บท
ตั้งค่า

3.ลวนลาม

***ทักทายคร้า ***

เบญจกุลจับมือบาง ออกแรงนิดหน่อยร่างบอบบางก็ลอยเข้ามาในอ้อมแขน

“ไม่ได้ จนกว่าเราจะสอบสวนเสร็จ”

“แต่ฉันยังเป็นแค่ผู้ถูกกล่าวหานะคุณ ไม่ใช่ผู้ร้ายซะหน่อย” หล่อนต่อว่าเขาตาเขียว ดิ้นขลุกขลักในอ้อมแขนแกร่ง อารมณ์กรุ่นโกรธพุ่งสูงขึ้นอีก

“หลักฐานชัดขนาดนั้นไม่ติดคุกหัวโตผมยอมให้คุณกระทำชำเราคืนเลยเอ้า” เขาพูดอย่างคนใจป้ำน้ำเสียงจริงจัง นัยน์ตาคมวับวาว

“ยี้! ไอ้ตำรวจลามก รังแกประชาชน คอยดูนะฉันจะฟ้องคุณให้เก็บข้าวของไปอยู่ชายแดนไม่ทันเลยคอยดูสิ” หล่อนเชิดหน้าข่มขู่เขา แต่คนโดนขู่กลับยิ้มร่า

“แล้วมาดูกันคุณโจรหัวหมอ ว่าใครจะเด้งก่อนใคร”

กัณหาหยุดโต้ตอบเขาเมื่อรถวิ่งเข้าไปจอดหน้ากองปราบปราม เบญจกุลเปิดประตูลงไปยืนรอเธอข้างประตู แต่หญิงสาวก็ไม่ยอมขยับ ร่างสูงจึงก้มลงไปคว้าหมับที่ข้อมือเล็กแล้วกระชากเธอออกจากรถอย่างไม่ปรานี

“ลงมา อย่าลีลาท่ามาก”

กัณหาเดินตามแรงฉุดของเขาเข้าไปข้างใน คนร้ายที่ถูกจับได้ถูกบันทึกประวัติ ดวงตาคมสวยมองหาการันต์แต่ก็ไม่เห็น หล่อนถูกปล่อยให้ยืนเคว้งอยู่หน้าโต๊ะร้อยเวร หญิงสาวกวาดตามองหาร่างสูงของคนตาถั่วที่จับเธอมา

“เชิญคุณผู้หญิงที่ห้องสอบสวนครับ สารวัตรกำลังรออยู่” เสียงจ่าชูชัยดังอยู่ข้างหลัง ทำให้กัณหาสะดุ้งเล็กน้อย

“แล้วคนที่พาฉันมาล่ะคะจ่า เขาไปไหน”

“รออยู่ในห้องสอบสวนแล้วครับ” จ่าชูชัยบอกอย่างสุภาพ หญิงสาวจึงยิ้มให้อย่างเป็นมิตร ทำเอาจ่าชูชัยนึกถึงคำบอกเล่าการชกของมวยคู่เอกที่ดาบชีพเล่าให้ฟัง สวยน่ารักแบบนี้นี่เอง ถึงทำให้สารวัตรออกอาการหงุดหงิดชอบกล ปกติผู้บังคับบัญชาเขาไม่ใช่คนที่ชอบต่อปากต่อคำกับคนร้าย ฟังจากคำบอกเล่าของดาบชีพคงต้องยกเว้นโจรสาวนางนี้ซะแล้ว

กัณหาถูกนำตัวเข้าไปนั่งในห้องสี่เหลี่ยมมีเก้าอี้ตั้งอยู่กลางห้อง ดวงตาคมสวยกวาดมองไปรอบห้องอย่างระวังตัว ตำรวจสี่นายนั่งอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์เพื่อบันทึกการสอบสวน จ่าชูชัยพาหญิงสาวไปนั่งที่เก้าอี้แล้วถอยไปยืนอยู่ด้านข้าง ห้องทั้งห้องเงียบกริบจนเธออดหวาดหวั่นไม่ได้

หญิงสาวสะดุ้งโหยงเมื่อประตูห้องถูกเปิดออก ตามมาด้วยร่างสูงสง่าของคนตาถั่วที่จับเธอมา มือใหญ่ดึงแว่นกันแดดหนาออกจากใบหน้าวางบนโต๊ะข้างประตู ก่อนจะก้าวเข้าไปหาหญิงสาวช้าๆ

“ชื่ออะไร แล้วไปทำอะไรที่โกดังนั่น” เขาถามเสียงเข้ม แต่คำตอบคือความเงียบ ใบหน้าคมสวยมองไปรอบๆ อย่างไม่สนใจ คล้ายกับเขาเป็นอากาศธาตุยังไงยังงั้น แต่เสียงตะคอกดังลั่นห้องของคนสอบปากคำทำให้เธอถึงกับสะดุ้ง หันกลับมามองเขาตาเขียวปัดอย่างไม่เกรงกลัว

“ตอบ!” เขาบังคับทั้งน้ำเสียงและคาดคั้นเอาคำตอบ

“กัณหา พงษ์เทวา” หล่อนเชิดหน้าบอก คิ้วหนาขนานกับดวงตาคมยกขึ้นอย่างไม่แน่ใจ ก่อนจะเอ่ยถามต่อไปว่า

