างขึ้นมาอีกครั้ง “ใต้เท้าซ่งฟู่หลง...”

ห้วงความคิดของจางหมินเย่วพลันสะดุดลงไป เมื่อเสียงตะคอกคำรามดังสนั่นไปทั่วห้องโถง ทำเอาจางหมินเย่วถึงกับสะดุ้งตกใจ “เหลวไหล เจ้าเป็นถึงคุณหนูรองจวนเสนาบดีกรมคลัง ข้าจะให้เจ้าแต่งงานกับขุนนางต่ำศักดิ์เช่นนั้นได้เช่นใดกัน” จางเหวิ่นชิงตะคอกออกมาในทันทีที่ได้ยินคำขอของบุตรสาวคนรอง นางเป็นบุตรสาวหัวแก้วหัวแหวนของตน ไม่ว่าจะต้องคิดเช่นใดเขาก็ไม่อาจยอมให้นางลดตัวลงไปแต่งงานกับขุนนางขั้นเจ็ดเช่นนั้นได้เป็นแน่

“ท่านพ่อ...แต่ข้าได้ยินมาว่าใต้เท้าซ่งเป็นถึงคนโปรดปรานของฝ่าบาทเชียวนะเจ้าคะ หากลูกได้แต่งงานกับใต้เท้าซ่ง วันข้างหน้าลูกย่อมไม่มีทางลำบากเป็นแน่” จางหมินเย่วยังคงพยายามโน้มน้าวบิดาของตนอีกครั้ง อันที่จริงจางหมินเย่วมิได้ใส่ใจสิ่งใดทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นฐานะหรือตำแหน่งอำนาจ ขอเพียงเป็นซ่งฟู่หลง นางก็พร้อมจะติดตามเขาไปทุกหนทุกแห่งไม่ว่าจะลำบากเพียงใดก็ตาม

“เชอะ...คนโปรดงั้นหรือ...หากฝ่าบาทโปรดปรานจริงดังคำว่าเหตุใดชายผู้นั้นยังเป็นได้แค่ขุนนางขั้นเจ็ดอยู่อีกเล่า”

“ท่านพ่อ...เหตุใดท่านกล่าวเช่นนี้เล่า” จางหมินเย่วลุกขึ้นยืนพร้อมมองหน้าบิดาอย่างไม่พอใจ “ข้าไม่สนว่าใต้เท้าซ่งจะเป็นขุนนางขั้นใด ข้ารักใต้เท้าซ่ง ข้าต้องการแต่งงานกับเขา”

น้ำเสียงที่ดื้อรั้นเอาแต่ใจและไม่ยอมรับฟัง กับท่าทางที่แข็งข้อขึ้นมาอย่างไม่ลดละ ทำให้จางเหวิ่นชิงไม่อาจระงับอารมณ์ได้อีก เขายกมือขึ้นตบหน้าจางหมินเย่วไปหนึ่งทีด้วยความโมโห

ใบหน้าของจางหมินเย่วสะบัดไปตามแรงกระทบที่ได้รับจากฝ่ามือหนา ดวงตาเบิกกว้างด้วยความตกใจ ตั้งแต่เล็กจนโตบิดาของตนเอาใจจางหมินเย่วแทบทุกสิ่ง สิ่งที่ใดที่นางต้องการล้วนถูกจัดสรรให้มากองตรงหน้าอย่างไม่มีลังเล นี่จึงนับเป็นครั้งแรกในชีวิตที่จางเหวิ่นชิงถึงกับลงมือทำร้ายจางหมินเย่วรุนแรงถึงเพียงนี้ แก้มของนางปรากฏรอยแดงเรื่อขึ้นเป็นริ้วจากฝ่ามือที่สัมผัส

จางหมินเย่วยกมือขึ้นกุมใบหน้าของตนพร้อมกับหันหน้าไปประจันหน้ากับบิดาของตน สายตาจ้องมองจางเหวิ่นชิงตาเขม็งฉายความโกรธเคืองออกมาอย่างเห็นได้ชัด

จางเหวิ่นชิงเองก็ถึงกับตกใจกับการกระทำอันวู่วามของตนเอง แต่เพราะความขัดเคืองใจที่มีทำให้เขายังคงรักษาอาการเอาไว้นิ่ง

“ไม่ว่าอย่างใดหนนี้ข้ามิยินยอมให้เจ้าทำตามอำเภอใจเป็นอันขาด” จางเหวิ่นชิงกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง

“ไม่ว่าท่านพ่อจะพูดสิ่งใด ข้าก็ขอยืนยัน...ข้าจะแต่งงานกับใต้เท้าซ่งเพียงผู้เดียวเท่านั้น หากท่านพ่อไม่ยินยอม ข้าจะหนีตามใต้เท้าซ่งไปเสียให้ได้ทีเดียว”

คำกล่าวมาดมั่นทั้งยังแฝงคำข่มขู่ของจางหมินเย่ว ทำเอาจางเหวิ่นชิงถึงกับเลือดขึ้นหน้า “เจ้า....”