บทที่ 1 กล่องแห่งความทรงจำ (1)
เข้ามาในบ้าน ‘ดาวรรณ’ มารดาที่ยังสาวและสวยของต้องรักที่กำลังเตรียมอาหารเย็นก็ไล่ลูกสาวให้ไปอาบน้ำสระผมทันที
“โดนละอองฝนนิดหน่อย รักไม่เป็นอะไรหรอกแม่”
“ดื้อจริง หัวชื้นเดี๋ยวก็ไม่สบาย อาทิตย์หน้ามีสอบไม่ใช่เหรอ”
“ค่ะ” หญิงสาวตอบรับเสียงแผ่ว
“งั้นก็ต้องดูแลตัวเองดีๆ รีบไปอาบน้ำสระผมแล้วมากินข้าวกับแม่”
พอถูกมารดาดุหญิงสาวก็ตอบรับเสียงยานคาง “ค่า”
เมื่อจัดการกับตัวเองเสร็จและเปลี่ยนเป็นชุดนอนลายลูกหมีสีกาแฟแล้ว ต้องรักก็ลงมานั่งกินข้าวกับมารดา
“แม่หาบ้านเช่าได้หรือยัง” ต้องรักชวนคุยอย่างสนใจ เพราะเธอไม่อยากย้ายบ้านไปไหนอีก ด้วยว่าเธอไม่อยากอยู่ไกลจากโอบพสุ
“ได้แล้ว เจ้าของบ้านเพิ่งทำสัญญาเช่าให้แม่วันนี้”
คนเป็นลูกที่จับช้อนหมายเอาข้าวเข้าปากวางช้อนลงในจานอย่างเบามือแล้วมองหน้ามารดา “เหรอคะ... หนูไม่อยากย้ายบ้านเลย”
สำหรับต้องรักแล้วการย้ายบ้านคือเรื่องที่เธอไม่เคยปรารถนา จำได้ว่าตั้งแต่เด็กเธอย้ายบ้านเป็นว่าเล่น ส่วนสาเหตุที่ต้องโยกย้ายบ่อย ๆ เพราะพ่อกับแม่หย่ากันทั้งสองจึงแยกกันอยู่
ซึ่งการย้ายบ้านแต่ละครั้งมันสร้างปัญหาให้เธอหลาย ๆ เรื่อง และครั้งนี้ก็อีกเช่นกัน
เธอไม่อยากโยกย้ายอีกแม้จะเป็นการโยกย้ายเพียงชั่วคราวก็ตาม ที่เป็นเช่นนั้นเพราะเธอไม่อยากอยู่ห่างจากเพื่อนสนิทอย่างคล้ายเดือน และรวมไปถึงโอบพสุ พี่ชายข้างบ้านที่เธอแอบหลงรักเขามาตั้งแต่เด็ก
แหม... เธอเพิ่งเจอเขา การเจอหน้าระหว่างเธอกับเขาใช่ว่าจะเกิดขึ้นบ่อย ๆ ถึงแม้ว่าโอบพสุจะอยู่บ้านใกล้เธอก็ตาม
“หนูพูดจริง ๆ นะ ให้หนูพักอยู่ที่บ้านยัยเดือนก่อนก็ได้”
“ได้ไงเจ้าลูกคนนี้ หัดเกรงใจเพื่อนบ้างสิ”
“ยัยเดือนเป็นเพื่อนสนิทของรัก ไม่เป็นอะไรหรอกแม่”
“ถึงจะสนิทมากก็ยิ่งต้องเกรงใจเพื่อนให้มาก ๆ หนูก็รู้ไม่ใช่เหรอลูกว่าสองแม่ลูกบ้านนั้นเคี่ยวน่าดู หนูเดือนใช่ว่าจะอยู่บ้านหลังนั้นในฐานะเจ้าของบ้าน ถึงหนูเดือนจะเต็มใจ แต่ญาติ ๆ ของหนูเดือนล่ะ เขาจะยอมเหรอลูก” ดาวรรณบอกกลับลูกสาวด้วยน้ำเสียงจริงจัง
ต้องรักทำหน้าบูดพลางถอนหายใจยาว ทำท่าว่าจะอิ่มข้าวเสียดื้อ ๆ
“รัก แม่รู้ว่าหนูไม่อยากย้ายบ้าน แต่ครั้งนี้แม่ไม่ได้ย้ายไปไหนไกล”
“ถึงจะไม่ไกล ยังไงหนูก็ต้องย้ายบ้านอยู่ดี” ต้องรักทำหน้าเศร้าเหมือนจะร้องไห้แล้วถอนหายใจออกมายาว ๆ
“ก็แค่ย้ายไปฝั่งตรงข้ามนี้เอง ไม่ได้ย้ายไปไหนไกลสักหน่อย”
ได้ยินเช่นนั้นหญิงสาวก็ชะงักไป
“ฝังตรงข้าม?” คนเป็นลูกเลิกคิ้วอย่างแปลกใจ
“เออสิ แม่แค่ย้ายข้าวของไปอยู่บ้านข้าง ๆ บ้านป้านวลน่ะ”
พอมารดาบอกแบบนั้น ต้องรักก็หูผึ่ง “จริงเหรอแม่ ข้างบ้านพี่โอบอะนะ”
“อื้อ” ดาวรรณพยักหน้า “ทำสัญญาเช่าเสร็จแล้วด้วย”
“แม่!!!!” หญิงสาวถึงกับร้องเสียงหลง
“จะเสียงดังทำไมยะ หนวกหู”
“แม่พูดจริง ๆ เหรอ” คนเป็นลูกถามอย่างตื่นเต้นปนความดีใจ
“ใครล้อเล่นล่ะ แม่รู้ว่ารักไม่ชอบย้ายบ้าน แต่ครั้งนี้มันจำเป็นจริง ๆ ย้ายไปพักที่บ้านเช่าสักระยะนะลูก ปลูกบ้านเสร็จแล้วค่อยย้ายกลับมา”
ต้องรักถึงกับยิ้มแฉ่ง “ย้ายไปนาน ๆ ก็ได้ค่ะ ไม่ต้องย้ายกลับมายิ่งดี”
ดาวรรณค้อนคมใส่ลูกสาวพลางส่ายหน้า “เพี้ยนจริงเจ้าลูกคนนี้ ตกลงจะย้ายหรือไม่ย้าย ถ้าไม่ย้ายแม่จะให้เรากลางเต็นท์นอนที่นี่ซะ”
“ย้ายเลยแม่ ย้ายบ้านเลย ย้ายเดี๋ยวนี้เลยยิ่งดี” หญิงสาวยิ้มทะเล้นอย่างอารมณ์ดี “ไม่ได้ไปไหนไกล ใกล้ ๆ แค่นี้ ย้ายเลย รักชอบ” ยิ้มให้มารดาแล้ว ต้องรักก็ก้มหน้าก้มตากินข้าวต่อ
“พิลึกคนจริง เจ้าลูกคนนี้” คนเป็นแม่ที่มองดูลูกสาวได้แต่ส่ายหน้าเพราะตามอารมณ์ของลูกสาวไม่ทัน
พอต้องรักอิ่มข้าวแล้ว ดาวรรณก็เอ่ยขึ้นอีก “อาทิตย์หน้าต้องขนของไปไว้บ้านนู้นแล้ว มีข้าวของอะไรรักก็เก็บ ๆ ใส่กล่องไว้ล่ะ อันไหนไม่ใช้ก็ทิ้ง ๆ ไปบ้าง จะได้ขนย้ายสะดวก”
