บท
ตั้งค่า

บทที่ 5 เสียงกล่อมจากจอมมาร

“ข้าตัดสินใจผิดเองที่ผลึกเขาไว้ในเขตแดนเผ่ามาร ทำให้ตงฟางสามารถดูดซับพลังวิญญาณขั้นหกเข้าสู่ตัว แล้วหลอมรวมพลังวิญญาณของเขาเข้าด้วยกัน จนทำให้เขาสามารถสำเร็จพลังวิญญาณขั้นเจ็ดได้โดยไม่ต้องทำอะไรเลย เทพแห่งชะตาทำนายว่าอีกไม่นานตงฟางจะได้รับอิสระ ซึ่งเมื่อเวลานั้นมาถึง แม้แต่ข้าก็ไม่สามารถเอาชนะเขาได้”

ไป่เอ๋อกำมือแน่นด้วยความคับแค้นใจ นางอยากสับตงฟางออกเป็นชิ้น ๆ แล้วโยนให้แร้งกาจิกกินจนไม่เหลือเศษซาก ทว่านางทำได้เพียงเก็บซ่อนความรู้สึกไว้ในส่วนลึก แล้วตั้งใจฟังสิ่งที่ตงหยางพูดด้วยท่าทางสำรวม

“มีเพียงทางเดียวที่จะกอบกู้สถานการณ์กลับคืนมาได้ นั่นคือหาผู้มีดวงจิตสีเพลิง เมื่อข้ากับเขาพลึกพลังวิญญาณรวมกันก็มีโอกาสเอาชนะตงฟางได้” ไป่เอ๋อนิ่งเงียบไปครู่หนึ่งอย่างใช้ความคิด

“ผู้มีดวงจิตสีเพลิงงั้นเหรอ นานมาแล้วท่านพ่อเคยพูดถึงผู้มีดวงจิตสีเพลิงคนสุดท้าย เขาเป็นคนจากเผ่าจิ้งจอก แต่นั่นก็หลายแสนปีแล้วที่เขาดับขันธ์ไป พิภพของเราสิ้นผู้มีดวงจิตสีเพลิงนานแล้วนะเจ้าคะ”

“ข้ารู้...แต่เมื่อเทพแห่งชะตาทำนายเช่นนั้น ย่อมมีเหตุปัจจัยให้เกิด” เขาพูดพร้อมสายลมอ่อนพัดมาปะทะกาย

“หมายความว่า เวลานี้พิภพของเรา มีผู้มีดวงจิตสีเพลิงกำเนิดขึ้นแล้วงั้นเหรอเจ้าคะ” นางขบคิดอย่างชาญฉลาด ก่อนตงหยางพยักหน้าตอบรับเบา ๆ แล้วทอดสายตาไปยังเบื้องหน้า

“ที่ข้าหนักใจ เพราะข้าไม่รู้ว่าจะตามหาผู้มีดวงจิตสีเพลิงได้อย่างไร พิภพกว้างใหญ่ไพศาลเกินกว่าข้าจะล่วงรู้ได้ แม้ประมุขเผ่าต่าง ๆ จะส่งคนออกตามหา ก็ใช่ว่าเจอง่าย ๆ” ก่อนรอยยิ้มอ่อนหวานของไป่เอ๋อจะค่อย ๆ คลี่ออก แล้วพูดปลอบด้วยน้ำเสียงบางเบา

“ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ข้าจะอยู่ข้างท่าน จะทำทุกอย่างเพื่อให้ท่าน ตามหาผู้มีดวงจิตสีเพลิงให้พบ” สิ้นเสียงของไป่เอ๋อร่างของตงหยางเตรียมเบี่ยงออก ก่อนนางจะเอ่ยถามด้วยความแปลกใจ

“ท่านประมุขเพิ่งจะมาถึง ท่านจะไปที่ใดอีกเจ้าคะ” หญิงสาวเดินมาดักไว้ เพราะเพิ่งได้เห็นหน้าเขาเพียงครู่เดียว ยังไม่ทันได้คลายความคิดถึงลงแม้แต่น้อย

“ข้าจะไปยังแดนมนุษย์ บางทีความสงบของที่นั่นอาจทำให้ข้าคิดอะไรออก” พูดจบร่างอันสง่างามก็หายลับไป หลงเหลือไว้เพียงความว่างเปล่า ก่อนมือบางของไป่เอ๋อจะกำแน่นด้วยความคับแค้นใจ

“ตงฟาง เหตุใดเจ้าไม่ตาย ๆ ไป เหตุใดเจ้ายังอยู่เพื่อทำลายเขาไม่จบสิ้น ไอ้คนชั่ว ไอ้คนไร้คุณธรรม ข้าเกลียดเจ้าที่สุด” เสียงตะโกนพร้อมมือบางก้มหยิบก้อนหินปาเข้าไปในผลึกนั้นด้วยความโกรธ หินสีดำถูกนางโยนเข้าไปซ้ำแล้วซ้ำเล่า ก่อนเสียงหัวเราะของตงฟางจะดังลอดออกมา

“เจ้าหลงรักเขาถึงเพียงนี้ ทว่าเขามองข้ามผ่านความรักของเจ้าไปโดยไม่ไยดี นานนับหมื่น ๆ ปี ความเย็นชาที่เขามอบให้เจ้าไม่เคยเปลี่ยน เช่นนี้แล้วเจ้าจะโกรธข้าด้วยเรื่องใด การที่เจ้าปาหินใส่ข้าซ้ำ ๆ มันไม่ทำให้เขารักเจ้ามากขึ้นหรอก สู้เจ้ากลับมาอยู่เคียงข้างข้าไม่ดีกว่าเหรอ หืม...” เสียงจอมมารพูดกล่อม ก่อนไป่เอ๋อจะหัวเราะมุมปากอย่างรู้ทัน

“คนอย่างเจ้าชั่วร้ายเกินกว่าข้าจะเคียงข้างได้ เจ้าอย่าฝันว่าจะได้รับอิสรภาพกลับออกมาทำชั่วได้อีก ข้าจะทำทุกทาง เพื่อให้เจ้าถูกจองจำไปชั่วนิรันดร์ ข้าจะไม่มีวันยอมให้เจ้าทำร้ายท่านประมุขเป็นอันขาด” ไป่เอ๋อตะโกนใส่จอมมารด้วยความโกรธ ก่อนเขาจะหัวเราะร่วนอย่างมีความสุข

“ไป่เอ๋อ..นะไป่เอ๋อ เจ้าช่างโง่เขลายิ่งนัก ข้าจะบอกให้เอาบุญ ว่านับจากนี้จะไม่มีใครมีพลังวิญญาณสูงกว่าข้าอีก ข้าจะครอบครองทุกอย่างในพิภพนี้แต่เพียงผู้เดียว ฮ่า ๆ ผู้ใดขัดขวางมันผู้นั้นต้องตาย แล้วมาดูกันว่าพลังของข้าจะทำให้เผ่ามารเป็นหนึ่งในใต้หล้าได้หรือไม่”

“ข้าจะไม่ยอมให้ถึงวันนั้น และความฝันของเจ้าก็ต้องพังทลายลง เพราะประมุขตงหยางเช่นเดิม” ไป่เอ๋อตะโกนตอบด้วยความโกรธแค้น

“ไป่เอ๋อ...เมื่อถึงเวลาเจ้าอาจเปลี่ยนความคิด เจ้าลืมไปแล้วเหรอ คืนวันนั้นบนยอดเขา เจ้ากับข้ามีความสุขเท่าใด” จอมมารพูดด้วยน้ำเสียงกึ่งหัวเราะ พยายามรื้อฟื้นความทรงจำอันลึกซึ้งระหว่างเขากับนางในอดีต

“หุบปากของเจ้าซะ ข้าไม่อยากฟัง และข้าไม่ได้จดจำ คนชั่วอย่างเจ้าไม่มีวันได้หัวใจข้าไปครอง ที่ข้าพลาดเพราะเจ้าแอบอ้างเป็นท่านพี่ตงหยาง เจ้าเหมือนกันก็เพียงหน้าตา ส่วนจิตใจมืดบอดเกินกว่าข้าจะรักเจ้าลง” หญิงสาวพูดจบ จึงรีบหันหลังวิ่งหนีกลับมายังตำหนักพร้อมน้ำตาแห่งความคับแค้นใจ

“เมื่อใดที่ข้าเป็นอิสระ...เจ้าต้องเป็นของข้าแต่เพียงผู้เดียวไป่เอ๋อ” ตงฟางหลับตาลงแล้วตั้งมั่นกับตัวเอง พร้อมรวบรวมกำลังผลึกพลังวิญญาณเข้าด้วยกันอย่างสงบ

ภายใต้แสงเทียนที่ไหวระริกไปมา ประมุขเผ่าวิหคหันมองไปยังภรรยาที่นอนหลับอยู่ด้านข้าง ก่อนตัดสินใจลุกขึ้นมารินชาแล้วยกดื่ม ท่ามกลางความคิดมากมายในสมอง ชายกลางคนย่อตัวลงนั่ง ถอนหายใจอยู่หลายครั้ง หลายเดือนแล้ว ที่ธิดาของเขาหนีเที่ยวยังแดนมนุษย์ หากเป็นเมื่อก่อนเขาคงส่งคนไปตามกลับมาลงโทษ ทว่าเวลานี้...หัวใจของเขาอยากให้หมิงเยว่จากไปไม่หวนคืน

“ท่านพี่ เหตุใดยังไม่นอน” เสียงของหยางซินเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง ก่อนนางจะตัดสินใจเดินเข้ามาหาสามีแล้วย่อตัวลงนั่ง มือบางเอื้อมไปจับมือเขาแน่นแล้วปล่อยยิ้มกว้างออกมา

“ข้ารู้ว่าท่านมีเรื่องทุกข์ใจ แต่ข้าเป็นเมียที่เคียงข้างท่านมานับแสน ๆ ปี มีหรือข้าจะไม่รู้ว่าท่านมีปัญหาที่แก้ไม่ได้ เลิกปิดบังข้า แล้วช่วยบอกความจริงได้หรือไม่ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่” สายตาสั่นไหวของต้าเหรินหันมายังภรรยาแล้วก้มหน้าลงเล็กน้อย

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel