๕ มีแฟนไม่รู้ตัว (๑)
๕
มีแฟนไม่รู้ตัว
ข่าวของนภาลดาในการสอบติดมหาวิทยาลัยชั้นนำของประเทศสร้างความยินดีแก่คนทั้งบ้าน คุณวราลีให้ของขวัญเป็นรถซีดานราคาหลักล้านแก่หลานสาวคนโปรด บุพการีซื้อคอนโดมิเนียมใกล้มหาวิทยาลัยให้อีกฝ่าย ขณะที่น้องสาวน้องชายต่างก็ซื้อของแบรนด์เนมราคาหลักหมื่นแก่พี่สาว
มีเพียงเธอที่ถักผ้าพันคอเพื่อใช้ในฤดูหนาวให้พี่สาวแสนดี เธอพูดว่าจะนำไปใช้แล้วดูท่าจะชอบมากเสียด้วยจนหล่อนนึกดีใจ อย่างน้อยสิ่งที่ให้ไปก็คงเกิดประโยชน์ต่อพี่สาวคนสวยของตนบ้าง
นอกจากนั้นคนที่ต้องแสดงความยินดีด้วยคือพี่ชายข้างบ้านอย่างคีรีภัทร เขาจบการศึกษามัธยมปลายจากต่างประเทศ ก่อนจะสอบเรียนต่อคณะแพทย์ศาสตร์ในมหาวิทยาลัยชั้นนำของประเทศไทย ผลสอบออกมาเป็นที่น่าพึงพอใจอย่างมาก ทุกคนล้วนแสดงความยินดีกับชายหนุ่ม
แต่เหมือนมีเพียงคนเดียวที่เขาอยากให้ยินดีด้วย...คือผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้า
“ยินดีด้วยนะคะพี่คี สอบติดหมอแล้ว” เธอยิ้มกว้างให้เขาพร้อมแสดงความยินดี ใบหน้าหวานที่ติดในห้วงความรู้สึกมาโดยตลอด เขาอยากแสดงความรู้สึกที่ชัดเจนออกไปให้หล่อนทราบ เพียงแต่รู้ดีว่าเธอถูกเพ่งเล็งเรื่องคนรัก
อีกทั้งเพชรแพรวาก็แสดงออกชัดเจนว่าเราเป็นแค่พี่น้อง เส้นแบ่งชัดเจนจนเขาไม่กล้าก้าวข้ามไป จึงทำได้เพียงมองเธอด้วยหัวใจพองโต ปากได้รูปแย้มยิ้มแสดงออกถึงความสุขเพียงแค่คิดว่าอีกไม่นานจะได้มองหน้าเธอบ่อยเท่าที่ต้องการ
กระนั้นก็อดไม่ได้ที่จะแสดงถึงความน้อยใจเมื่อหญิงสาวไม่ยอมตอบอีเมลทั้งที่เขาพยายามส่งมาถามไถ่เสมอ ใบหน้าเศร้าสลดลงเล็กน้อย พลางคิดว่าตนก็คงไม่ได้สำหรับต่อเพชรแพรวาเท่าไหร่ แค่พี่ชายบ้านใกล้เรือนเคียงเท่านั้น
“พี่ก็ดีใจเหมือนกัน ได้กลับมาเรียนที่บ้านสักที คนบางคนไม่ค่อยตอบเมลพี่เลย ส่งไปสามเดือนกว่าจะตอบสักฉบับ” น้ำเสียงแฝงไปด้วยความน้อยใจ ทำให้เธอต้องรีบตอบเขาเสียงเบา ไม่กล้ากระทั่งจะสบตาคนตรงหน้าด้วยซ้ำ
เธอสนิทกับเขาได้เหรอ...
เด็กที่ไม่มีใครในบ้านยอมรับ เป็นเพียงแค่คนอาศัยที่คุณวราลีส่งเสียให้เรียนสูงแค่นั้น ไม่กล้าจะเป็นน้องสาวของเขาหรอก
ทว่าคีรีภัทรก็ยังหยิบยื่นไมตรีให้กันตลอด ไม่เคยทำให้อึดอัดใจเลยสักครั้ง ยังให้เธอยืมหนังสือราคาแพงอีกต่างหาก ซาบซึ้งกับความแสนดีของคนตรงหน้า จนไม่รู้ว่าจะตอบแทนอย่างไรดี จึงใช้โอกาสนี้รีบตอบรับอย่างลืมตัว
“แพรลืมนี่คะ เอาไว้แพรจะตอบให้เร็วกว่านี้ค่ะ” เขาฟังเช่นนั้นก็กลั้วหัวเราะในลำคอ
“จะตอบทำไม...พี่ก็อยู่ตรงหน้าแล้ว อยากคุยอะไรก็คุยเลยสิ” สิ่งที่อยากทำคือยื่นใบหน้าเข้าไปใกล้เธอให้หญิงสาวเขินอาย แต่ในความเป็นจริงเขาแค่ยืนมองกรอบหน้าสวยไม่กล้ากระทั่งจะขยับเข้าใกล้ด้วยซ้ำ รู้ดีว่าหญิงสาวระมัดระวังตัวตลอด ถ้าเข้าใกล้มากกว่านี้เกรงว่ากระต่ายจะตื่นตูมแล้ววิ่งหนีไปหลบเสียก่อน
จะจีบเพชรแพรวาต้องใช้เวลา...แต่ไม่รู้ว่านานแค่ไหนเธอถึงจะตอบรับ
“จริงด้วย...รอก่อนนะคะ แพรมีของจะให้ที่พี่คีสอบติดหมอด้วย” ใช้โอกาสนี้รีบเดินเข้าไปในห้องนอนของตัวเอง เขายืดคอพยายามมองเข้าไปข้างใน ก่อนทำตัวปกติเมื่อร่างบางถือกล่องบางสิ่งไว้ในมือ แล้วยื่นมันให้เขา
ของขวัญ...ชิ้นแรกที่เธอให้เลยนะ!
หัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะด้วยความตื่นเต้น รับของชิ้นนั้นมาถือไว้ในมือแล้วค่อยแกะออกอย่างเบามือ สิ่งที่เห็นตรงหน้าคือผ้าเช็ดหน้าสีขาวที่ปักลายพยัญชนะภาษาอังกฤษตัว K ซึ่งเป็นอักษรแรกของชื่อเขานั่นเอง
ปากหยักยกยิ้มมีความสุข ค่อยไล่มือไปตามเส้นด้ายสีน้ำเงินที่ปักอย่างประณีต แค่มองดูก็ทำให้ใจพองฟูแล้ว เขาจะกล้าใช้ได้อย่างไรกันล่ะ เธอทำมาสวยซะขนาดนี้
มันเหมาะจะเป็นของตั้งโชว์มากกว่า!
“นี่ค่ะ...มันอาจจะดูธรรมดาแต่ว่าแพรตั้งใจทำมากนะคะ ให้พิเศษไม่คิดเงินเลยสักบาทด้วย พี่คีชอบไหมคะ” คนให้ค่อนข้างตื่นเต้น เขามีครบหมดทุกอย่างแล้วจึงคิดหนักเรื่องของขวัญ ตัดสินใจทำสิ่งที่ตัวเองถนัดแล้วมอบแก่คนตรงหน้า ดวงตากลมต้องมองรุ่นพี่ระหว่างรอคำตอบ
ไม่รู้เลยว่าท่าทางของเธอเขย่าหัวใจคนอายุมากกว่าจนไม่กล้าจะสบตา นับวันเพชรแพรวายิ่งสวยขึ้นจนนึกหวงแหน ทั้งที่รู้ดีว่าเราไม่ได้มีสถานะพิเศษต่อกัน แล้วถ้าตัวเองล้ำเส้นก็จะกลายเป็นยิ่งห่างมากกว่าเดิม
จึงต้องกล้ำกลืนอยู่ในสถานะพี่น้องอย่างไม่เต็มใจ...
“ชอบ ชอบมากครับ! พี่จะใช้อย่างดีเลย” เห็นใบหน้าแย้มยิ้มกับแววตาเป็นประกายของเขาทำให้เธอเบาใจ
“ดีใจนะคะที่พี่ชอบ แพรกลัวพี่จะไม่ชอบผ้าปักซะอีก” มองกล่องของขวัญที่ทำให้เขาเพื่อแสดงความยินดี ตอนแรกคิดว่าจะไม่ให้กลัวชายหนุ่มไม่ชอบ ดีที่ตัดสินใจมอบให้เขาแล้วดูเหมือนอีกฝ่ายจะชอบเป็นอย่างมาก
“แค่แพรทำให้พี่ก็ดีใจแล้ว” คำตอบของเขาไม่ได้ทำให้เธอนึกเอะใจสักนิด นอกจากพยักหน้าแล้วยิ้มอย่างเดียว
หญิงสาวบริสุทธิ์ใจต่อเขา จึงไม่ได้คิดกับคีรีภัทรเป็นอย่างอื่นนอกจากพี่ชาย
ทั้งสองคุยกันเรื่องเรียนมหาวิทยาลัยของเขาและอนาคตของเธอ กระทั่งเวลาผ่านไปหลายชั่วโมง ร่างสูงจึงต้องบอกลาถึงจะไม่ค่อยอยากกลับก็ตาม ไม่อาจรั้งเธอเอาไว้นานกว่านี้ได้แล้ว แววตาหม่นเมื่อต้องบอกลาแล้วเดินกลับบ้าน
ถือกล่องของเขาเอาไว้ในมือแน่น มุมปากยกยิ้มมีความสุข ก่อนชะงักเมื่อได้ยินเสียงของมารดาที่ดังขึ้นระหว่างทางที่เขาจะเดินไปบนห้อง จึงหันมองไปยังบุพการีที่นั่งอยู่ห้องรับแขก ใบหน้าของท่านเรียบนิ่งจนเขานึกกังวล
“ไปไหนมาน่ะคี” คุณผู้หญิงของบ้านถามบุตรชาย แววตาจ้องไปยังสิ่งของที่อยู่ในมือหนาจนเจ้าตัวต้องรีบซ่อนเอาไว้ด้านหลัง
“บ้านคุณลุงริศร์ครับ” ก้มหน้าหลบสายตาของท่าน
“จะไปแม่ไม่ว่าหรอก แต่หวังว่าจะไม่ไปหาคนที่ไม่คู่ควรให้เราคบค้าด้วยนะ ลูกรู้ใช่ไหมว่าแม่กำลังหมายถึงใคร” เรื่องของเพชรแพรวาถูกเล่าต่อโดยคุณผู้หญิงของบ้านภัทรเทวา มารดาของเขาจึงไม่ชอบเด็กคนนั้นเพียงเพราะแม่ของเธอเป็นคนที่ทำลายครอบครัวคนอื่น
ทว่าหล่อนไม่ได้เกี่ยวด้วยสักหน่อย...
ใครผิดก็ควรโกรธคนนั้น เหตุใดต้องมาลงที่คนไม่รู้เรื่องด้วยล่ะ...คีรีภัทรแย้งในใจแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกไป
“ครับ” ตอบรับแล้วค้อมศีรษะให้ท่านเล็กน้อย ก่อนเดินขึ้นห้องของตัวเองเพื่อพักผ่อน ล้มตัวนอนบนเตียงก็กอดผ้าเช็ดหน้าที่ได้เป็นของขวัญไว้แน่น หัวใจพองโตมีความสุขอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
ไม่อยากนึกเลยว่าหากในอนาคตได้แต่งงานกับเธอ จะมีความสุขมากแค่ไหน...
