๔ ปัญหาเข้ามาไม่หยุด (๑)
๔
ปัญหาเข้ามาไม่หยุด
การรับประทานอาหารที่บ้านภัทรเทวาผ่านไปอย่างเรียบง่าย ผู้ใหญ่พูดคุยกันถึงเรื่องทั่วไป เด็กทั้งสี่ก็แยกออกมาพูดคุยที่ห้องนั่งเล่นซึ่งอยู่อีกปีกของบ้าน คนอายุมากสุดในกลุ่มเห็นตะเป็นเพลิงรพี ชีวาตินนท์ที่เข้าเรียนมหาวิทยาลัยอันทรงเกียรติของสหราชอาณาจักรแสนยิ่งใหญ่ เขาทำราวกับว่าเรื่องยากเป็นแค่สิ่งง่ายดาย ไม่ยิ่งดียิ่งร้ายกับการเข้าเรียน วางตัวนิ่งเสมอเหมือนแม่น้ำยามสงบ
ดวงหน้าคมจ้องมองชาตรงหน้าที่มีไอร้อนจนต้องใช้ลมจากปากเป่าเล็กน้อยก่อนจิบดื่ม นั่งฟังสิ่งที่คนอายุน้อยกว่าเล่าพลางพยักหน้าตามมารยาท มุมปากยกยิ้มเป็นนิจทำให้ใบหน้าที่ดูเรียบเฉยอ่อนโยนขึ้นทันตา ต่างจากแววตาดำดิ่งที่คาดเดาอารมณ์ได้ยาก
ในสายตาของนภานรี ถึงว่าที่พี่เขยจะหล่อเหลามีฐานะดีมากแค่ไหน แต่ก็แฝงไว้ด้วยความน่าเกรงขามจนไม่กล้าเข้าใกล้ รอยยิ้มเป็นมิตรแต่ก็เย่อหยิ่งอยู่ในที คล้ายว่าเราจะสนิทสนมกันแล้วก็ยังมีช่องว่างที่ค่อนข้างห่างเหิน เป็นความรู้สึกประหลาดที่ตนเข้าไม่ถึง ต่างจากพี่สาวที่ชื่นชมคนตรงหน้าเสียเหลือเกิน ทั้งยังมอบผ้าเช็ดหน้าให้เป็นของแทนใจอีกต่างหาก
ผ้าเช็ดหน้าที่ใครสักคนปักอย่างประณีต แล้วดวงตาคมก็จ้องมองมันเกือบนาที ค่อยเผยยิ้มแล้วมอบคำขอบคุณแก่ว่าที่เจ้าสาวในอนาคต
ทุกคนต้องการให้เป็นเช่นนั้น...เขาก็ไม่ได้ขัดข้อง
อย่างไรเราก็เหมาะสมกันอยู่แล้ว แม้ครอบครัวเธอจะไม่ค่อยเอื้อต่อธุรกิจของเขา ทว่าลุงของนภาลดาเป็นถึงนายกรัฐมนตรี ในภายภาคหน้าก็อาจช่วยธุรกิจของตนได้มากทีเดียว อย่างน้อยหล่อนก็ไม่ได้ไร้ประโยชน์ไปเสียทั้งหมด
“ขอบคุณสำหรับอาหารมื้อพิเศษนะครับ ทุกอย่างอร่อยมากเลย” ถึงเวลาต้องบอกลากันเสียที
แขกของบ้านทั้งสามยืนอยู่หน้ารถคันหรู ชายหนุ่มเอ่ยกับเจ้าของบ้านด้วยรอยยิ้มเรียบพร้อมคำชมที่ทำคนฟังยิ้มแก้มปริ ก่อนสายตาจะหยุดอยู่ที่ใบหน้าสวยของคู่หมายที่กำลังจะกลายเป็นคู่หมั้นเมื่อเขาเรียนจบปริญญาตรี
ถึงจะไม่ชอบการคลุมถุงชนแต่มันก็ไม่ได้แย่เสมอไปเมื่อการแต่งงานครั้งนี้อาจดีกับบริษัท อย่างไรเขาก็มองไม่เห็นใครที่จะเหมาะสมกับตำแหน่งคุณผู้หญิงของชีวาตินนท์มากไปกว่าเธอแล้ว
“ไว้พบกันใหม่นะคะพี่เพลิง” ลูกสาวคนโตของบ้านโบกมือว่าที่คู่หมั้นของตน ผู้ใหญ่บอกอย่างชัดเจนว่าเมื่อชายหนุ่มเรียนจบปริญญาตรีจะจัดงานหมั้นให้พวกเรา ก่อนที่เขาจะต้องกลับไปเรียนปริญญาโทตามที่ตั้งใจเอาไว้ เป็นหลักประกันให้หญิงสาวสบายใจได้ว่าคนที่เขาจะแต่งงานด้วยมีเพียงเธอเท่านั้น
เขาก้าวขึ้นบนรถคันหรูหลังจากพยักหน้าตอบรับคำพูดนั้นของเธอ เลือกนั่งเบาะหลังเพื่อให้บุพการีนั่งคู่กันที่ด้านหน้า เลือกจะมองพวกท่านที่แสดงความห่างเหินอย่างชัดเจนแม้อยู่ในสถานะสามีภรรยาก็ตาม ทราบข่าวจากผู้ช่วยคนสนิทของเขาว่าบิดารับหญิงคนใหม่มาเลี้ยงดู ซึ่งอายุก็มากกว่าเขาเพียงแค่สามปีเท่านั้น
แค่ได้ยินก็สะอิดสะเอียนแล้ว...
ชายมักมากกับผู้หญิงละโมบ นั่นคือคำจำกัดความที่เขาให้แก่คนทั้งสองหลังทราบข่าว นึกเป็นห่วงมารดาที่ต้องฝืนทนอยู่ในตำแหน่งคุณผู้หญิง มีเกียรติศักดิ์ศรีและได้รับความนับถือจากผู้คนในฐานะภรรยาของประธานผู้ยิ่งใหญ่
โดยไม่มีใครรู้ว่าเบื้องหลังต้องเสียน้ำตามากเท่าไหร่ เจ็บปวดกับการมองสามีนอนกับหญิงอื่นสร้างบ้านเล็กบ้านน้อยมานานแค่ไหน สิ่งเดียวที่ปลอบปะโลมใจได้คือลูกชายที่เติบโตมาอย่างดี เขาจึงเป็นเหมือนถ้วยรางวัลล้ำค่าของท่าน
แล้วชายหนุ่มก็ใช้ชีวิตเยี่ยงถ้วยรางวัลมาตลอด คำชมในรูปลักษณ์แสนสมบูรณ์แบบ ฐานะชาติตระกูลที่สูงส่ง การศึกษาที่ไม่เคยต้องตกเป็นรองใคร ทุกอย่างหลอมรวมให้เพลิงรพีเป็นชายที่น่าปรารถนาสำหรับหญิงสาว
ทว่าเขาก็เลือกคนที่จะมาอยู่เคียงข้างแล้ว
เธอผู้นั้นไม่มีประวัติด่างพร้อย เหมาะสมกับการยืนเคียงข้างเขาก่อนที่สายตาจะเหลือบไปมองยังต้นมะม่วงที่เพิ่งเคยปีนเป็นครั้งแรกจากคำชักชวนของวิรัลวีร์ ความจริงจะใช้ไม้สอยหรือไหว้วานใครก็ได้แต่พวกเขาก็เลือกจะเก็บเอง
โดยที่เขาไม่รู้เลยว่าจะได้พบเจอกับเจ้าของดวงตากลมเศร้าที่ชวนมองจนลืมไม่ลง
ทำไมถึงได้เศร้าขนาดนี้กันนะ...แล้วเธอเป็นใคร
คำถามวนเวียนในหัวกระทั่งรถแล่นออกจากบ้านภัทรเทวาไป เขาก็ยังนึกสงสัยอยู่อย่างนั้น ก่อนจะล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกง หยิบยางรัดผมเส้นเล็กมาจ้องอยู่หลายนาที พร้อมกับอาการประหลาดที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน มันคันยุบยิบในโพรงอกเหมือนมดกำลังทำรังอย่างขยันขันแข็ง
เพ้อเจ้อใหญ่แล้ว มันจะเป็นอย่างนั้นได้ยังไง...ส่ายหน้าไล่ความคิดไร้สาระของตัวเองออกไป
เก็บยางรัดผมเส้นนั้นเอาไว้ในกระเป๋า โดยเจ้าตัวไม่รู้ด้วยซ้ำว่าการกระทำของตัวเองอ่อนโยนราวกับว่ามันเป็นสิ่งของล้ำค่า
ขณะที่เจ้าของยางรัดผมก็เพิ่งรู้ว่าได้ทำมันหายไป แต่เธอก็ไม่คิดจะตามหาเพราะอย่างไรก็เหลือในห้องอีกหลายเส้น อาจลืมไว้ที่ไหนสักแห่งก็เป็นได้
“ทำไมแก้มซ้ายแดงเถือกขนาดนั้นล่ะน้องแพร” สงบจิตใจอยู่ห้องครัวได้สักพัก สัมผัสแปลกใหม่ที่ได้รับจากชายปริศนายังคงติดตรึงจนน่าหงุดหงิด เธอลบร่องรอยนั้นด้วยการใช้มือถูแก้มที่ถูกจุมพิตอยู่นานสองนาน
แต่คล้ายว่าร่องรอยจะไม่ยอมหายไปโดยง่าย ความรู้สึกชัดเจนเหมือนเพิ่งเกิดเมื่อไม่กี่นาที ทั้งที่เขาออกจากบ้านภัทรเทวาไปหลายชั่วโมงแล้ว มือบางกำเข้าหากันแน่นยามได้ยินคำถามของแม่บ้าน มั่นใจว่าไม่มีใครทราบเรื่องนี้แล้วตนก็ไม่คิดจะบอก
มันควรจะเป็นความลับ
