บทที่ 1 กล่องแห่งความทรงจำ (4)
ทิ้งให้เธอมองหน้าเพื่อนใหม่อย่างเขิน ๆ เพราะทำตัวไม่ถูก จำได้ว่าวันนั้นเธอมองเด็กผู้ชายตัวโตที่ส่งยิ้มมาให้อย่างเป็นมิตรเป็นคนแรก แล้วโอบพสุก็ถามกับเธอว่า
‘อายุเท่าไหร่แล้ว’
‘เจ็ดขวบ’
คนถามเอามือลูบคางทำท่าครุ่นคิด มองเธอตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า แล้วปรายตาไปมองโรม
‘ทีมต้องการตัวสำรองพอดี นายว่าไง ดูจากหน่วยก้านพอไหวมั้ย’
‘ถามน้องก่อนสิพี่ ตัวแค่นี้จะลงสนามไหวเหรอ’ พอโรมบอกแบบนั้น โอบพสุก็หันมามองเธอ
‘นายเตะบอลเป็นมั้ย’
พอเธอส่ายหน้า เขาก็ทำหน้ายุ่ง แล้วเด็กตัวอ้วนในกลุ่มอีกคนก็พูดแทรกขึ้น
‘ถ้าเตะบอลไม่เป็นก็เล่นกับพวกเราไม่ได้’
‘เตะไม่เป็น ก็ฝึกได้ไม่ใช่เหรอ’
พูดไปแบบนั้น ทั้งโอบพสุ โรมและเด็กคนอื่น ๆ ก็มองมาที่เธออย่างให้ความสนใจ
‘เก้งก้างแบบนี้จะเตะบอลได้เหรอ’ เด็กผู้ชายตัวอ้วนกลม ผิวดำเอ่ยแทรกขึ้น ซึ่งเธอมารู้ทีหลังว่าเด็กผู้ชายตัวโตคนนี้ที่อ้วนนั้นชื่อพี่อ้วน
พอถูกทักท้วง โรมก็ปรายตามาที่เธอพร้อมตั้งคำถามด้วยน้ำเสียงจริงจัง ‘แน่ใจนะว่าอยากเล่นบอล’
เธอไม่ได้ตอบรับหรือปฏิเสธได้แต่ทำหน้าจ๋อยเพราะกลัวพี่ ๆ ไม่ให้เล่นด้วย แล้วโอบพสุก็พูดขึ้นอีกว่า
‘พี่กำลังรวมทีมไปแข่งอยู่พอดี รักอยากเป็นนักฟุตบอลไหม เป็นส่วนหนึ่งของทีมวิหคเพลิง’
สาบานได้ เธอไม่เคยมีความฝันที่อยากเป็นนักฟุตบอลในหัวแม้แต่น้อย! แต่เพราะกลัวไม่มีเพื่อนเล่น บวกกับชื่อทีมสุดเท่ในตอนนั้นเธอจึงพยักหน้าตอบรับโอบพสุไป
ดูเหมือนเขาจะพอใจกับคำตอบมากนัก พอเธอตอบตกลง โอบพสุก็จับเธอไปรวมกลุ่มกับเด็กผู้ชายคนอื่น ๆ ที่มีวัยไล่เลี่ยกันทันที
แล้วการฝึกซ้อมมหาโหดก็เริ่มต้นขึ้น...
ไม่เคยคิดเลยว่า การเป็นนักฟุตบอลมันต้องเหนื่อยแสนสาหัสเช่นนี้!
เธอต้องวิ่งทุกวัน วิ่งวันละหลายกิโลเมตร
เธอต้องฝึกเดาะลูกบอล ต้องฝึกเลี้ยงลูกบอล ต้องฝึกการส่งลูกบอลให้เพื่อนร่วมทีม และรวมถึงวิธีการควบคุมทิศทางของลูกบอล ทำหลาย ๆ สิ่งเกี่ยวกับลูกบอลโดยห้ามเอามือแตะลูกบอลเป็นอันขาด!!
ก็ไม่เข้าใจว่ากีฬาฟุตบอลมันสนุกตรงไหน คนตั้งเยอะตั้งแยะ แต่ทุกคนต้องแย่งลูกบอลที่มีเพียงลูกเดียวในสนาม
แน่ล่ะมันไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับผู้หญิงตัวเล็ก ๆ อย่างเธอเลย
โอบพสุกับโรมก็ขยันเหลือเกิน พวกเขาจับเธอฝึกซ้อมได้ทุกวี่ทุกวัน พอฝึกจนพอมีพื้นฐานแล้ว โอบพสุก็พาเธอลงสนามเพื่อเตะฟุตบอลกับเด็กคนอื่น ๆ
เพราะใจไม่รักในกีฬาฟุตบอล เพราะความอ่อนหัด อีกทั้งเธอเคลื่อนไหวร่างกายได้ไม่รวดเร็วเหมือนเด็กผู้ชายคนอื่น ๆ สุดท้ายทุกคนในทีมก็ลงความเห็นว่าเธอควรจะเป็น ‘ตัวแถม’
ฟังแล้วดูดี ได้รับสิทธิ์พิเศษเหนือใครในทีม แต่!
ตัวแถม... ที่ไม่มีใครอยากให้เข้าทีม
ตัวแถม... ที่มีก็ได้ ไม่มีก็ดี
จะมีก็แต่โอบพสุเท่านั้นที่ยินดีให้ตัวแถมอย่างเธออยู่ทีมเดียวกับเขา ส่วนโรมรับเธอเข้าทีมเป็นบางครั้งเป็นบางอารมณ์ แต่เพราะตัวเธอไม่ได้มีใจรักอยากเป็นนักฟุตบอลเหมือนเพื่อนๆ เข้าไปวิ่งในสนามได้ไม่กี่ทีก็เบื่อหน่าย
บางทีเธอก็วิ่งสะดุดขาเพื่อนนักกีฬาหกล้มจนเป็นแผลที่หัวเข่าจนโอบพสุต้องหิ้วตัวเธอมาทำแผลให้
‘ไหวไหมไอ้ตัวเล็ก’
เธอไม่ตอบ แต่ร้องไห้โฮเพราะเจ็บแผล โอบพสุก็เลยช่วยทำแผลให้
‘เจ็บแบบนี้จะลงเตะบอลไหวเหรอ เปลี่ยนให้รักเป็นกองเชียร์ได้มั้ยพี่โอบ’
ไอเดียโรมสร้างความพอใจให้เธอมากมาย เพราะเธอกำลังวาดภาพตัวเองใส่ชุดสวย ๆ ถือปอม ๆ เต้นอยู่ข้างสนามเพื่อเชียร์นักกีฬา แต่เธอหัวเกรียนอยู่ ก็อาจจะสวยแบบแปลก ๆ หน่อย
‘ถามน้องมันก่อนเถอะ อุตส่าห์ตั้งใจฝึก’ พูดกับโรมแล้ว โอบพสุก็กอดอกถามเธอด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า ‘ยังอยากเตะบอลอยู่ไหม’
‘ไม่อยากแล้ว เจ็บแผล รักเต้นเป็น รักเป็นกองเชียร์ได้’
โอบพสุมองหน้าเธอ จากนั้นก็มองหน้าโรมแล้วถอนหายใจยาว
‘กองเชียร์เขาต้องสวย ๆ หัวเกรียนแบบนี้ไม่เอาหรอก เอาไว้เป็นตัวสำรองนั่นแหละดี หรือไม่ก็พี่เลี้ยงนักกีฬาไป’ โรมช่วยพูดสนับสนุน
สุดท้ายพี่โอบก็พยักหน้ารับ พอได้รับอนุญาตเธอก็เลยผันตัวเองมาเป็นตัวสำรองที่ควบด้วยตำแหน่งพี่เลี้ยงนักกีฬา คอยหาน้ำ หาขนมเลี้ยงเพื่อน ๆ ในทีมที่ยังฝึกหนักอย่างเอาเป็นเอาตาย พอมาเป็นพี่เลี้ยงนักกีฬานั่งดูเพื่อน ๆ เล่นฟุตบอล เธอก็เห็นลีลาการเล่นฟุตบอลของทุกคน
