4.เงาในอดีต
*** ทักทายคร้า ***
บรรยากาศรอบๆ บริเวณที่เก็บอัฐิในวัดแห่งหนึ่งเขตจังหวัดปทุมธานีเงียบสงบ สายลมอ่อนพัดยอดไม้พลิ้วไหวทำให้บรรยากาศรอบๆ เย็นสบาย
ร่างสูงสง่าสวมเสื้อสูทสีดำของ อนล เอลตาโน่ ยืนอยู่หน้าโกศใหญ่ที่มีรูปของหญิงสาวหน้าตาสดใสติดอยู่ในกรอบสีทอง รอยยิ้มหวานแต่งแต้มบนใบหน้าเนียนสวย ดวงตาคมรีภายใต้แว่นกันแดดหนาจ้องมองภาพนั้นคลอไปด้วยน้ำตา วันเวลาผ่านไปเกือบสี่ปีที่สมิตาจากเขาไป ไม่มีวันไหนเลยที่เขาไม่คิดถึงรอยยิ้มหวานกับดวงตาคมสวยคู่นี้ ภาพของเธอในหัวใจเขายังคงชัดเจนอยู่เสมอ แม้ความเจ็บปวดจากการสูญเสียจะลดน้อยลง แต่ความรักที่เขามีต่อเธอก็ไม่เคยจางหายไปจากหัวใจ
“ตา ผมกลับมาแล้วนะครับ กลับมาอยู่ใกล้ๆ คุณ” อนลเอ่ยเสียงทุ้ม มองดวงตาคมใสที่มองมาที่เขาเหมือนจะยินดี
“ตาสบายดีใช่ไหม ผมก็สบายดี ตาไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ ตลอดระยะเวลาสี่ปี่ที่ผ่านมาผมไม่เคยลืมคุณเลย คุณยังอยู่ในนี้ครับ ในหัวใจของผม”
อนลวางมือบนอกซ้าย ใบหน้าคมเข้มเคร่งขรึม สายลมวูบไหวเข้ามาปะทะกายเหมือนคนที่จากไปจะรับรู้ความคิดถึงที่เขามีให้ ช่อกุหลาบสีขาวที่อยู่ในมือถูกวางไว้บนแท่นสีทองแล้วบอกลาเธอเบาๆ ผ่านสายลมที่พัดอยู่รอบกาย
“ผมกลับก่อนนะครับ แล้วผมจะมาเยี่ยมตาบ่อยๆ ผมสัญญา” ร่างสูงสง่าถอยหลังไปสองก้าวแต่สายตายังไม่ยอมละจากใบหน้าหวาน อนลหยุดนิ่งอยู่ชั่วครู่แล้วหมุนตัวเดินจากไปช้าๆ พร้อมกับเงาเลือนรางที่เฝ้ามองอยู่ด้านหลังค่อยๆ จางหายไป
หลังจากไปเยี่ยมสมิตาที่วัดแล้ว อนลก็เดินทางไปงานมอเตอร์โชว์ที่อิมแพ็คเมืองทองธานี ซึ่งปีนี้จัดได้ยิ่งใหญ่กว่าทุกปี ร่างสูงเดินผ่านประตูเข้าไปในห้องโถงชั้นล่าง ซึ่งเป็นสถานที่จัดลงทะเบียนและรับแผนที่ภายในงาน ริมฝีปากได้รูปคลี่ยิ้มให้กับสาวสวยที่ยื่นเอกสารให้ ใบหน้าคมเข้มก้มมองตำแหน่งบูธของเอลตาโน่ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นส่งยิ้มให้พริตตี้สาวที่ส่งยิ้มหวานมาให้ ร่างสูงเดินไปยังลิฟต์ที่เปิดอ้าออกพอดี ครั้นพอจะก้าวเท้าเข้าไปเสียงหวานใสก็ดังขึ้น
“รอด้วยค่ะ” พอจะหันไปหาต้นเสียง ร่างสูงก็ถูกกระแทกจากข้างหลังเข้าเต็มรักอย่างไม่ทันตั้งตัว
“พลั่ก/ว้าย!!”
เสียงกระแทกดังพร้อมกับเสียงร้องของคนชน อนลหันไปมองร่างบอบบางระหงที่ล้มลงกับพื้นอย่างไม่เป็นท่า พอเขาเห็นหน้าคนชนชัดๆ หัวใจก็แทบหยุดเต้น ร่างทั้งร่างชาดิก ดวงตาคมจ้องมองใบหน้าหวานอย่างตกตะลึง คนชนมัวแต่เก็บของที่กระจายใส่กระเป๋า ปากก็ต่อว่าเขาไม่หยุด
“บ้าจริง จะหยุดก็ไม่บอกล่วงหน้า”
“สมิตา...” อนลพึมพำเสียงเบาหวิว หัวใจกระตุกวูบ จ้องมองใบหน้าเนียนสวยภายใต้ผมยาวสลวยที่ถูกรวบไว้ด้านหลัง ส่งให้ใบหน้าสวยนวลเนียนโดดเด่น ริมฝีปากอิ่มสีชมพูระเรื่อขยับขึ้นลงต่อว่าเขาอย่างไม่พอใจ แต่ดวงตาคมเข้มมองคนข้างๆ ไม่ยอมละสายตาไปไหน เพราะคนตรงหน้าเหมือนกับสมิตาราวกับเป็นคนคนเดียวกัน ทำเอาคนถูกมองอย่าง ไรวา พงษ์เทวา มองสบตาคมอย่างไม่พอใจ
“นี่คุณ ชนแล้วยังจะจ้องกันอีกเหรอ ถ้าไม่ใช้ลิฟต์ทำไมไม่หลีกทางคนอื่นเขา ยืนขวางอยู่ได้” ไรวาชิงจังหวะโต้ตอบทันที เสียงแว้ดหวานของเธอทำให้อนลตั้งสติได้
“เอ่อ! คุณว่าอะไรนะ” อนลเลี่ยงหลบมายืนถามเธอข้างๆ เพื่อให้คนที่รออยู่เข้าไปในลิฟต์ก่อน ไรวาขยับตามเข้าไป แต่ถูกมือใหญ่ยึดข้อมือบางเอาไว้ “ผมถามไม่ได้ยินรึยังไง”
“ได้ยินแต่ไม่ตอบ” หล่อนสะบัดมือออกเต็มแรงรีบก้าวเข้าไปในลิฟต์แล้วกดปิดทันที อนลเงยหน้าขึ้นมองตัวเลขที่บอกระดับชั้น แล้ววิ่งขึ้นบันไดหนีไฟเพื่อไปดักรอหญิงสาว
พอขึ้นมาถึงชั้นจัดงานมอเตอร์โชว์ อนลกวาดตามองไปรอบๆ งานหวังจะเห็นผู้หญิงที่มีหน้าตาเหมือนสมิตายืนอยู่ที่ไหนสักที่ภายในงาน แต่ก็ต้องผิดหวัง ชายหนุ่มจึงหันไปสนใจความคึกคักภายในงานแทน
****