“ขอดูบัตรประชาชนหน่อยสิคุณ” เขาแบมือไปข้างหน้า ก้มมองใบหน้านวลที่บัดนี้ดูมอมแมมเหมือนเด็กของหญิงสาว

“ไม่ได้เอามา” หล่อนสะบัดเสียงตอบ เบญจกุลเหยียดยิ้มอย่างดูแคลน เพราะเขาจำได้ว่านามสกุลที่เธอบอกเมื่อสักครู่เป็นนามสกุลของตรัย พงษ์เทวา เจ้าของไทม์กรุ๊ป

“แอบอ้างหนึ่งละ” เขาเอ่ยขึ้นมาลอยๆ กัณหาถึงกับถอนหายใจออกมาแรงๆ ทีหนึ่ง

“ถ้าคุณคิดว่าฉันแอบอ้างชื่อนามสกุลละก็ ให้ฉันโทรไปหาทนายก่อนได้ไหมแล้วค่อยสอบสวน” หล่อนบอกอย่างอ่อนใจ แต่ชายหนุ่มก็ไม่ยอมใจอ่อน

“ไม่ได้” เบญจกุลบอกเสียงเข้ม จับปลายคางมนเชิดขึ้น แต่พอเห็นใบหน้าคมสวยกับสายตาคมที่ตวัดค้อน หัวใจของสารวัตรหนุ่มก็แทบละลายไปเลยทีเดียว

“ถ้างั้นฉันขอพบสารวัตรของที่นี่” หล่อนต่อรอง ทำเอาทุกคนถึงกับยิ้มออกมา ตอนนี้เลยไม่รู้ว่าใครตาถั่วกันแน่

“ต้องการพบสารวัตรทำไมไม่ทราบ” ปล่อยมือจากปลายคางของหญิงสาวแล้วเดินวนไปรอบๆ อย่างสบายอารมณ์

“เพราะเขาคงไม่ตาถั่วเหมือนอย่างคุณน่ะสิ” ยังไม่ทันที่การสอบสวนจะดำเนินการต่อ เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น ตามด้วยร่างของดาบชีพเปิดประตูเข้ามาแล้วกระซิบบางอย่างกับสารวัตรหนุ่ม กัณหาสังเกตเห็นใบหน้าคมสันเคร่งเครียดขึ้นเรื่อยๆ สายตาคมกริบจ้องมองมาที่เธอ

ดาบชีพออกไปนานแล้วแต่การสอบสวนยังไม่ได้เริ่มขึ้น กัณหามองนายตำรวจสี่นายที่ลุกออกจากห้องไป ตามด้วยจ่าชูชัยเดินตามออกไปเป็นคนสุดท้าย ห้องทั้งห้องจึงเหลือเพียงเขาและเธอ

“เมื่อกี้บอกว่าชื่ออะไรนะ”

ในที่สุดเขาก็เป็นฝ่ายถามขึ้นก่อน

“กัณหา พงษ์เทวา”

“ไปทำอะไรที่นั่นคุณ รู้ไหมว่ามันอันตรายแค่ไหน หรือว่าคุณไม่ไว้ใจตำรวจอย่างพวกผม”

หล่อนมองเขาอย่างแปลกใจระคนสงสัย เมื่อแนวทางการสอบสวนเปลี่ยนเป็นตำหนิมากกว่าคาดคั้นเอาความจริง

“ฉันแค่อยากเห็นกับตาเท่านั้น” หล่อนบอกพลางหลบสายตาคม เบญจกุลเดินเข้ามาใกล้ ก้มไขกุญแจมือออกจากข้อมือบาง ชายหนุ่มจับข้อมือหญิงสาวขึ้นมาดูรอยแดงเหนือข้อมือบาง กิริยาสุภาพอ่อนโยนของเขา ทำให้กัณหานั่งนิ่งไม่กล้าดึงมือกลับ

“คนร้ายพวกนั้นเป็นมืออาชีพ ไม่เคยปรานีกับคนที่เห็นความลับของพวกมัน”

หล่อนขนลุกซู่กับคำพูดของเขา รู้สึกกลัวขึ้นมาจับใจ หากเธอเป็นอะไรไปพ่อของเธอจะอยู่ยังไง และก็มีสิ่งสำคัญที่ต้องทำอีกอย่างก็คือไปพบแม่กับพี่สาวให้ได้ แม้จะรู้ว่าทั้งสองอยู่ที่ไหน แต่ด้วยงานที่รัดตัวบวกกับความปลอดภัยของพี่สาวทำให้เธอได้แต่รอเวลาที่เหมาะสมเท่านั้น

กว่าจะทำความเข้าใจกันได้ทั้งเบญจกุลและกัณหาก็มองกันอย่างขำๆ กับความตาถั่วของตัวเอง และทุกอย่างก็จบลงด้วยมิตรภาพ แต่มีสิ่งหนึ่งที่ยังติดค้างอยู่ในใจของสารวัตรหนุ่ม นั่นก็คือคำพูดที่เขาบอกเธอ ถ้าเธอไม่ติดคุก เขาจะยอมให้เธอกระทำชำเราเขาคืนนี่น่ะสิ แล้วนางโจรกำมะลอของเขาจะมากระทำชำเราหรือเปล่านะ สารวัตรหนุ่มยิ้มกับความคิดตัวเอง ก่อนจะก้าวออกจากกองปราบในเวลาใกล้รุ่งของอีกวัน

****

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel