บท
ตั้งค่า

๓ โจรปล้นใจ (๓)

“คุณคี! กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่คะ น้านึกว่าอยู่ที่อังกฤษซะอีก” น้าสวยยิ้มกว้างยามเจอเด็กชายที่เห็นมาแต่น้อย บัดนี้กลับสูงใหญ่โตเต็มวัยกลายเป็นหนุ่มหล่อไปเสียแล้ว ทั้งยังย้อมผมจากสีดำขลับเป็นน้ำตาลอ่อน ขับให้ใบหน้าดูสว่างมากกว่าเดิม

เขายกมือไหว้ทุกคนแล้วยื่นกระเช้าผลไม้และถุงผ้าขนาดใหญ่ซึ่งบรรจุของฝากโดยเขียนชื่อของแต่ละคนเอาไว้ด้านหน้ากล่อง เหล่าแม่บ้านรีบเข้ามารับของก่อนจะแจกจ่ายให้กันอย่างรวดเร็ว ไม่น่าเชื่อว่าชายหนุ่มยังไม่ลืมพวกเธอ กลับไทยทั้งทีก็เอาของฝากมาให้กัน

“เพิ่งกลับครับ ผมเลยเอาของฝากมาให้ทุกคนด้วยนะ...” พยายามจะบอกว่ามีของอะไรบ้างกลับมีคนวิ่งเข้ามาในครัวพร้อมชูมะม่วงลูกใหญ่แล้วตะโกนเสียงดัง โดยไม่ได้สังเกตว่ามีบุคคลที่ตนไม่คุ้นเคยอยู่ด้วย

“มะม่วงมาแล้วค่ะ!” เธอยิ้มให้ลุงป้าน้าอาที่ยืนถือของบางอย่างเอาไว้ ทุกคนจ้องเธอเป็นตาเดียวก่อนหญิงสาวจะหันไปมองชายหนุ่มร่างสูงที่ไม่คุ้นตา คิดว่าตัวเองน่าจะไม่เคยเจอเขา แต่ดูจากการแต่งตัวที่ดูดีคงไม่ใช่คนธรรมดาอย่างพวกเรา จึงวางมะม่วงไว้บนโต๊ะแล้วยกมือไหว้นอบน้อม สีหน้าเรียบเฉยปราศจากรอยยิ้มต่างจากเมื่อครู่ที่ยิ้มกว้างจนเห็นฟันสวยเรียงตัวกัน

“เอ่อ สวัสดีค่ะ” เธอค่อยวางมือแนบลำตัว ก้มหน้าไม่กล้าสบตากับเขาแล้วค่อยเดินมายืนข้างน้าสวยเหมือนต้องการให้ช่วยบดบังเธอจากสายตาของชายแปลกหน้า

หญิงสาวค่อนข้างตื่นกลัวยามต้องคุยกับเพศตรงข้าม กังวลตลอดเวลาว่านภานรีมาเห็นแล้วเอาไปฟ้องคุณวราลี คนที่โดนทำโทษอาจเป็นหล่อนทั้งที่ไม่ได้ทำผิดสักอย่าง

“สวัสดีครับ...เอ่อ” ดวงตาคมมองตามเธอก่อนถอนสายตามายังคุณน้าที่แนะนำให้รู้จักกับผู้หญิงซึ่งไม่เคยพบหน้ามาก่อน

“นี่น้องแพรค่ะ เป็น...คนที่คุณท่านอุปถัมภ์ น้องแพรลูก นี่คุณคีเป็นเพื่อนบ้านที่อยู่ตรงท้ายหมู่บ้านไง” เขาพยักหน้าแล้วยิ้มให้เธอ จ้องดวงหน้าใสที่ไม่แต่งแต้มและดวงตากลมชวนหลงใหล จนไม่อาจละสายตาไปทางอื่นได้ นอกจากยกมือโบกเล็กน้อยแล้วยิ้มให้เธอ

“สวัสดีค่ะคุณคี” เมื่อทราบว่าเขาเป็นเจ้าของบ้านหลังใหญ่ที่อยู่หลังสุดท้าย ครอบครัวร่ำรวยเจ้าของบริษัทผลิตอุปกรณ์ทางการแพทย์ อยู่ไกลเกินเอื้อมแบบนี้ทางที่ดีอย่าไปสนิทสนมด้วยดีกว่า หล่อนไม่อยากถูกนภานรีค่อนขอดอีก

แค่ต้องทนฟังคำประชดประชันระหว่างทางไปโรงเรียนก็ชวนให้รำคาญมากพอแล้ว

“เรียกพี่ดีกว่า ไม่ต้องคุณหรอกมันฟังทางการยังไงไม่รู้ ว่าแต่มะม่วงที่เก็บมาใช่ต้นหลังบ้านหรือเปล่า พี่ขอกินด้วยได้ไหม” เขาแสดงออกถึงมิตรไมตรี แต่เธอก็ค่อนข้างเกร็งยามอยู่ต่อหน้าเพศตรงข้าม ทำได้เพียงผงกหัวแบบขอไปที

“เอ่อ ได้ค่ะ”

ว่าจบก็รีบหยิบมะม่วงไปล้างทำความสะอาด เริ่มทำเมนูที่เหล่าแม่บ้านบอกว่าอยากชิม โดยไม่สนใจร่างสูงอีก รู้เพียงว่าเขากำลังเล่าเรื่องการเรียนที่ต่างประเทศให้คนอื่นฟัง เธอเองก็ได้ฟังไปด้วยจนนึกอยากไปบ้าง สงสัยคงต้องขยันเรียนเรื่องภาษาให้มากกว่านี้แล้วล่ะ

บางทีถ้าเก็บเงินอีกหน่อยจนได้ไปเรียนต่างประเทศ คงหลุดพ้นจากบ้านหลังนี้สักที...

“อร่อยจริงด้วย” คิดว่าเขาจะกลับบ้าน แต่ชายหนุ่มบอกว่าจะรอชิมยำมะม่วงที่เธอทำจึงไม่อาจขัดได้ แค่ชิมคำแรกก็ทำตาโตแล้วชมไม่ขาดปาก

“น้องแพรทำอาหารอร่อยหมดทุกอย่างเลยค่ะ เอาไว้ว่างๆ คุณคีมาชิมได้นะคะ” น้าสวยรีบเสริม เธออยากค้านแต่ก็เลือกเงียบเอาไว้ ภาวนาให้อีกฝ่ายไม่ต้องมาที่นี่อีก

“ได้เลยครับ! ผมจะมาทุกวันเลย...พี่มาได้ไหม”

เหมือนคำขอของเธอจะไม่ถูกตอบรับ เขาแสดงเจตนาชัดเจนว่าอยากมากินข้าวฝีมือเธอ แล้วอย่างนี้เพชรแพรวาจะปฏิเสธลูกชายเจ้าของบ้านที่แสนร่ำรวยได้อย่างไร อีกทั้งเขาก็ไม่ได้มาร้ายสักหน่อย

“ค่ะ”

แค่เว้นระยะห่างเอาไว้ก็น่าจะพอ...

ทว่าตลอดเวลาที่ชายหนุ่มกลับมาอยู่บ้าน ก็เลือกจะเข้าทางประตูหลังเพื่อมาพูดคุยกับเธอแทบทุกวัน ตอนแรกก็ยังมีกำแพงสูงกับเขา แต่เพียงแค่ชายหนุ่มเอ่ยถึงหนังสือนิยายสืบสวนชื่อดังที่เธออยากอ่าน กำแพงนั้นก็พังครืนลงทันที

อยู่ในช่วงเก็บเงินเพื่อจะซื้อหนังสือเล่มโปรดมาอ่าน ต่างจากเขาที่ได้มาครอบครองเป็นเซ็ท แล้วยังใจดีจะแบ่งปันให้เธออ่านฟรีอีกต่างหาก จากที่เรียกเขาว่าคุณก็เปลี่ยนเป็นพี่ทันที

คีรีภัทร พฤกษ์ศักดาหนุ่มนักเรียนนอกที่ฐานะต่างจากเธอราวฟ้ากับเหว กลับมีเมตตาขยันหาของขวัญเล็กน้อยมาให้ โดยเฉพาะหนังสือที่หญิงสาวชอบเป็นพิเศษ ยิ้มแก้มปริจนคนมองถึงกับตาพร่ามัว เหมือนโดนแสงของพระอาทิตย์ส่องเกือบตาบอด

