๖ ชีวิตที่แตกต่าง (๓)
‘พี่เข้าใจแล้ว...พี่เข้าใจ’ เห็นเธอรู้สึกผิดเขาก็ยิ่งนึกโกรธตัวเองที่ไปกดดันเธอ ทั้งที่รู้เต็มอกว่าเพชรแพรวาไม่ได้คิดอะไรด้วย แววตาของเธอไม่ได้เปลี่ยนแปลงเลยสักนิด วันแรกที่เจอเป็นอย่างไรวันนี้ก็ยังคงเป็นเช่นนั้น
มีเพียงเขา...ที่หลงรักข้างเดียว
‘แต่ว่านะแพร...พี่ต้องไปใช้ทุนที่ต่างจังหวัดสามปี ระหว่างนี้เรายังเป็นแฟนกันได้ไหม แค่ในนามก็ได้เพื่อที่แพรจะได้ไม่ต้องมีคนมาทำให้กวนใจ’ เข้าใจแต่ก็ไม่ได้ยอมแพ้ในคราวเดียว
ชายหนุ่มต้องการผูกมัดเธอเอาไว้ด้วยสถานะถึงจะเป็นเพียงเรื่องหลอกลวงก็ตาม เธอเงยหน้ามองเขาอยากค้านและพยายามบอกเหตุผลที่พอจะนึกได้
‘นั่นมัน...อาจจะไม่ดีกับพี่นะคะ ถ้าพี่เจอคนที่ชอบ...’
ไม่อยากให้ตนเองผูกมัดเขาเอาไว้ เชื่อว่าคนหล่อเหลาแสนดีอย่างคีรีภัทรต้องเจอคนที่เหมาะสม แต่เหตุผลของหล่อนกลับถูกปัดตกอย่างรวดเร็ว เขากุมมือบางเอาไว้พร้อมบอกเสียงหนักแน่น
จนเธอนึกกลัวเรื่องในอนาคตที่ยังมาไม่ถึง เหมือนอีกฝ่ายจะยึดติดกับตนมากเกินไป...
‘ไม่มี ไม่มีใครนอกจากแพร’ มองดวงตามุ่งม่นของเขาก็ต้องลอบกลืนน้ำลาย คำพูดที่จะเอ่ยถูกกลืนลงคออีกรอบ สุดท้ายก็เลือกพยักหน้ายอมจำนนต่อความต้องการของอีกฝ่าย โดยไม่มีข้อโต้แย้งใด
‘ทำตามที่พี่คีต้องการก็ได้ค่ะ’
พูดคำนั้นจบเขาก็ยิ้มกว้าง รอยยิ้มสว่างสดใสจนเธอนึกเสียใจที่ต้องทำลายความสุขของเขา เพราะตนไม่ได้คิดกับคีรีภัทรมากกว่าความเป็นพี่น้อง
“ค่ะคุณท่าน” ตอบเสียงเบาแล้วหลบสายตา ตั้งสมาธิไปที่มาลัยในมือ ก่อนได้ยินเสียงถอนหายใจของคุณวราลี จึงได้เงยหน้าสบตาของท่าน สัมผัสได้ถึงความเอื้อเอ็นดูที่ตนได้รับจากอีกฝ่าย หัวใจพลันเต็มตื้นขึ้นมา ฟังสิ่งที่ท่านกำลังจะพูด
“คีเป็นลูกคนเดียวของบ้านย่อมถูกตั้งความหวังเอาไว้สูง คนที่จะเข้าไปเป็นสะใภ้ก็เหมือนกัน เธอรู้ดีใช่ไหม...”
“ทราบค่ะ” พยักหน้าเล็กน้อย
ข้อนั้นหล่อนทราบเป็นอย่างดีจึงเป็นอีกเหตุผลที่ไม่สามารถตอบรับชายหนุ่มได้ ถึงคบกันไปสุดท้ายก็ต้องเลิกกันอยู่ดี ทางที่ดีไม่ควรเริ่มแต่แรก
“เธอคงต้องเจอกับความยากลำบากในการเอาชนะใจโสม พูดตามตรงว่าเธอไม่ใช่คนที่เขาจะอยากได้เป็นสะใภ้เท่าไหร่ แต่ในเมื่อพวกเธอสองคนรักใคร่กันก็คงขัดอะไรไม่ได้หรอก อย่างน้อยจับมือกันฝ่าฟันอุปสรรคก็คงผ่านไปได้”
นัยน์ตาหวานเบิกกว้างเล็กน้อย ไม่คิดว่าจะได้รับการให้กำลังใจจากคนตรงหน้าเลยด้วยซ้ำ
ถึงเรื่องของเธอกับคีรีภัทรจะไม่เป็นความจริง แต่เมื่อได้รับความห่วงในจากคนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นย่า ก็ทำให้หัวใจดวงน้อยอบอุ่นขึ้นมาจนน้ำตาคลอเบ้า ยิ้มตอบท่านพลางผงกศีรษะขึ้นลงเป็นจังหวะ
“คุณท่าน” เรียกเสียงสั่น
คุณวราลีเห็นอย่างนั้นก็แย้มยิ้มเล็กน้อย อยากเอื้อมมือไปลูบศีรษะก็ต้องกำมือแน่นไว้บนตัก จ้องกรอบหน้าสวยที่อยู่ห่างเพียงแค่เอื้อมด้วยความเสียดาย ถอนหายใจเสียงเบาแล้วค่อยเอ่ยออกมาตามที่คิด
“เธอเป็นคนดีฉันรู้...น่าเสียดาย น่าเสียดายที่เกิดจากผู้หญิงคนนั้น”
ถึงหญิงสาวตรงหน้าจะเป็นคนดีมากแค่ไหน ก็ปฏิเสธความจริงไปไม่ได้ว่าเกิดมาจากผู้หญิงที่เกือบทำครอบครัวคนอื่นแตกแยก ท่านจึงไม่อาจเอ็นดูเพชรแพรวาได้อย่างที่ใจคิด เพราะไม่ต้องการรู้สึกผิดกับบุตรชายและสะใภ้ที่ได้รับผลกระทบจากเรื่องนี้โดยตรง
บ้านภัทรเทวาเงียบกว่าปกติเมื่อไม่มีใครอยู่บ้านสักคน แม่บ้านที่ทำงานในหน้าที่เสร็จแล้วต่างก็มานั่งรับประทานอาหารเย็นด้วยกัน ป้าสมใจเหลือบมองไปทางประตูหลังบ่อยครั้ง คอยว่าเมื่อไหร่หลานสาวสุดที่รักจะกลับมาสักที
เพชรแพรวากลับบ้านช้ากว่าปกติจึงโทรถาม ทราบว่างานติดพันจึงจัดการให้เรียบร้อย ตอนนี้กำลังนั่งมอเตอร์ไซค์จากหน้าหมู่บ้านค่อยโล่งใจ กลับมาสนใจประเด็นหลักที่กำลังพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน ถึงบุคคลที่กำลังจะกลายเป็นเขยคนโตของบ้าน
“คุณเพลิงกลับมาแล้ว! เห็นว่าคราวนี้จะกลับมาอยู่ถาวรเลยนะเพราะต้องสานต่อธุรกิจแทนพ่อที่เสียไป” ไม่มีใครไม่รู้จักชายหนุ่มที่มาบ้านหลังนี้ด้วยสถานะคู่หมายและอีกไม่นานก็คงเป็นคู่หมั้น หรือไม่ก็คงได้แต่งงานเป็นลูกเขยของบ้านภัทรเทวา
เหมือนคุณบุริศร์จะตั้งความหวังเอาไว้สูงที่จะได้ลูกเขยผู้เพียบพร้อม ท่านเอ่ยชมนภาลดาไม่หยุดว่าตาถึงในการเลือกคู่ครอง ทั้งที่ความจริงคล้ายว่าบ้านของฝ่ายชายต่างหากที่เป็นคนเลือกคนมายืนเคียงข้าง แล้วหล่อนก็เหมาะสม
“แล้วงานหมั้นกับคุณลดาล่ะ” ทุกคนทราบดีว่าบิดาของเขาจากไปเพราะประสบอุบัติเหตุเมื่อปีก่อน ชายหนุ่มกลับมาร่วมงานแล้วก็เลือกจะกลับไปเรียนต่อปริญญาโทควบคู่กับการทำงานบริษัทยักษ์ใหญ่ในต่างประเทศ
พินัยกรรมถูกเปิดทำให้เขากลายเป็นผู้กุมบังเหียนคนต่อไปของกิจการใหญ่โต แม้ชายหนุ่มจะไม่ใช่ลูกคนแรก แต่เป็นลูกเพียงคนเดียวที่เกิดจากภรรยาหลวง ทุกอย่างจึงตกเป็นของเพลิงรพีจนเขากลายเป็นมหาเศรษฐีอายุน้อยสุดของเมืองไทย
“ไม่ล้มหรอก แค่เลื่อนไปก่อนเพราะงานคุณเพลิงยุ่งมาก นี่ก็เพิ่งว่างจัดงานต้อนรับกลับไทย ขนาดกลับมาได้เกือบสามเดือนแล้ว คิดดูแล้วกันว่าจะยุ่งขนาดไหน” ข่าวคราวของชายหนุ่มดังในหมู่แม่บ้านเป็นอย่างมาก ซึ่งก็ทราบจากข่าวและแอบฟังเจ้านายพูดคุยก่อนเอามาบอกต่อ
“แสดงว่าคนที่บ้านก็ไปร่วมงานหมดเลยสิ”
“ไปหมดสิป้า งานของว่าที่ลูกเขยเลยนะ” พยักหน้าอย่างพร้อมเพรียง ลงมือรับประทานอาหารก่อนจะหันมองคนที่เพิ่งโผล่เข้ามาทักทายด้วยรอยยิ้มหวานเหมือนทุกครั้ง ป้าสมใจยิ้มออกเมื่อได้เห็นหลานสาวคนสวยถึงบ้านสักที
“มีอะไรกินไหมคะ”
“มีสิลูกเยอะเลย...กินตอนนี้ไหม”
“ขอไปอาบน้ำก่อนแล้วกันค่ะ เดี๋ยวแพรกลับมากิน” เธอรีบเดินไปเก็บของที่ห้องตัวเอง แล้วค่อยหยิบเสื้อผ้าเดินไปอาบน้ำที่ห้องป้าสมใจ คนที่เหลือมองตามหล่อนแล้วก็หันมาคุยถึงใบหน้าสวยหวานของเพชรแพรวา
“น้องแพรยิ่งโตยิ่งสวย เหมาะสมกับคุณคีอย่างกับกิ่งทองใบหยก ดีแล้วที่คบกัน...น้องแพรจะได้เป็นคุณนายกับเขาบ้าง”
บอกแล้วยิ้มกว้างมีความสุขที่ร่างบางได้เจอคนดี รู้จักกับคีรีภัทรมานานทำให้ทราบว่าชายหนุ่มเป็นคนนิสัยใจคอใช้ได้เลยทีเดียว อีกทั้งฐานะทางบ้านก็เข้าขั้นเศรษฐียังเป็นผู้ดีเก่าอีกต่างหาก
ยิ่งคิดก็ยิ่งดีใจกับโชคชะตาที่เข้าข้างเพชรแพรวากับเขาบ้างเสียที หลังจากทนทุกข์กับการไม่ถูกยอมรับมานับสิบปี
“นังสวย เงียบปากเป็นไหม” หัวหน้าแม่บ้านรีบปราม
“ก็มันจริงนี่ป้า น้องแพรสง่าราศีจับซะขนาดนี้ อีกอย่างถึงคุณโสมจะไม่ยอมแต่คุณคีรักน้องแพรยังไงก็ต้องยอมจนได้นั่นแหละ” คนในบ้านทราบดีว่าอุปสรรคใหญ่คือแม่ของฝ่ายชาย นึกกังวลแทนหญิงสาวแต่เหมือนคีรีภัทรน่าจะช่วยประนีประนอมได้บ้าง
ที่สำคัญใครเจอความน่ารักของหลานสาวคนสวยก็ต้องยอมสยบทุกรายนั่นแหละ นางคิดแล้วยิ้มกว้างเมื่อคนที่ตนเลี้ยงมาแต่เด็กกำลังจะไปได้ดีในชีวิตรัก
