ใต้เงาจันทราแห่งเผ่ามาร

89.0K · จบแล้ว
ทีปสิขา
69
บท
1.0K
ยอดวิว
8.0
การให้คะแนน

บทย่อ

เขาผลึกแฝดผู้พี่ไว้ใต้พื้นพิภพยาวนานหลายหมื่นปี ทว่าการผลึกพลังวิญญาณในครั้งนั้น ก่อเกิดให้แฝดผู้พี่มีพลังมหาศาล มีเพียงนาง ผู้มีดวงจิตสีเพลิงที่จะช่วยสรรพชีวิตคืนสู่ความสงบสุขอีกครั้ง

นิยายจีนโบราณจอมมารแฟนตาซี พระเอกเก่ง

บทที่ 1 บันทึกโบราณ

อดีตอันยาวนานผ่านพ้นมา เผ่าเทพผู้เป็นใหญ่มีอำนาจเหนือเผ่าทั้งหลายในใต้หล้า ไม่เคยเว้นว่างจากการทำสงคราม เผ่ามารมักหาโอกาสบุกทำลายเผ่าเทพเพื่อแย่งชิงความเป็นใหญ่ เขตแดนจำต้องมีกำแพงอาคมแน่นหนา เพื่อป้องกันมารบุกทำลาย ทั่วทั้งพิภพไม่เคยสงบสุข คราใดที่มีสงคราม ความสูญเสียจะก่อเกิด ส่งผลให้พิภพเกิดอาเพศใหญ่ เดือดร้อนไปยังเบื้องล่างเขตแดนมนุษย์

จวบจนทายาทของเผ่ามารถือกำเนิดขึ้นเป็นแฝด ผู้พี่นามว่า ตง­ฟาง ผู้น้องนามว่า ตงหยาง ทั้งสองถูกเลี้ยงดูด้วยสิ่งแวดล้อมเดียวกัน ทว่านิสัยต่างกันราวฟ้ากับเหว ผู้พี่มีดวงจิตมืดบอดตามชาติกำเนิด ผู้น้องทะนงตัวและรักสันโดษ เมื่อเติบใหญ่ทั้งสองมีรูปโฉมงดงามหมดจด จนเป็นที่เลื่องลือไปทั่วพิภพว่าไม่มีผู้ใดงดงามเท่าโอรสทั้งสองของเผ่ามาร

ตงฟางเฝ้าบำเพ็ญเพียร เพื่อยกระดับพลังวิญญาณ มุ่งหมายช่วยบิดาทำลายเผ่าเทพเพื่อขึ้นเป็นใหญ่ ทว่าตงหยางกลับปลีกวิเวกบำเพ็ญเพียรเพียงลำพังในถ้ำหลังตำหนัก นานวันเข้าจึงหาโอกาสลงไปยังแดนมนุษย์เรียนรู้สิ่งต่าง ๆ แล้วตกตะกอนความคิดที่ว่า เผ่ามารแท้จริงแล้วเป็นภัยต่อสรรพชีวิตทั้งหลายเพียงใด

“เจ้าหยุดอ่านทำไมกัน อ่านให้ข้าฟังต่อสิ” หมิงเยว่ผงกศีรษะขึ้นมาแล้วถามสาวใช้ด้วยความแปลกใจ ชุดสีเขียวโบกไสวไปตามแรงลม ภายใต้ศาลาหลังเล็กที่ตั้งอยู่บนยอดเขาสูง ในเขตแดนอันเงียบสงบของเผ่าวิหค

“ธิดาหมิงเยว่ ท่านให้ข้าอ่านบันทึกนี้หลายรอบแล้ว ตั้งแต่ท่านเป็นเด็ก จวบจวนตอนนี้ท่านมีอายุหนึ่งพันปี ยังไม่เบื่ออีกเหรอเจ้าคะ” สาวใช้เอียงศีรษะถามด้วยความไม่เข้าใจ ก่อนหมิงเยว่จะปล่อยยิ้มกว้างแล้วเท้าคาง พร้อมสายตาเป็นประกายมีความหมาย

“ข้าไม่เบื่อ ข้าอยากฟังเรื่องราวของประมุขตงหยาง เจ้าจงอ่านให้ข้าฟังต่อ” สายลมอ่อนพัดโชยมาพร้อมกลิ่นดอกไม้ ก่อนเสียงเจื้อยแจ้วของซิ่วอิงจะอ่านบันทึกโบราณต่อตามคำสั่งธิดาเผ่าวิหค

“เหมือนชะตาฟ้าลิขิต ให้ตงหยางผู้เป็นโอรสเผ่ามารในตอนนั้น พานพบกับจางเหว่ยโอรสแห่งสวรรค์ผู้มีจิตสะอาดบริสุทธิ์ เขาทั้งสองพากันท่องเที่ยวในแดนมนุษย์จนเกิดความไว้วางใจซึ่งกันและกัน โดยไม่มีผู้ใดล่วงรู้ ว่าโอรสแห่งเผ่ามารและเผ่าเทพ เป็นสหายกันด้วยใจบริสุทธิ์นับจากนั้น หลายครั้งโอรสจางเหว่ยแอบพาโอรสเผ่ามารเข้าไปยังแดนเทพ เพื่อเดินหมากและเรียนรู้ธรรมเนียมต่าง ๆ ในเผ่าเทพ ความสัมพันธ์ทั้งสองดำเนินมาอย่างเหนียวแน่น

จวบจนอายุขัยของตงหยางครบหกหมื่นปี ประมุขเผ่ามารตงเห­รินดับขันธ์ แฝดพี่ตงฟาง จึงขึ้นเป็นประมุขเผ่ามารตามธรรมเนียมปฏิบัติ ด้วยอยากแสดงอำนาจจึงรวบรวมกำลังพล หมายบุกโจมตีเผ่าเทพเพื่อแย่งชิงความเป็นใหญ่ เวลานั้นตงหยางรีบเข้าห้ามไม่ให้พี่ชายของเขาทำเช่นนั้น เกรงจะส่งผลให้พิภพเกิดเภทภัยเดือดร้อนไปถึงแดนมนุษย์ ทว่าด้วยดวงจิตอันมืดบอดของตงฟางยืนยันจะทำศึกกับเผ่าเทพ

แฝดน้องอย่างตงหยาง จำต้องเข้าร่วมกับเผ่าเทพ ต่อสู้กับกับตงฟางเพื่อยุติสงครามที่จะเกิดขึ้น การต่อสู้ระหว่างสายเลือดกินระยะเวลายาวนานหลายชั่วยาม ก่อนตงหยางจะสามารถเอาชนะได้ในที่สุด จึงใช้พลังวิญญาณขั้นหกกักขังตงฟางไว้ใต้พื้นพิภพ

นับจากนั้นตงหยางได้ขึ้นครองตำแหน่งประมุขเผ่ามาร ส่งผลให้เผ่าเทพและเผ่ามารสงบศึก และอยู่ร่วมกันอย่างร่มเย็นเสมอมา สามารถไปมาหาสู่กันได้ ไร้เขตอาคมขวางกั้นจวบจนถึงปัจจุบันนี้ จบแล้วเจ้าค่ะ” ซิ่วอิงม้วนตำราแล้วหันมายังธิดาเผ่าวิหคพร้อมรอยยิ้ม ก่อนอีกฝ่ายจะทอดสายตาไปยังเบื้องหน้า ปลาบปลื้มกับประวัติของประมุขมารอย่างตงหยาง

“ปัจจุบันนี้ จางเหว่ยสำเร็จเป็นราชันเผ่าเทพแล้ว พวกเขาต่างเป็นสหายรักกัน ทั้งเผ่าเทพและเผ่ามารสนิทแนบชิด จนเผ่าวิหค เผ่าจิ้งจอก อย่างพวกเราต้องยอมรับ ทั่วทั้งใต้หล้าสงบ­สุข นับจากนั้นเป็นต้นมา ถูกต้องหรือไม่” หมิงเยว่เอ่ยถามสาวใช้ด้วยแววตาเป็นประกายมีความสุข

“ถูกต้องเจ้าค่ะ” ซิ่วอิงโน้มกายลงแล้วตอบรับด้วยกิริยาอ่อนน้อม

“ซิ่วอิง ตอนนี้ท่านพ่อกลับจากเผ่าเทพหรือยัง”

“ยังเจ้าค่ะ” คำตอบของซิ่วอิงทำให้ธิดาแห่งเผ่าวิหคส่อสายตาเจ้าแผนการขึ้นมา

“เช่นนั้น พวกเราไปยังแดนมนุษย์กันเถอะ เผื่อสักวันข้าจะมีโอกาสได้เจอกับประมุขตงหยาง”

“ไม่ได้เจ้าค่ะ ประมุขต้าเหรินสั่งห้ามธิดาหมิงเยว่ออกจากเผ่าวิหคเป็นอันขาด หากถูกท่านประมุขจับได้ ธิดาหมิงเยว่จะโดนโทษเจ้าค่ะ” หมิงเยว่ยิ้มรับแล้วส่ายศีรษะไปมาด้วยความมั่นใจ

“ข้าสัญญาว่าจะรีบกลับก่อนท่านพ่อจะกลับมา เจ้าไม่ต้องห่วง”

ดินแดนกว้างใหญ่ไพศาล ยากหาสถานที่ใดในใต้หล้าเทียบได้ เหล่าเทพทั้งหลายต่างมาชุมนุม หลังจากเสียงระฆังเทพส่งสัญญาณบอกเวลา ประมุขเผ่าต่าง ๆ ทยอยเดินทางมายังท้องพระโรงของดินแดนแห่งเทพ ด้วยท่าทางสงบเสงี่ยม

บนแท่นประทับสูงสุด ประดับด้วยมุกทะเลสีขาวงดงามเป็นประกายวาววับ ก่อนราชันเผ่าเทพอย่างจางเหว่ยจะย่อตัวลงนั่งยังแท่นประทับอันมากด้วยบารมี พร้อมทอดสายตาไปยังผู้นำทั้งสามเผ่า ได้แก่ ประมุขเผ่ามาร ประมุขเผ่าวิหค ประมุขเผ่าจิ้งจอก ทั้งหมดค่อย ๆ โน้มกายลงเคารพผู้ปกครองสูงสุดอย่างราชันเผ่าเทพ