๓ โจรปล้นใจ (๔)
“ค่ะ” หนุ่มนักเรียนนอกรีบเดินออกทางหลังบ้าน ปล่อยลมร้อนออกทางปากก่อนจะเตือนตัวเองไม่ให้ใจร้อน ถึงจะรู้เรื่องของเธอไม่มากแต่ก็พอมองออกว่าหญิงสาวไม่คุ้นชินกับการถูกจีบ คงต้องค่อยเป็นค่อยไปหน่อยแล้วล่ะ
กับเพชรแพรวาห้ามใจร้อนเด็ดขาด...
ไม่กี่วันต่อมาก็ต้องบอกลากับพี่ชายข้างบ้านเพราะเขาจะบินกลับไปเรียน เธอจึงให้อีเมลเพื่อคุยติดต่อ แต่หญิงสาวก็ไม่ค่อยได้เข้าไปเช็คเท่าไหร่ คิดว่าเขาคงไม่ค่อยเมลหาบ่อยเท่าไหร่หรอก อย่างไรคีรีภัทรก็ต้องตั้งใจเรียนอยู่แล้ว
หล่อนมักขลุกตัวอยู่ในห้องเพื่อทำการบ้านและงานอดิเรก แต่ตอนนี้กลับเดินถือหนังสือนิยายสืบสวนชื่อดังออกมาที่ห้องครัวเพราะเริ่มหิว อยากกินไปด้วยอ่านไปด้วย มันสนุกจนวางแทบไม่ลง ยิ่งอ่านก็ยิ่งตื่นเต้น
ทว่าเมื่อเดินมาถึงครัวก็ต้องชะงัก ทุกคนมีหน้าที่ของตัวเอง ครัวที่เคยสงบก็วุ่นวายจนหล่อนนึกสงสัยว่าใครจะมาบ้าน ทำไมถึงต้องเตรียมอาหารมากมายขนาดนี้ ปกติบ้านภัทรเทวาไม่ค่อยได้ต้อนรับแขกบ่อยเท่าไหร่
น่าจะเป็นคนสำคัญพอสมควร...
“ทำไมวันนี้มีอาหารเยอะจังเลยคะ ใครจะมาบ้านเหรอ”
“ว่าที่คู่หมั้นของคุณลดา” แม่บ้านเข้ามาทำทีกระซิบกระซาบแล้วต่างยิ้มหัวเราะมีความสุข บ้านมีสีสันขึ้นมาเพราะเรื่องของเจ้านายอย่างคุณหนูคนโตซึ่งกำลังจะได้หมั้นหมายกับลูกชายตระกูลใหญ่ พอทราบอย่างนั้นหล่อนก็ไม่แปลกใจกับการเตรียมอาหารที่แทบจะเลี้ยงคนทั้งชุมชนได้
“คุณเพลิงเหรอคะ” เอ่ยชื่อที่ได้ยินจากนภาลดาบ่อยครั้ง แต่ก็ไม่เคยเห็นหน้าเขาเลยสักครั้ง คนที่ทำให้พี่สาวคนสวยของเธอหลงได้ขนาดนี้ คงจะหล่อน่าดู
“ทำไมรู้ล่ะ”
“ได้ยินชื่อบ่อยค่ะ เขาหล่อมากเลยเหรอ” ถามอย่างขอไปทีแล้วเข้าไปตักอาหารในส่วนของตัวเองเพื่อกินเป็นข้าวเที่ยง เธอคิดจะขังตัวเองไว้ในห้องไม่ออกมาเพ่นพ่านข้างนอกให้ต้องโดนเจ้าของบ้านดุในภายหลัง ทำตัวเหมือนอากาศที่ไร้ตัวตน เธอทำได้ดีมาตลอดอยู่แล้ว
“หล่อสิ หล่ออย่างกับดาราตั้งแต่เด็กเลย แต่ก็ไม่แปลกหรอก...แม่ของเธอเคยเป็นนักแสดงมาก่อนนี่น่า หน้าคล้ายแม่มากกว่าพ่อ ออกหวานหน่อยแต่ก็ดูคมเข้มหล่อเหลา” เล่าลักษณะของชายหนุ่มให้ฟัง เธอก็พยักหน้ารับทราบ อย่างไรก็คงเห็นกันในสักวันนั่นแหละ
“วันนี้จะออกไปไหนหรือเปล่าลูก” ป้าสมใจเดินมาถาม เธอก็ยิ้มกว้างรีบบอกถึงแผนงานในวันนี้
“ไม่ค่ะป้าใจ ว่าจะอ่านนิยายที่พี่คีให้ยืมสักหน่อย” ชูหนังสือนิยายให้นางดูโดยไม่ยอมบอกว่าเป็นนิยายสืบสวนฆาตกรรม หัวหน้าแม่บ้านเห็นเช่นนั้นจึงยิ้มกว้าง
“ดีแล้ว คลายเครียดบ้าง ป้าเห็นเราเอาแต่อ่านหนังสือเรียนได้ทั้งวี่ทั้งวัน หัดอ่านนิยายเหมือนเด็กคนอื่นบ้างจะได้คลายเครียด” ร่างบางรีบรับคำแล้วเดินหลบไปที่ห้องของตัวเอง
“ค่ะ”
วันนี้คงต้องขลุกอยู่ที่ห้องทั้งวันแล้วล่ะ...
ป้อก ป้อก ป้อก
เสียงของตกกระทบพื้นทำให้คนที่ตั้งใจอ่านนวนิยายเสียสมาธิ เลยเปิดม่านออกมาดูว่าเกิดอะไรขึ้น จึงเห็นต้นมะม่วงที่อยู่หน้าห้องของตัวเองถูกขโมย ดวงตากลมเบิกกว้างด้วยความตกใจ คนในบ้านไม่มีใครพิเรนทร์มาปีนต้นมะม่วงนอกจากเธอ
อาจจะเป็นพวกขโมยที่แอบเข้ามาทางด้านหลัง หญิงสาวคิดได้ดังนั้นก็รีบคั่นหน้าหนังสือเอาไว้ ก่อนเปิดประตูออกจากห้องนอน ทั้งที่ตอนแรกบอกตัวเองจะไม่ยอมออกมาแท้ๆ
แต่ใครจะยอมให้มะม่วงสุดที่รักถูกขโมยกันล่ะ!
เธอมองผลไม้สีเขียวที่กองอยู่บนพื้นหลายลูก ก่อนจะเงยขึ้นไปเห็นหัวขโมยที่กำลังเอื้อมมือไปหยิบมะม่วงอีกลูก เพชรแพรวาไม่รอช้ารีบตะโกนถามเสียงดัง ถึงจะไม่เห็นหน้าค่าตาของอีกฝ่ายเพราะมีกิ่งมะม่วงบังก็ตาม
“ทำอะไรน่ะ! จะขโมยมะม่วงเหรอ!” เสียงจากข้างล่างทำให้คนที่กำลังจะหยิบมะม่วงถึงกับชะงัก
มองลอดใบไม้ลงมาแต่ก็ยังเห็นเธอไม่ชัด เสียงผู้หญิงแต่ไม่ใช่นภาลดากับนภานรี คิ้วหนาขมวดมุ่นด้วยความสงสัย ก่อนตอบไปตามความจริง
“ไม่ได้ขโมย” คิดว่าเธอจะล่าถอยไปแล้วเมื่อได้ยินคำตอบ
กลับกลายเป็นว่าเรื่องใหญ่กว่าเดิมเมื่อเธอไม่ยอมเชื่อ เหมือนจะปักใจเชื่อไปแล้วว่าเขาเป็นขโมยจนชายหนุ่มถึงกับถอนหายใจยาว
คนอย่างเขาต้องขโมยมะม่วงด้วยหรือไง!
“ไม่ได้ขโมยแล้วทำไมไม่ขอก่อน ลงมาเลยนะ! ใครอนุญาตให้เอามะม่วงบ้านคนอื่น” เห็นว่าคนขโมยมะม่วงไม่ยอมลงมาจากต้นไม้ เธอจึงหยิบหินแถวนั้นปาขึ้นไป หวังให้เขาลงมาพูดคุยกันโดยดี
“อย่าโยนนะ มันเจ็บ!” ชายหนุ่มถึงกับสะดุ้งเพราะเธอปาถูกขาบ้างแขนบ้าง
ขนาดขึ้นมาสูงแล้วยังมองหน้าไม่ค่อยชัดยังโดนทุกดอก จากตอนแรกที่นึกสงสัยว่าหล่อนเป็นใครก็เริ่มโมโหบ้างแล้ว ไม่เคยมีใครทำกับเขาแบบนี้มาก่อน
“งั้นก็ลงมาสิ” ยังคงปาหินใส่คนที่เข้าใจว่าเป็นขโมยเหมือนเดิม
แต่พอเห็นว่าเขากำลังจะลงมาก็หยุดมือที่หยิบหินแล้ววางเจ้าก้อนแข็งลงที่เดิม เงยหน้าพลางกอดอกเพื่อรอดูว่าเขาจะลงมาถึงพื้นเมื่อไหร่
“เฮ้ยๆ ลื่น! หลบ!” แล้วในจังหวะที่ไม่ทันคาดคิด ร่างหนากลับเสียการทรงตัว ลื่นจากกิ่งไม้หนาจนต้องรีบบอกให้เธอหลบออกไป ไม่อย่างนั้นคงได้ทับหล่อนแบนแน่
ทว่าหญิงสาวไม่อาจถอยหลบทัน ตัวของเขาก็หล่นลงมาทาบทับเธอเอาไว้เสียแล้ว
“ว้าย” ร้องเสียงหลงแล้วรู้สึกจุกจนพูดไม่ออก
เธอโดนโจรที่แอบปีนต้นไม้ขโมยมะม่วงบ้านคนอื่นหล่นลงมาทับ ที่เลวร้ายไปกว่านั้นคือปากของเขาประทับลงบนแก้มของหล่อน!
เธอถูกหอมแก้มจากคนแปลกหน้า!
ดวงตากลมเบิกกว้างด้วยความตกใจ ก่อนที่ร่างหนาจะรีบลุกออกอย่างรวดเร็ว เพื่อมองหญิงสาวที่พยุงตัวเองลุกนั่งเช่นเดียวกัน เป็นครั้งแรกที่เราได้สบตากันทำให้เธอมองเห็นเขาชัดเจน ก่อนพบว่าอีกฝ่ายไม่เหมือนขโมยสักนิด
หล่อ...อย่างกับดารา
ผิวขาวสว่างกับดวงตาเรียวดุ ผมสีน้ำตาลเข้มเป็นประกายเมื่อต้องแสงอาทิตย์ เขาดูโดดเด่นแม้จะอยู่ในชุดไปรเวทจนเธอเผลอมองอย่างตกตะลึง ขณะเดียวกันร่างสูงก็มองผู้หญิงที่ไม่คุ้นตา ผมสีดำยาวประบ่ากับดวงตากลมโตแฝงความเศร้าที่ดึงดูดให้มองไม่อาจละสายตาไปทางไหนได้
แต่ไม่นานเสียงที่ดังขึ้นก็ทำให้พวกเขาหันไปมอง เธอเบิกตากว้างจำได้ดีว่าเป็นเสียงของน้องชาย จึงรีบลุกจากพื้นแล้ววิ่งเข้าไปในครัวอย่างรวดเร็ว เหลือเพียงยางรัดผมที่หล่นบนพื้นจนเขาเหลือบมองก่อนรีบเก็บเข้ากระเป๋า
“พี่เพลิงได้ถุงมาแล้ว” น้องชายของนภาลดาวิ่งเข้ามาพร้อมถุงใบใหญ่ เขาเงยหน้าขึ้นมองก่อนพยักหน้า
“มีอะไรหรือเปล่าครับ ทำไมลงไปนอนบนพื้นอย่างนั้นล่ะ” คนอายุน้อยกว่าถึงกับมีสีหน้างุนงงเมื่ออีกฝ่ายยังคงนั่งบนพื้นไม่ยอมลุก
จำได้ว่าก่อนออกไปเอาถุงชายหนุ่มยังอยู่บนต้นมะม่วง แล้วทำไมถึงมานั่งอยู่ข้างล่างได้ล่ะ
ปีนลงมาแล้วเหรอ...มะม่วงยังได้ไม่เยอะอย่างที่ต้องการเลย
“หึ เปล่า เก็บมะม่วงต่อเถอะ”
ยกยิ้มมุมปากก่อนลุกยืนเต็มความสูง ปัดเศษดินเศษหญ้าออกจากตัว ค่อยเก็บมะม่วงที่โยนลงมาบนพื้น ก่อนสายตาจะเหลือบมองหลังบ้านที่ไม่มีคน
เด็กคนนั้น...เป็นใครกันนะ
