บท
ตั้งค่า

๔ ปัญหาเข้ามาไม่หยุด (๔)

“แค่มาเดินเล่นแล้วเห็นบ้านสวยดีน่ะ ไม่มีอะไรหรอก...” พอจะรับรู้ถึงสถานการณ์ไม่สู้ดี จึงใช้เหตุผลเลี่ยงการปะทะ

“ไม่มีอะไรก็กลับ!” ทั้งสองเดินห่างออกไป เหลือเพียงหล่อนที่พรูลมหายใจโล่งอก ยกมือขึ้นทาบอกก่อนเดินเข้าห้องของตัวเองอย่างรวดเร็ว เหมือนว่าเรื่องอาจจะไม่เลวร้ายอย่างที่เธอคิดก็ได้ หญิงสาวพยายามปลอบใจตัวเองอย่างนั้น

ก่อนตั้งสมาธิอ่านหนังสือเรียนต่อไป พร้อมภาวนาให้นภานรีอย่ามายุ่งกันอีก

แต่เหมือนคำขอจะไม่เป็นจริง เย็นวันนั้นที่เธอกำลังรดน้ำต้นไม้แทนลุงคนสวนที่ออกไปช่วยงานการกุศลยังไม่กลับ ผมที่มัดเป็นหางม้าก็ถูกดึงอย่างแรงจนเซไปด้านหลัง รีบปล่อยสายยางมาจับผมของตัวเอง พร้อมกับเหลือบมองคนที่ทำร้ายกัน

“แกคิดว่าตัวเองสวยนักเหรอถึงกล้ามาอ่อยเพื่อนฉัน! ห่ะ อีคนชั้นต่ำ อีสกปรก เป็นแค่ขยะไร้ค่าในบ้านอย่าสะเออะมายุ่งกับผู้ชายของฉัน!” คำด่าทอหยาบคายออกมาจากปากของคนที่เรียกตัวเองว่าผู้ดีได้อย่างลื่นไหล

เธอถูกดึงจนล้มลงบนพื้นหญ้า ก่อนจะถูกปาดินใส่จนต้องยกมือขึ้นปัดป้องแล้วพยายามอธิบายในส่วนของตัวเอง แต่ดูเหมือนเจ้าตัวจะไม่ได้อยากฟัง เพียงแค่มาระบายอารมณ์ใส่หล่อนให้คลายความหงุดหงิดก็เท่านั้น

“ฉันเปล่านะคะคุณนรี เขามา...” เธอไม่ได้เข้าหาชายหนุ่มก่อนสักครั้ง ไม่เคยจะเข้าไปใกล้ด้วยซ้ำ พูดไม่ทันจบใบหน้าก็ถูกตบอย่างแรงจนหันไปอีกทาง ร่างกายสั่นระริกไม่กล้าจะหันไปสบตากับคนตรงหน้าด้วยซ้ำ

เพี๊ยะ!

“ณพลไม่มีทางไปหาคนชั้นต่ำอย่างแก คิดว่าเขาตาบอดหรือไงที่จะไปหลงเสน่ห์สิ่งเน่าเฟะสกปรกน่ะ แกนั่นแหละไปอ่อยเขาใช่ไหม เหมือนแม่ไม่มีผิด ใฝ่สูงทั้งที่ตัวเองเป็นแค่หมาขี้เรื้อน!” พ่นคำพูดในความคิดออกมาจนหมด เข้าไปจิกผมของคนอายุมากกว่าเพื่อระบายความหงุดหงิด

สายตาที่เพื่อนหล่อนมองคนตรงหน้าเต็มไปด้วยความปรารถนาอย่างที่ตนไม่มีวันได้รับ

ณพล พณิชดนย์คนที่เธอหมายตาตั้งแต่ครั้งแรกตอนได้สบตา หัวใจก็พลันเต้นรัวแล้วลอยไปหาเขาทั้งดวง จึงพยายามเข้าหาทุกทางจนชวนมาบ้าน คิดว่าความสัมพันธ์อาจพัฒนาเป็นมากกว่าเพื่อน กลับพบว่าลูกเมียน้อยหว่านเสน่ห์ใส่ผู้ชายของตนอย่างหน้าไม่อาย

แล้วอย่างนี้จะยอมได้ยังไง นภานรีตรงเข้ามาทำร้ายเพื่อให้คนตรงหน้ารู้ที่ต่ำที่สูงเสียบ้าง!

“คุณนรี!” เธอพยายามปัดป้องใบหน้าตัวเองที่ถูกตบ ผมก็โดนดึงทึ้งจนชี้ฟูพร้อมกับพยายามเรียกชื่อให้อีกฝ่ายได้สติสักที

“ตอนไหนแกจะออกไปจากบ้านนี้สักที จะอยู่เป็นปลิงเกาะครอบครัวฉันไปอีกนานแค่ไหน” นานเกินไปแล้วที่เห็นหน้าลูกเมียน้อยซึ่งไม่มีใครต้องการมาเสนอหน้าอยู่ในบ้าน เกลียดจนอยากฆ่าให้ตายเสียเดี๋ยวนี้ก็ทำไม่ได้ จึงใส่แรงทั้งหมดไปกับการดึงผมหนาอยากให้หลุดเป็นกระจุก กลายเป็นคนน่าเกลียดไปเลยคงดีกว่านี้

เสียงดังโวยวายทางหลังบ้าน ทำให้คนที่เพิ่งกลับจากเรียนพิเศษรีบวิ่งมาดูเหตุการณ์ พี่สาวคนโตของบ้านเรียกน้องเสียงดังแล้วดูเหมือนว่าเจ้าของชื่อเพิ่งได้สติ จึงหยุดการกระทำของตัวเองแล้วเรียกชื่อนภาลดาเสียงเบาหวิวคล้ายเด็กทำผิดแล้วโดนจับได้

“นรี!”

“พี่ลดา” สายตาของพี่สาวกำลังกล่าวโทษ เธอจึงยืนนิ่งไม่กล้าขยับ

“หยุดบ้าแล้วเข้าบ้าน” บอกเสียงเรียบพร้อมแววตาวาวโรจน์ ย้ำกับน้องหลายครั้งแล้วเรื่องนี้ก็เหมือนจะไม่จำสักที มือของคนก่อเรื่องถูกคนเป็นพี่บีบเอาไว้ สุดท้ายก็ขยับเท้าเดินเข้าไปหาแล้วก้มหน้านิ่งไม่ยอมพูดอะไรอีก

คนที่เธอกลัวไม่ใช่คุณย่าหรือพ่อแม่หรอก แต่เป็นพี่สาวที่มีใบหน้าแย้มยิ้มอยู่เป็นนิจคนนี้ต่างหากล่ะ

‘เราไม่ควรลดตัวลงไปเกลือกกลั้วกับของต่ำนะนรี’

นั่นคือคำที่ได้ยินนภาลดาเอ่ยตอนที่ตนมักไปหาเรื่องลูกนอกคอกที่ไม่มีใครในบ้านยอมรับ ทั้งบิดาก็อนุญาตให้กลั่นแกล้งได้เต็มที่ เป็นการให้ท้ายผิดๆ ที่เธอยังยึดถือคำนั้นมาตลอด จึงทำเหมือนอีกฝ่ายเป็นที่รองรับอารมณ์

“แต่...” พยายามค้าน

“พี่บอกให้เข้าบ้าน!” กลับต้องสะดุ้งเมื่อพี่สาวเอ่ยเสียงดัง จึงหันมามองเพชรแพรวาตาขวางก่อนเดินกระทืบเท้าเข้าไปในบ้านหลังใหญ่

คนโดนกระทำค่อยลุกจากพื้นแล้วปัดเศษดินเศษหญ้าออกจากตัว ดวงตากลมโตมีน้ำสีใสคลอเบ้า มองพี่สาวแสนดีของตนที่เข้ามาให้ความช่วยเหลือตลอด เธอก้มหน้าตัวสั่นเจ็บแปลบไปทั่วศีรษะและใบหน้า

“เจ็บหรือเปล่า” น้ำเสียงอ่อนโยนที่เอ่ยขึ้นทำให้ยิ่งเศร้ามากกว่าเดิม เธอยกมือขึ้นปาดน้ำตาออกอย่างรวดเร็ว

“ไม่ ไม่ค่ะ” ปดคำโตแต่เหมือนพี่สาวจะไม่เชื่อ เดินเข้ามาลูบศีรษะของน้องอย่างเบามือ แสดงถึงความห่วงใยพร้อมกับปลอบโยนโดยที่แววตามีเพียงความว่างเปล่า ก่อนจะรีบฉีกยิ้มเมื่อเพชรแพรวาเงยหน้าขึ้นมาสบตา

“อย่าไปถือสานรีเลยนะ น้องเป็นเด็กอารมณ์ร้อนแต่ก็ไม่มีพิษภัยหรอก สำหรับพี่แพรคือครอบครัว เป็นคนที่พี่ไม่อยากให้หายไปไหน อยู่ข้างพี่ต่อไปนะ” ท้ายประโยคทำให้เธอมองตาปริบด้วยความซาบซึ้ง

“คุณลดา...” เมื่อก่อนเธอเรียกนภาลดาว่าพี่ แต่กลับโดนคุณบุริศร์ด่าทอสาดเสียเทเสียไม่อยากนับญาติ จึงต้องเปลี่ยนคำเรียกในภายหลัง ไม่อาจตีเสมอกับลูกสาวเจ้าของบ้านได้ เธอต้องเจียมตัวเองเอาไว้ไม่ใช่หรือ

“บอกให้เรียกพี่ เมื่อก่อนก็เรียกพี่มาตลอดไม่ใช่เหรอ พี่ยังอยากเป็นพี่สาวของแพรนะ” เพียงเท่านั้นหล่อนก็ปล่อยโฮเสียงดัง ไหล่บางสั่นเงินงกจนคนปลอบต้องรีบลูบหลังพร้อมกับยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาเม็ดใหญ่ด้วยความอ่อนโยน

“ฮือ พี่ลดา ฮือ”

“ร้องไห้เป็นเด็กเลย โตแล้วนะแพร...สัญญากับพี่ได้ไหมว่าจะไม่หายไปไหน จะอยู่ที่นี่จนกว่าพี่จะแต่งงานแล้วออกจากบ้านหลังนี้ไป” คนที่กำลังอยู่ในอารมณ์เสียใจเช็ดน้ำตาที่บดบังภาพตรงหน้า จ้องมองความงดงามของพี่สาวที่จ้องเธอตาไม่กระพริบ ก่อนจะเร่งเร้าเอาคำตอบที่หล่อนไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่

“สัญญากับพี่สิ ว่าจะเป็นความสนุกของพี่...เป็นน้องสาวของพี่ตลอดไป” มือบางค่อยยกมือขึ้นลูบศีรษะคนอายุน้อยกว่า จ้องเข้าไปในดวงตาของเธอแล้วยิ้มจนตาปิด แต่น่าแปลกที่ในความรู้สึกเพียงแวบหนึ่ง หล่อนกลับสะท้านไปทั่วอกเย็นวาบที่แผ่นหลังจนเอ่ยอะไรไม่ออก

“ค่ะ หนูสัญญา”

สุดท้ายก็พูดออกไป ทำให้ถูกรวบเข้ามากอด

“ดีมากเด็กดี เชื่อฟังพี่นะ...เชื่อฟังพี่ไปตลอดเพราะมีแค่พี่ที่ดีกับแพร พี่คนเดียวเท่านั้น” คำพูดนั้นสลักลึกลงไปในใจของเพชรแพรวา ทำให้พยักหน้าอย่างเชื่องช้า

“ค่ะ”

นภาลดาคือผู้มีพระคุณ เธอจะทำทุกอย่างเพื่อความสุขของคนตรงหน้า และไม่มีวันทรยศต่อความไว้ใจของพี่สาวเป็นอันขาด

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel