บทที่ 1 กล่องแห่งความทรงจำ (2)
“ค่ะแม่” ต้องรักตอบรับอย่างกระฉับกระเฉง จากนั้นก็ลุกขึ้นเก็บเอาจานชามไปล้างพลางฮัมเพลงอย่างอารมณ์ดี
จะว่าไป นี่เป็นการย้ายบ้านครั้งแรกที่ทำให้เธอมีความสุขที่สุด จะไม่ให้ดีใจได้อย่างไรในเมื่อเธอได้อยู่บ้านติดกับโอบพสุ พี่ชายข้างบ้านที่เธอแอบหลงรักตั้งแต่สมัยยังไว้ผมทรงลานบิน
คิดมาถึงเรื่องนี้ต้องรักก็ยิ้มน้อย ยิ้มใหญ่ไม่หยุด
ถ้าได้ย้ายไปอยู่บ้านหลังนั้นก็หมายความว่าเธอจะได้อยู่ใกล้เขามากขึ้น จะได้เห็นหน้าเขาทุกวัน และเธอก็ไม่ต้องคอยแอบชะเง้อคอยาวเวลาอยากเห็นหน้าเขาอีกต่อไป แค่คิดก็มีความสุขแล้ว เมื่อมีแรงกระตุ้นต้องรักก็รีบเก็บข้าวของเพื่อเตรียมตัวย้ายบ้าน
ก็ไม่รู้ทำไมเธอถึงได้กระตือรือร้นนัก ทั้ง ๆ ที่ย้ายบ้านทุกครั้งที่ผ่านมาเธอจะอิดออด พยายามทำตัวเป็นเด็กมีปัญหาทุกครั้งไป ส่วนเหตุผลที่ไม่อยากย้ายบ้านก็คือ เธอไม่ชอบการเปลี่ยนแปลง
ทุกครั้งที่พ่อพาเธอโยกย้ายที่อยู่ เธอก็ต้องย้ายโรงเรียน พอย้ายโรงเรียนบ่อยครั้งเข้าก็ทำให้เธอไม่มีเพื่อนสนิท
นอกจากนี้ทุกครั้งที่มีการโยกย้ายที่อยู่ เธอต้องปรับตัวเข้ากับบ้านหลังใหม่ สิ่งแวดล้อมใหม่ ๆ เพื่อนคนใหม่ โรงเรียนใหม่ทุกครั้งไป ซึ่งเธอไม่มีความสุขแม้แต่น้อย เพราะเธอเข้ากับเพื่อนที่โรงเรียนใหม่ไม่ค่อยได้
ต้องรักหันมาเก็บของกระจุกกระจิกใส่ลังกระดาษ พอขนข้าวของออกมากองรวมกันหญิงสาวก็เจอกล่องใบเก่าที่ถูกซ่อนเอาไว้ใต้เตียง ฝุ่นหนาที่เกาะบนฝากล่องฟ้องชัดว่าเธอไม่ได้แตะต้องเจ้ากล่องนี้มานานมาก
พอจัดการเช็ดฝุ่นออกไป ต้องรักก็เปิดกล่องออก
สิ่งแรกที่พบคือ ผ้ารัดหัวเข่าสำหรับใส่เพื่อบรรเทาการกระแทก หญิงสาวยิ้มบางก่อนหยิบของสิ่งนี้ขึ้นมาอย่างทะนุถนอม
เธอจำได้แม่น แม้เวลาจะผ่านมาสิบกว่าปีแล้วก็ตามว่าผ้ารัดหัวเข่าผืนนี้เป็นของโอบพสุ เขาใส่ให้เธอตอนที่เธอซ้อมฟุตบอลกับเพื่อน ๆ นอกจากผ้ารัดหัวเข่ายังมีของเล่นหลายชิ้น อาทิเช่น ลูกแก้ว หุ่นยนต์ ไพ่ รูปถ่าย และสมุดระบายสี
ต้องรักหยิบรูปถ่ายขึ้นมาดู เป็นภาพที่ถ่ายในวันที่ชนะเลิศการแข่งขัน เห็นภาพตัวเองหัวเกรียน ตัดผมทรงลานบินแบบเด็กผู้ชายก็อดขำตัวเองไม่ได้ มันเป็นเรื่องที่เธอไม่เคยลืมเลยว่าครั้งหนึ่งเธอเคยถูกเพื่อน ๆ เข้าใจผิดว่าเธอคือ ‘เด็กผู้ชาย’
เรื่องของเรื่องคือ พ่อกับแม่หย่ากันเพราะทัศนคติการใช้ชีวิตของคนทั้งคู่ไม่ค่อยตรงกัน แม่ของเธอเป็นมัคคุเทศก์จึงต้องเดินทางอยู่เป็นประจำ ส่วนพ่อเป็นช่างรับเหมาก่อสร้าง ใครว่าจ้างก็จะเดินทางไปรับงาน บ้างก็รับงานตามต่างจังหวัด บ้างก็รับงานในเมือง
พอทั้งสองเลิกกัน พ่อก็พาเธอไปอยู่ด้วยตั้งแต่เธออายุได้สามขวบเศษ
แต่เพราะพ่อต้องเดินทางไปรับงานตามต่างจังหวัดอยู่บ่อย ครั้ง จึงเป็นสาเหตุให้เธอต้องโยกย้ายที่เรียนตามไปด้วย พ่อจะเลี้ยงเธอแบบปล่อย ๆ ไม่ค่อยพิถีพิถันมากนัก
แต่ถึงจะเลี้ยงปล่อย ๆ ตามแบบฉบับพ่อ แต่พ่อก็ไม่เคยปล่อยให้เธออดอยาก พ่อจะสอนให้เธอช่วยเหลือตัวเองให้เป็น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องหาข้าวปลากินเอง เรื่องงานบ้าน หรือแม้แต่แต่งตัวไปโรงเรียน
พอไปโรงเรียนเธอก็ติดเหาจากเพื่อนมาบ่อยครั้ง มิหนำซ้ำเธอยังเอาเหามาติดพ่อ แม้พ่อจะรักษาให้หายหลายต่อหลายครั้ง แต่เธอก็ติดเหาเพื่อนที่โรงเรียนมาอีก พอเป็นเหาหลายครั้งเข้า พ่อก็เลยพาเธอไปร้านตัดผมชาย แล้วจัดการตัดผมทรงลานบินซะ
ไม่รู้ว่าพ่อคิดอะไรอยู่ จำได้ว่าวันนั้นเธอร้องไห้หนักมาก ร้องไห้เสียใจเพราะต้องเสียผมเปียสวย ๆ ไป แต่พ่อก็ปลอบใจเธอด้วยของเล่น ขนม และคำชม
พ่อบอกว่าเธอตัดผมทรงนี้แล้วดูเท่มาก คนที่ตัดผมทรงนี้เป็นผู้กล้าหาญ ตอนแรกเธอก็ไม่เชื่อ แต่พอออกจากร้านไป ใคร ๆ ก็พากันส่งยิ้มให้ เธอก็เลยมั่นใจตัวเองขึ้น
แต่เรื่องทรงผมก็ไม่จบเท่านั้น!
