บท
ตั้งค่า

บทที่ 13 น้ำใจจากจางซิน

“ข้ากับประมุขตงหยางมีเรื่องปรึกษาหารือ เจ้าวิ่งเข้ามาเช่นนี้ เป็นการเสียมารยาทมากรู้หรือไม่” จางเหว่ยเอ่ยเตือนน้องสาว ก่อนนางจะหันกลับมาแล้วพูดขึ้น

“ข้าก็แค่อยากเข้ามาทักทายประมุขตงหยางเท่านั้น เพราะรู้ว่าถ้าประมุขตงหยางปรึกษาหารือกับท่านพี่เสร็จ ก็จะรีบกลับเผ่ามารไปโดยที่ไม่ทันได้พบข้า” จางเหว่ยได้ยินดังนั้นจึงแอบยิ้ม แล้วปล่อยให้น้องสาว หันไปเจรจากับตงหยางโดยไม่เข้าไปขัด

“นับจากวันชุมนุมเหล่าเทพใหญ่ในครั้งนั้น ข้าก็ไม่ได้พบกับท่านอีก วันนี้ข้าดีใจที่ท่านมายังเผ่าเทพ ข้าได้ปักผ้าเช็ดหน้าผืนนี้ไว้มอบให้ท่าน” หญิงสาวหยิบเอาผ้าเช็ดหน้าผืนน้อยออกมาแล้วยื่นให้กับตงหยาง ก่อนที่เขาจะเลื่อนสายตาไปยังจางเหว่ย หมายให้อีกฝ่ายช่วยพูด ก่อนจางเหว่ยจะยักไหล่ไม่ยอมช่วย พลันก้มรินชาอย่างสบายอารมณ์ ปล่อยให้ตงหยางเผชิญความยากลำบากด้วยตัวเอง

“เทพธิดาจางซิน น้ำใจของท่านข้าซาบซึ้งยิ่งนัก ทว่าข้าเป็นคนไม่พกผ้าเช็ดหน้า ดังนั้นผ้าผืนนี้ เทพธิดาเก็บไว้ให้ผู้ที่ต้องการจะดีกว่า” ตงหยางจำต้องปฏิเสธอย่างตรงไปตรงมา

“เช่นนั้นไม่เป็นไร เมื่อวานข้าสั่งให้เฟิ่งหลินทำขนมแป้งถั่วไว้ ท่านลองชิมหน่อยก็แล้วกัน” พูดจบจางซินก็หันไปยังเทพรับใช้หยิบจานขนมยื่นให้เขาพร้อมรอยยิ้มอ่อน ตงหยางจำต้องรับน้ำใจ ก่อนเสียงของจางเหว่ยจะเอ่ยขึ้น

“ประมุขตงหยางรับน้ำใจจากเจ้าแล้ว ถือว่าเป็นอันเสร็จธุระของเจ้าเช่นกัน ข้ากับเขามีเรื่องสำคัญต้องปรึกษาอีกหลายอย่าง ขอให้เจ้าออกไปก่อน” เสียงเข้มของราชันเผ่าเทพเอ่ยเป็นคำสั่ง ทำให้จางซินฝืนยิ้มแล้วยอมเดินจากไปอย่างไม่เต็มใจนัก

“น้องสาวข้ามีใจต่อเจ้าเพียงนี้ เหตุใดยังไม่ใจอ่อน” จางเหว่ยพูดขึ้น ก่อนตงหยางจะนิ่งเงียบไม่ตอบโต้

“ไม่ว่าจะเป็นหน้าตา ฐานะบนแดนสวรรค์ ความสามารถนางไม่เป็นรองผู้ใด แต่ที่ข้าแปลกใจเหตุใดเจ้าจึงเฉยเมยต่อนางนัก” ตงหยางรินชาใส่ถ้วยแล้วยกดื่ม พลันเลื่อนจานขนมให้จางเหว่ย

“ข้าไม่ชอบกินขนม ขนมพวกนี้เจ้าช่วยข้ากินหน่อยก็แล้วกัน นางจะได้ ไม่เสียน้ำใจ” จางเหว่ยได้ยินดังนั้นจึงหัวเราะออกมาแล้วหยิบขนมของจางซินกัดกินอย่างไม่มีข้อโต้แย้ง ทั้งสองเริ่มเดินหมากกระดานใหม่ท่ามกลางสายลมพัดโชยมาเป็นระยะ

ภายในตำหนักสีขาวโดดเด่นของเผ่าวิหค หมิงเยว่เดินไปมาอย่างใช้ความคิด ก่อนจะหันมาย่อตัวลงนั่งแล้วเท้าคางพลางทำหน้ามุ่ย

“คิดสิ่งใดหรือเจ้าคะ” ซิ่วอิงเห็นท่าทางของธิดาหมิงเยว่ จึงเดินเข้ามาเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง

“ข้าดีใจที่ความฝันของข้าเป็นจริง ข้าเฝ้ารอวันได้พบกับประมุขตงหยางมาตลอด ในที่สุดข้าก็ได้พบเขาเสียที ทุกอย่างไม่ต่างจากที่ข้าจินตนาการไว้” ซิ่วอิงเอียงศีรษะเล็กน้อยด้วยความแปลกใจ

“ในเมื่อท่านดีใจ แต่เหตุใดจึงทำหน้าเช่นนั้น” หมิงเยว่ถอนหายใจออกมา แล้วยกมืออีกข้างเท้าคางอย่างใช้ความคิด

“ดีใจก็ส่วนดีใจ ส่วนที่เสียใจคือไม่รู้ว่าจะได้พบกับประมุขตงหยางอีกเมื่อไหร่ คิด ๆ แล้วก็เศร้าใจยิ่งนัก ยังไม่ทันได้เจรจากันเท่าใด เขาก็จากไปเสียแล้ว ครั้นจะหาโอกาสออกไปเที่ยวเล่นยังแดนมนุษย์อีก ท่านพ่อก็คงไม่ยอม ซิ่วอิงเจ้าช่วยข้าคิดหาวิธีพบท่านประมุขตงหยางอีกครั้งจะได้หรือไม่” ซิ่วอิงนิ่งเงียบไป

ก่อนเสียงฝีเท้าของประมุขต้าเหรินและภรรยาจะเปิดประตูห้องเข้ามา ซิ่วอิงรีบน้อมกายลงเคารพ

“ซิ่วอิง เจ้าออกไปรอข้างนอกก่อน” สิ้นเสียงของประมุขต้าเหริน หญิงสาวจึงน้อมกายลงอีกครั้ง แล้วเดินจากไปตามคำสั่ง

สายตาหวานของหมิงเยว่เลื่อนมองบิดามารดาด้วยความหวาดหวั่น ด้วยเหตุที่ลักลอบออกไปเที่ยวเล่นในแดนมนุษย์ยังเป็นความผิดติดตัว

“ท่านแม่ ข้าผิดไปแล้ว อย่าทำโทษข้ารุนแรงเลยนะเจ้าคะ” หญิงสาวค่อย ๆ เดินมากอดมารดาด้วยน้ำเสียงออดอ้อน หวังว่าจะได้ลดโทษลงบ้างไม่มากก็น้อย

“ท่านแม่ร้องไห้ทำไม” หมิงเยว่ขมวดคิ้วแล้วยกมือเช็ดน้ำตาให้หยางซินด้วยความแปลกใจ ก่อนต้าเหรินจะเดินเข้ามาจูงมือลูกสาวนั่งยังเก้าอี้ดังเดิม ทว่าสายตาอ่อนหวานของหญิงสาวกลับรับรู้ถึงความผิดปกติในกิริยาของทั้งสอง

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel