๗ เกิดเรื่องจนพานพบ (๑)
๗
เกิดเรื่องจนพานพบ
ว่าที่คู่หมั้นมาสายกว่าใครเพื่อน ชายหนุ่มจึงถูกมารดาไหว้วานให้ไปรับหล่อนถึงบ้าน ระหว่างทางก็ฟังเธอคุยถึงเรื่องงานซึ่งตอนนี้หญิงสาวทำธุรกิจส่วนตัวเกี่ยวกับเครื่องสำอางและบำรุงผิวกับเพื่อนสนิท เหมือนจะเป็นไปด้วยดีตามความคาดหวัง เธออาจเป็นนักธุรกิจแถวหน้าในสักวัน นึกชื่นชมในส่วนนี้ของนภาลดา
ผู้ที่จะเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในครอบครัวตามที่แม่ของเขาปรารถนา...
ดวงตาคมเหม่อมองนอกหน้าต่างเมื่อเสียงบนรถเงียบลง เธอก้มหน้ากดโทรศัพท์คล้ายจะตอบเรื่องงาน เขาจึงจมอยู่ในภวังค์ของตัวเองที่ย้อนกลับไปเมื่อไม่กี่นาทีก่อนหน้านี้ แววตาดำดิ่งกลับสั่นไหวครู่หนึ่ง มุมปากยกยิ้มโดยที่เจ้าตัวแทบไม่รู้ตัวเลยด้วยซ้ำ
ใบหน้าเนียนใสไร้การแต่งแต้ม นัยน์ตาดำขลับยามสั่นไหวดูเปล่งประกายในความมืด น่าแปลกที่จดจำรายละเอียดของหล่อนได้ชัดเจนกระทั่งในความคิด ไม่รู้ว่าเธอเป็นใคร อาจเป็นลูกหรือหลานแม่บ้านสักคน ซึ่งเขาไม่ควรสนใจใส่ใจ
ทว่าทำไมใบหน้าสวยจึงติดอยู่ในความทรงจำจนน่าหงุดหงิดเช่นนี้
รถจอดลงที่หน้าโรงแรมหรูซึ่งเป็นสถานที่จัดงาน เขาจึงได้สติแล้วเดินเข้าไปในงานโดยมีนภาลดาคล้องแขนหนาเอาไว้ เป็นคู่ควงที่ทุกคนทราบดีว่าอีกไม่นานสองตระกูลใหญ่จะดองกัน หญิงสาวหลายคนต่างอิจฉานภาลดาที่ได้หนุ่มหล่อผู้เต็มไปด้วยทรัพย์สมบัติและหน้าตาอันสง่างาม
เป็นเพชรเม็ดโตที่ไม่เคยมีใครได้ครอบครอง หล่อนคือหญิงโชคดีเพียงผู้เดียว ทำให้ใบหน้าหวานของสาวสวยเชิดขึ้น ยิ้มอย่างเหนือกว่าปรายตามองคนที่ส่งสายตาอิจฉา
“เจ้าของงานเดินมานั่นแล้ว” บ้านภัทรเทวามากันครบทุกคน ต่างเดินเข้ามาทักทายร่างสูงที่ค้อมศีรษะส่งยิ้มให้อีกฝ่าย คุณบุริศร์ยิ้มหน้าบานกว่าใครเพื่อน มองชายตรงหน้าพลางคิดว่าอีกไม่นานจะได้ดองกันแล้ว
ชีวา กรุ๊ป (Chiva Group) ถือครองกิจการผลิตยาสามัญประจำบ้าน ทั้งยังมีบริษัทอาหารแปรรูปอยู่ในมือ และเมื่อไม่นานมานี้เพิ่งลงมาเล่นอสังหาริมทรัพย์ สร้างโรงแรมหรูที่ห้องพักเต็มแทบทุกวัน เน้นบริการระดับบนและนักธุรกิจต่างชาติที่เข้ามาทำธุระในไทย รายได้ค่อนข้างสูงทำกำไรเป็นกอบเป็นกำ
แน่นอนว่าคนที่เริ่มความคิดทั้งหมดคือเพลิงรพี ถึงเขาจำเรียนอยู่ต่างประเทศทั้งยังทำงานเพื่อหาประสบการณ์ที่บริษัทยักษ์ใหญ่ของโลก แต่ก็ยังทำงานที่ไทยผ่านวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ ทั้งยังมีผู้ช่วยที่คอยดูแลและสอนงานเขามาตั้งแต่ชายหนุ่มอายุสิบห้าปี
เพลิงรพีถูกบีบให้โตกว่าวัยเพื่อแข็งแกร่งเป็นร่มเงาแก่มารดาผู้อ่อนไหวและอยู่กับความเศร้าโศกมาโดยตลอด กว่าจะได้ลูกชายคนนี้มาแสนยากลำบากเพราะคุณเทวิกา ชีวาตินนท์มีร่างกายอ่อนแอเป็นทุนเดิม พอคลอดชายหนุ่มก็ต้องพักรักษาตัวเป็นปีกว่าจะกลับมาเป็นปกติ จึงมีลูกชายที่เปรียบเสมือนโลกทั้งใบของแม่
ขณะที่พ่อก็ขยันสร้างบ้านเล็กจนเขามีพี่น้องที่ไม่อยากนับญาติด้วยหลายคน ซึ่งพินัยกรรมของท่านก็ระบุให้แต่ละบ้านได้เงินไปพอสมควร ยกเว้นกิจการที่ไม่มีใครได้ส่วนแบ่งสักคน มีเพียงบุตรชายเพียงคนเดียวที่เกิดจากภรรยาหลวงได้ไปครอง คุณเตโช ชีวาตินนท์รู้ดีว่าเพลิงรพีเหมาะสมกับตำแหน่งประธานบริษัทมากที่สุดแล้ว
“ยินดีต้อนรับกลับไทยนะเพลิง ถึงจะบอกช้าไปเกือบสามเดือนก็เถอะ” บ้านภัทรเทวาเข้ามาแสดงความยินดี เขายิ้มรับแล้วตอบตามมารยาท
“ครับ”
ยืนคุยกับครอบครัวของว่าที่คู่หมั้นสักครู่ ก่อนสายตาจะเหลือบไปเห็นมารดาที่ยืนทำหน้าไม่สบอารมณ์จึงได้ขอตัวแล้วเดินเข้าไปหาท่าน ทราบถึงความผิดปกติของคุณเทวิกา ก่อนจะมองตามสายตาที่จ้องเขม็งไปยังอีกฟากของงาน
“มีอะไรหรือเปล่าครับคุณแม่”
“คนพวกนั้น...เพลิงเชิญมาทำไม” เอ่ยเสียงเข้ม
ชายหนุ่มละสายตาจากบรรดาบ้านน้อยของบิดาผู้ล่วงลับ ถ้าให้นับคนที่มีบุตรให้ท่านก็มีเพียงสามคน แต่หญิงสาวที่คุณเตโชเลี้ยงดูมีเกือบแปดคนซึ่งหลังจากได้รับส่วนแบ่งก็ไม่ได้เข้ามายุ่งเกี่ยวอีก เหลือแค่ผู้หญิงสามคนนั้นที่ยังคงคอยเข้ามาวนเวียนกวนใจท่าน
ใบหน้าคมเรียบเฉย แววตานิ่งลึกไม่อาจคาดเดาอารมณ์ได้ ก่อนจะหันมาสบตากับบุพการีแล้วตอบอย่างไม่ยินดียินร้าย
“ตามมารยาทน่ะครับ แค่เอื้อเฟื้อให้เขาได้มีพื้นที่ยืนบ้างคงไม่เป็นหรอก” ไม่ยอมบอกความจริงกับท่านว่าทั้งสามไปอาละวาดถึงบริษัทหากไม่ให้เข้าร่วมงาน เขาจึงตัดรำคาญโดยการอนุญาต อยากรู้เหมือนกันว่าจุดประสงค์ที่มาคืออะไร
กระทั่งเห็นน้องชายน้องสาวต่างแม่ที่แต่งตัวสวยหล่อ พยายามเข้าไปทักทายคนในงานที่เป็นระดับนักธุรกิจก็พอเข้าใจแล้ว
คงกำลังหาที่เกาะใหม่สินะ...เค้นยิ้มสมเพชแล้วเลิกสนใจคนกลุ่มนั้นทันที
เจ้าของงานขึ้นเปิดงานอย่างเป็นทางการ ได้รับความสนใจจากทุกคนให้จ้องมองใบหน้าไร้ที่ติของนักธุรกิจหนุ่ม ถ้าเขาไม่ใช่ประธานบริษัทก็อยากจะลองชวนเข้าวงการบันเทิงอยู่เหมือนกัน แต่ตำแหน่งของเพลิงรพียิ่งใหญ่เหลือเกิน
เพลงบรรเลงพร้อมกับเวทีกลางที่เริ่มเปิดไฟให้ชายหญิงได้เต้นรำ มีคนไปเปิดฟลอร์เป็นที่เรียบร้อย เขาจึงเดินเข้ามายืนอยู่หน้าคู่หมั้น ยื่นมือไปหาเธอพร้อมถามอย่างมีมารยาท รู้ดีว่าหล่อนคงตอบตกลงด้วยรอยยิ้มเขินอาย
“ให้เกียรติไปเต้นรำกับพี่ได้ไหมครับ” ทุกคนต่างจ้องพวกเขาเป็นตาเดียว เธอเองก็ยินดีเป็นอย่างยิ่งจึงวางมือไว้บนมือหนา ค่อยลุกจากเก้าอี้ที่ตัวเองนั่ง ฉีกยิ้มเล็กน้อยไม่ได้เปิดเผยโดยทั้งหมด อย่างไรก็ต้องสงวนท่าทีเอาไว้บ้าง
“ค่ะ”
