บท
ตั้งค่า

๖ ชีวิตที่แตกต่าง (๔)

“แล้วป้าคิดว่ายังไง” ทุกสายตามองป้าสมใจ ท่านตักข้าวกินราวกับไม่ยินดียินร้าย ตอบเสียงเรียบโดยยึดตามความสุขของหลานสาวเป็นหลัก

“ขอแค่น้องแพรมีความสุข ยังไงก็ได้หมดนั่นแหละ”

เลี้ยงมาแต่เด็กจนรักเหมือนลูกไปแล้ว เชื่อว่าทุกการตัดสินใจของเพชรแพรวาคิดมาดีแล้วเสมอ...

เธอกลับบ้านเร็วกว่าปกติก่อนจะพบว่าแม่บ้านได้รับอนุญาตให้ออกไปเที่ยวที่งานวัดใกล้หมู่บ้านได้ จึงนัดแนะกันเรียบร้อยเหลือเพียงป้าสมใจที่กินยาแก้หวัดจึงหลับอยู่ในห้องลำพัง เธอไปเช็ดตัวดูแลท่านเสร็จก็เดินออกมานั่งเล่นเพียงลำพัง

วันนี้งานต้อนรับเพลิงรพีกลับสู่บ้านเกิด แม้ว่าเขาจะกลับมากว่าสามเดือนแล้วก็ตาม แต่เพิ่งว่างจัดงานสำคัญ อีกนัยหนึ่งก็เพื่อพบปะนักธุรกิจคนอื่นสร้างสัมพันธไมตรี เธอนั่งเหม่อแล้วถอนหายใจเมื่อคิดว่าตนช่างเป็นสิ่งมีชีวิตขนาดเล็กกว่ามดเสียอีกหากเทียบกับคนระดับนั้น

โชคดีที่เขาไม่ได้มาที่บ้านภัทรเทวา เธอไม่ต้องการพบหน้าชายหนุ่มที่ฉวยโอกาสหอมแก้มตนตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอ คิดถึงเรื่องนั้นก็เผลอยกมือขึ้นจับแก้ม ก่อนสะดุ้งอย่างตระหนกที่ถูกชายหนุ่มเข้ามารบกวนกระทั่งในความคิด

เธอรีบหาอย่างอื่นทำกลบความรู้สึกผิดในใจที่ดันคิดถึงว่าที่คู่หมั้นของพี่สาว กระทั่งทั่วทุกพื้นที่ถูกปกคลุมด้วยความมืด ไฟเริ่มทำงานจนรอบบริเวณกลับมาสว่าง เธอจึงได้เดินกลับไปที่ห้องนอนของตัว แต่กลับต้องชะงักเมื่อเห็นชายปริศนายืนอยู่ใต้ต้นมะม่วง

“ใครมายืนใต้ต้นมะม่วง...ผีเหรอ” พึมพำเสียงเบา พยายามเพ่งสายตามองแต่ก็ไม่เห็นว่าเป็นใคร มีเพียงชายเสื้อที่โผล่ออกมาเท่านั้น คล้ายอีกฝ่ายกำลังยืนพิงลำต้น

แต่ใครกันล่ะบุกรุกมาในเวลานี้

“ไม่ใช่คุณวีร์...” เป็นไปไม่ได้ น้องชายคนนั้นกำลังเคร่งเครียดกับการเรียนเพื่อเตรียมสอบเข้ามหาวิทยาลัยในอีกไม่นาน จึงถูกตัดออกคนแรก คนในบ้านก็ออกไปข้างนอกจนหมดแล้ว มีเพียงอย่างเดียวที่พอจะเดาได้

“โจร โจรอย่างนั้นเหรอ!” เบิกตากว้างแล้วหยิบไม้กวาดมาถือเอาไว้

ค่อยย่องเข้าไปใกล้คนที่ยืนพิงต้นไม้ หัวใจเต้นรัวด้วยความกลัว เธอพยายามเดินให้เบาที่สุดโดยไม่ได้มองเลยว่าเงาของตนถูกพบเห็นเสียงแล้ว คนที่เคยยืนนิ่งจึงเอ่ยขึ้นยามที่หล่อนง้างมือเตรียมตีลงที่ไหล่หนา เสียงทุ้มทำให้ร่างบางหยุดชะงักทุกการกระทำของตัวเอง

“นี่มันเรียกว่าลอบกัดไม่ใช่เหรอ...” นอกจากเสียงแล้ว เขาเลือกจะหันหน้ามาเผชิญกับเธอ แสงไฟจากบ้านส่องสว่างทำให้เห็นกรอบหน้าคมชัดเจน ปาอวบอิ่มเผยอขึ้นเล็กน้อยแล้วพึมพำเสียงเบา จำได้ทันทีว่าชายหนุ่มเป็นใคร

“คุณ...”

โจรขโมยมะม่วงวันนั้น...เพลิงรพี!

ชายหนุ่มอยู่ในชุดสูทเต็มยศกับผมที่เซ็ทเป็นทรง ใบหน้าหล่อเหลาคมชัดขึ้นกว่าเดิม ส่วนสูงก็เพิ่มขึ้นจนต้องเงยมอง คำนวณจากสายตาแล้วไม่ใช่ว่าสูงถึงหนึ่งร้อยเก้าสิบเซนติเมตรเลยหรือไง เธอกลืนน้ำลายหนืดลงคออย่างยากลำบาก

เขาดูหล่อเหลา ขณะที่เธอสวมเพียงเสื้อยืดกับกางเกงขาสั้นแล้วมัดผมอย่างลวกๆ หน้าไม่แต่งเพราะอยู่บ้าน นึกอับอายกับสภาพของตัวเองจนพูดไม่ออก มีเพียงชายหนุ่มที่ยกยิ้มมุมปาก แล้วสบตาเธอก่อนมองการเปลี่ยนแปลงของหญิงสาวที่ต่างจากเดิมเล็กน้อย

อาจจะสูงขึ้นและ...สวยขึ้นหรือเปล่า

“หึ หวงต้นมะม่วงขนาดนี้คราวหลังก็เขียนป้ายห้ามเข้าใกล้ด้วยดีไหม” น่าแปลกที่เขาต่อปากต่อคำกับเธอ ทั้งที่ปกติไม่ค่อยทำเช่นนี้กับคนไม่รู้จัก แต่ก็อดไม่ไหวที่จะต่อบทสนทนากับหญิงสาวแปลกหน้าผู้นี้

“มันมืดฉันมองไม่ค่อยเห็นว่าเป็นใคร เชิญคุณตามสบาย...” ค้อมศีรษะแล้วคิดจะเดินกลับไปยังห้องครัวโดยกำไม้กวาดเอาไว้แน่น ทว่ากลับต้องชะงักฝีเท้าเมื่อได้ยินเสียงทุ้มรั้งเอาไว้ ปากจิ้มลิ้มเม้มเข้าหากันทันที

ไม่อยากคุยอะไรกับอีกฝ่ายอีกแล้ว หัวใจเต้นรัวอย่างไม่เคยเป็นมาก่อนจนเธอไม่รู้ว่าความรู้สึกตื่นเต้นมากมายขนาดนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร

“ไม่ขอโทษหน่อยเหรอ”

“คะ...” หันกลับมาเผชิญหน้าเขา

“ถ้าฉันไม่เห็นก่อนว่าเธอลอบทำร้ายก็คงโดนตีไปแล้ว ไม่คิดว่าควรจะขอโทษฉันหน่อยหรือไง” ร่างสูงก้าวเข้ามาใกล้ก่อนจะหยุดอยู่ตรงหน้าหล่อน มือบางกำไม้กวาดเอาไว้แน่นกว่าเดิม เผลอถอยห่างเขาเล็กน้อยแล้วตอบเสียงตะกุกตะกัก

“ฉันไม่คิดว่าต้องขอโทษคนที่บุกรุกพื้นที่ของคนอื่นนะคะ” เชิดหน้าขึ้นเล็กน้อย น้ำเสียงยังคงสุภาพแต่แววตาก็แข็งกร้าวจนเขานึกสนุกยามได้ต่อบทสนทนากับคนตรงหน้า เอียงศีรษะเล็กน้อยแล้วโน้มใบหน้าเข้าไปใกล้เธอ อยากเห็นนัยน์ตาหวานชัดกว่านี้อีกสักหน่อย

“พื้นที่คนอื่น...ตรงนี้เป็นที่ของเธอเหรอ” เลิกคิ้วขึ้นหนึ่งข้าง พร้อมกับเสียงทุ้มที่ทำให้หญิงสาวหัวใจสั่นไหวอย่างประหลาด

กำไม้กวาดแน่นกว่าเดิมพร้อมยกขึ้นมากั้นไม่ให้อีกฝ่ายเข้าใกล้ตนมากกว่านี้อีก ร้อนผ่าวที่ใบหน้ายามได้กลิ่นหอมของกายหนาโชยเข้าจมูก ต้องรีบกลั้นหายใจไม่อยากได้กลิ่นให้นึกสับสนในความรู้สึก

“ปะ...เปล่าค่ะ” ตอบเสียงสั่น

แล้วดูเหมือนว่าอาการของเธอยิ่งทำให้เขาสนุกมากกว่าเดิม กลัวจนตัวสั่นเหมือนลูกนก จนอยากลูบขนเป็นการปลอบแต่เขาก็เลือกเอามือไพล่หลัง จ้องดวงหน้าหวานไม่ละไปทางอื่น

นึกสนุกอย่างประหลาดยามได้คุยกับหญิงตรงหน้า...

“ก็แสดงว่าฉันไม่ได้บุกรุก เป็นเธอที่เข้าใจผิดจนเกือบจะตีฉันจนได้รับบาดเจ็บ”

“แต่ก็ไม่ได้ตีนี่คะ” บอกอย่างดื้อรั้น

พยายามยืนหยัดในจุดยืนของตัวเอง เขาฟังอย่างนั้นก็กลั้วหัวเราะคิดจะโต้กลับ ทว่าเสียงก็ดังขึ้นจากทางหน้าบ้านจนต้องเหลียวกลับไปมอง พอหันกลับมาอีกทีหล่อนก็อันตรธานไปเสียแล้ว

เร็วยิ่งกว่าลิงเสียอีก ยังไม่ทันรู้จักชื่อเสียงเรียงนามเลย แต่ไม่เป็นไรหรอกเธอไม่ได้สำคัญกับเขาสักหน่อย แค่พูดคุยให้พอหายเครียดก็เท่านั้น

“พี่เพลิง พี่เพลิงคะ!” นภาลดาปรากฏตัวในชุดราตรีแสนสวยยามกรอมเท้า เธอเดินเข้ามาใกล้แล้วส่งยิ้มให้เขา

“มาทำอะไรตรงนี้คะ เราต้องรีบไปงานเลี้ยงของพี่ไม่ใช่เหรอ ไปกันเถอะค่ะ” ได้รับคำสั่งจากมารดาให้มารับว่าที่คู่หมั้นถึงบ้านก็ยอมทำตาม เขาพยักหน้าแล้วยื่นแขนให้หล่อนควงก่อนเดินไปยังหน้ามุขที่จอดรถซีดานไว้

“ครับ”

พาหนะเคลื่อนออกจากบ้านหลังใหญ่ โดยที่เพชรแพรวานั่งหอบหายใจแล้วจับตำแหน่งอกข้างซ้ายของตนที่เต้นแรงราวจะหลุดออกมานอกอก

มันเกิดอะไรขึ้นกับเธอกันแน่!

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel