2.จับโจร
*** ทักทายคร้า ***
กัณหาเห็นทุกอย่างลงเอยด้วยดี ตำรวจยึดของกลับคืนมาได้ จึงถอยหลังไปช้าๆ เพื่อใช้ความมืดซ่อนกายปีนป่ายกำแพงออกไปขึ้นรถที่จอดหลบอยู่ด้านนอก ร่างงามขยับตัวไปยังบันไดลิงที่พาดอยู่โดยไม่เฉลียวใจว่ามีคนหลบอยู่หลังพุ่มไม้มองการเคลื่อนไหวของเธอตาไม่กะพริบ
เบญจกุลมองแผ่นหลังบางที่เคลื่อนไปตามเงามืดของกำแพงสูง ก่อนจะตัดสินใจเดินเข้าไปหาอย่างเงียบกริบ ในใจพานให้สงสัยว่าโจรมืออาชีพแบบไหนกันถึงเคลื่อนตัวช้าและไม่ระวังตัวขนาดนี้ พวกมันดูถูกตำรวจไทยมากไปแล้ว แบบนี้ต้องจับขังลืมให้เข็ด สารวัตรหนุ่มสบถในใจพานโกรธคนตรงหน้าไปด้วย แต่เขาก็ยังคงยืนกอดอกมองการเคลื่อนไหวของอีกฝ่ายอย่างอดทน
“อุ๊ย!” กัณหาอุทานออกมาอย่างตกใจ เมื่อเท้าถอยไปเหยียบอะไรบางอย่าง ไอร้อนที่สัมผัสได้ทำให้รู้ว่ามีคนยืนซ้อนอยู่ข้างหลังในระยะประชิด ร่างงามเย็นยะเยือกไปทั่วหัวใจ ร่างทั้งร่างแข็งค้างราวกับไม่มีชีวิต เหงื่อเม็ดเล็กซึมออกมาทั่วทั้งตัว
“คิดว่าตัวเองจะรอดรึไง” เสียงเข้มลอดไรฟันออกมาอย่างน่ากลัว
กัณหาหน้าซีดชำเลืองมองบันไดที่อยู่ไม่ไกลเพื่อหาทางไปให้ถึง แล้วสมองของเธอก็สั่งเท้าให้ออกวิ่งไปยังบันได
เบญจกุลเหมือนจะรู้เท่าทันอีกฝ่าย พอร่างงามขยับตัวมือหนาก็ประกบที่หัวไหล่กระชากให้หันมาหา
กัณหาสะบัดตัวเต็มแรงแล้ววิ่งหนี เบญจกุลเคลื่อนตามไปอย่างว่องไวเข้าไปล็อกคอเธอไว้ มืออีกข้างล็อกร่างบอบบางเอาไว้ ก้อนเนื้อนุ่มนิ่มที่ต้นแขนแกร่งกดทับอยู่ทำให้เบญจกุลถึงกับนิ่งงันอย่างคาดไม่ถึง ผู้หญิง คิดได้เท่านั้นมือใหญ่ก็กระชากหมวกไหมพรมสีดำออกจากศีรษะ ผมยาวหยักศกสีน้ำตาลสยายลงมา แสงไฟที่ส่องสว่าง ทำให้เขามองเห็นใบหน้าคมสวยกับดวงตาคมโตภายใต้ขนตางอนยาว จมูกเล็กขึ้นสันสวยรับกับริมฝีปากอวบอิ่มน่าสัมผัสนัก กัณหาเหงื่อแตกซิกพยายามหาทางออกให้กับตัวเอง
“โจรสาวซะด้วย” เขาบอกใบหน้าคมอยู่ชิด ลมหายอุ่นเป่ารดข้างแก้มนวลผ่อง
กัณหาหัวใจเต้นโครมครามคิดหาทางออกให้กับตัวเอง เบญจกุลสูดกลิ่นหอมอ่อนๆ อย่างเผลอตัว หัวใจแกร่งสั่นหวั่นอย่างไม่เคยเป็น
“ปล่อยนะ ฉันไม่ใช่โจร” หล่อนพูดพลางกระทุ้งข้อศอกเข้าที่หน้าท้องแกร่ง แม้จะไม่แรงมากแต่ก็ทำให้แขนที่ล็อกตัวอยู่คลายออก เปิดโอกาสให้กัณหากระทืบส้นเท้าลงบนเท้าใหญ่ของเขาเต็มแรง แต่เบญจกุลไวกว่าขยับเท้าเบี่ยงไปอีกทาง เมื่อพลาดกัณหาก็วิ่งหนี แต่ก้าวไปได้เพียงสองก้าวก็ถูกมือใหญ่ยึดข้อมือไว้แล้วกระชากเข้ามาปะทะอก
“ว้าย!”
“คิดหนีเหรอ แม่โจรคนสวย” เขารวบร่างเธอเข้ามากอดไว้ทั้งตัว สารวัตรหนุ่มรับรู้ถึงความนุ่มหยุ่นของร่างที่ดิ้นอยู่ในอ้อมกอด
“บอกแล้วไงว่าไม่ใช่โจร”
ริมฝีปากหนาได้รูปเหยียดยิ้ม มองไปทั่วดวงหน้าคมสวย กัณหาสบตาคมกริบอย่างโมโหที่เขาไม่ยอมเชื่อในสิ่งที่เธอพยายามจะบอก
“ผู้ร้ายก็บอกแบบนี้ทุกรายไป” เขาคลายอ้อมแขนออกแล้วฉุดกระชากหญิงสาวไปรวมกับคนอื่นๆ ชายฉกรรจ์หลายคนมองเพื่อนร่วมอาชีพแสนสวยอย่างสงสัยว่าเธอมาได้ยังไง มีเพียงการันต์เท่านั้นที่มองมาอย่างตกตะลึง
“คุณกัณหา” การันต์เอ่ยออกมาเสียงเบาหวิว กัณหามองผู้จัดการหนุ่มอย่างผิดหวัง
“ไม่คิดว่าจะเป็นคุณที่ลักลอบขโมยของออกจากโกดัง” กัณหาบอกด้วยน้ำเสียงเย็นชา แต่แววตาคมสวยลุกโชนจนการันต์เป็นฝ่ายหลบ
“ผมจำเป็นจริงๆ ครับคุณกัน ยกโทษให้ผมด้วยนะครับ” การันต์กล่าวเสียงอ่อนเพื่อขอความเห็นใจจากเจ้านายสาว
กัณหาแม้จะพยายามใจแข็งสักเพียงใด แต่พอเห็นแววตาสำนึกผิดของลูกน้องหัวใจก็พลันอ่อนยวบลง เธอเองก็พอจะรู้ว่าการันต์มีแม่ที่เป็นมะเร็งและรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล ต้องใช้เงินจำนวนมากเป็นค่ารักษา แต่เขาเลือกหาเงินด้วยวิธีการผิดๆ ทำให้เธอหมดหนทางจะช่วยเหลือ เมื่อทุกคนขึ้นรถหมดแล้วจ่าชูชัยก็ใส่กุญแจมือการันต์และประคองไปขึ้นรถ
“ไหนบอกว่าไม่ใช่โจร แล้วรู้จักโจรด้วยกันได้ยังไง” เบญจกุลถามเสียงเรียบ เริ่มสงสัยกับหัวข้อสนทนาเมื่อสักครู่
“ฉันขี้เกียจจะอธิบายให้ฟังแล้ว จะจับก็จับเลย แต่ฉันขอให้การในชั้นศาลเท่านั้น” หล่อนบอกพลางถลาไปตามแรงฉุดของชายหนุ่มไปขึ้นรถที่ดาบชีพติดเครื่องรออยู่ มือหนาเปิดประตูออกแล้วกดศีรษะเล็กมุดเข้าไปนั่งข้างใน
“โอ๊ย! เบาๆ หน่อยสิคุณ ฉันเจ็บนะ” หล่อนสะบัดตัวหนีแล้วเขยิบไปชิดประตูอีกข้าง ดาบชีพมองผู้บังคับบัญชาอย่างแปลกใจ แล้วก็เดินอ้อมไปประจำที่คนขับและขับออกไป แต่ตายังคงเหลือบมองเหตุการณ์ที่เบาะหลังเป็นระยะๆ
“โจรไม่มีสิทธิ์อุทธรณ์” เขาบอกเสียงเรียบ กัณหาจ้องหน้าเขาอย่างจะกินเลือดกินเนื้อ บิดข้อมือออกจากอุ้งมือใหญ่แต่เขาก็ไม่ยอมปล่อย
“เฮ้อ! ตำรวจเมืองไทยทำไมถึงตาถั่วกันแบบนี้นะ”
“อ้าวคุณ พูดแบบนี้หมิ่นเจ้าพนักงานนี่นา ผมฟ้องกลับได้นะจะบอกให้” สารวัตรเบนกล่าวออกมาอย่างไม่ชอบใจ เครียดเรื่องคดีก็พอทนอยู่แล้ว ทำไมเขาต้องมาเจอโจรหัวหมอแบบนี้อีกวะ
“คุณฟ้องฉันก็จะฟ้องคุณเหมือนกัน” หล่อนเถียงอย่างไม่ลดราวาศอก ดาบชีพขับรถไปใจก็ลุ้นไปว่าเจ้านายเขาจะหาทางออกยังไง ดูท่าแล้วงานนี้ผู้บังคับบัญชาเขาจะแพ้ทางเสียกระมัง โจรสวยหน้าตาน่ารักแบบนี้เจอบ่อยเมื่อไหร่กัน งานนี้สนุกแน่ๆ ดาบชีพคิดอย่างครึ้มใจ
“คุณจะฟ้องผมข้อหาอะไรไม่ทราบ” ชายหนุ่มเอียงตัวไปมองหญิงสาว
“ลวนลามและกระทำชำเราหญิงสาวที่ไม่ใช่ภรรยา” หล่อนลอยหน้าลอยตาบอก ครั้นพูดจบแก้มนวลก็แดงระเรื่อ
“เฮ้ย! ตอนไหนคุณ” เบญจกุลปล่อยมือแล้วขยับห่างหญิงสาว ดาบชีพกลั้นหัวเราะแทบไม่อยู่เมื่อเห็นหน้าเหวอๆ ของสารวัตรหนุ่ม
“เมื่อกี้”
“ไหนล่ะหลักฐาน ไม่มี้” เขายกไหล่ขึ้นพร้อมกับแบมือไปข้างหน้าจนเธอหมั่นไส้ “ดาบเห็นไหม”
เอาละสิเจ้านาย หาทางออกโดยการดึงเราเข้าไปเอี่ยวหน้าตาเฉย
“เอ่อ ไม่เห็นครับ”
“นั่นไง ไม่มีหลักฐานศาลไม่รับเรื่องหรอกคุณ อยู่เฉยๆ นิ่งๆ ปล่อยทุกสิ่งไปตามกลไกของระบบยุติธรรมจะดีกว่า ถ้าคุณไม่ผิดผมก็ปล่อยตัวเท่านั้นเองจบไหม” เขาก็พูดได้ แต่เธอน่ะสิต้องพบเจออะไรบ้างล่ะ
“ไม่จบ ฉันขอยืมโทรศัพท์โทรหาทนายด้วย” หล่อนแบมือไปข้างหน้า
****