ทั้งที่ตอนยิ้มทำให้โลกสว่างสดใส ทำไมถึงชอบทำหน้าอมทุกข์ก็ไม่รู้

“ขอบคุณค่ะ! พี่คีให้ยืมจริงนะ” เธอกอดหนังสือนิยายของนักเขียนคนโปรดเอาไว้แนบอก จ้องเขาตาปริบโดยไม่รู้เลยว่าการกระทำดังกล่าวกำลังเขย่าหัวใจของชายหนุ่ม จนนึกเก้อเขินแล้วแอบลูบท้ายทอยพลางตอบโดยไม่ยอมสบตา

“จริงสิ พี่กลับไทยค่อยเอามาคืนก็ได้ เอาไว้อ่านเถอะพี่ไม่ค่อยอ่านแล้ว” ทุกเล่มเขาอ่านจบหมดแล้ว เอาไว้ที่ห้องก็เหมือนวางโชว์ อยู่กับหล่อนน่าจะดีกว่า อีกอย่างจะได้มีข้ออ้างเพื่อมาให้เพชรแพรวาระหว่างที่อยู่ไทยด้วย

ข้อสำคัญคือเขาจะได้ขอช่องทางติดต่อหล่อนยามตนกลับไปต่างประเทศ อาจจะเป็นอีเมลก็ยังดีกว่าไม่ได้คุยเลย

“ขอบคุณนะคะ แพรจะรักษาอย่างดีไม่ให้มีรอยพับหรือเป็นรอยสักนิดเลยค่ะ” สัญญาด้วยเสียงตื่นเต้น เธอพยายามไม่ให้คนบ้านใหญ่รู้ว่าสนิทสนมกับเขา ไม่อย่างนั้นคงต้องขึ้นไปฟังคุณท่านบ่นเป็นชั่วโมง แต่จะให้ตัดไมตรีของคีรีภัทรก็ไม่อาจทำได้

ชายหนุ่มไม่มีทีท่าว่าจะเข้ามาจีบ แค่ขอเป็นพี่ชายของเธออีกคนเท่านั้น...

เพราะฉะนั้นสำหรับหญิงสาวแล้ว เขาจึงเป็นพี่ชายแสนดีหนึ่งเดียวไม่มีใครเทียบได้!

“แพรอยากได้อะไรเป็นพิเศษหรือเปล่า คราวหน้าพี่กลับไทยจะซื้อมาให้เอง รับรองว่าไม่คิดค่าบริการ ฟรีตลอดการเดินทาง” เหมือนว่าเธอจะไม่สนใจ เอาแต่เปิดหนังสือนิยายแล้วอ่านตั้งแต่คำนำด้านหน้าอย่างละเอียด ไม่ให้พลาดสักตัวอักษร

“ไม่หรอกค่ะ ไม่มีอะไรอยากได้เป็นพิเศษเลย” เธอตอบโดยไม่ได้สนใจเขา

จึงไม่รู้ว่าชายหนุ่มจ้องมองเหมือนตกอยู่ในมนต์สะกด ไล่สายตาไปตามเปลือกตาที่มีขนตายาวกระพริบขึ้นลง จมูกจิ้มลิ้มรับกับปากอวบอิ่ม แก้มยุ้ยที่นึกอยากลองจับสักครั้ง สีผมดำขลับตัดกับผิวขาวสว่างของเธอ

สวย...จนไม่อาจละสายตาไปทางไหนได้

“หน้าแพรมีอะไรติดหรือเปล่าคะ” เงยหน้าขึ้นกะทันหันแล้วเห็นเขาจ้องหน้าตนไม่วางตา จึงยกมือขึ้นแตะตามใบหน้าคิดว่าอาจจะมีอะไรติด ทำให้คีรีภัทรได้สติรีบส่ายศีรษะ

“เปล่า ไม่มี...พี่กลับก่อนนะ” เขาเริ่มร้อนที่ใบหน้า อยู่นานกว่านี้อาจคิดฟุ้งซ่านจนทำลายความสัมพันธ์ของพวกเราที่เพิ่งเริ่มต้น

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel