บท
ตั้งค่า

๓ โจรปล้นใจ (๒)

ข่าวของพี่สาวต่างมารดาซึ่งไม่มีใครในบ้านยอมรับเข้าหูนภานรี คิดว่าอีกฝ่ายจะอยู่ในโรงเรียนอย่างไร้เพื่อนเสียอีก ที่ไหนได้เข้ากันดีเป็นปี่เป็นขลุ่ยกับหม่อมหลวงที่ลือกันว่าไม่มีใครกล้าเข้าใกล้ นอกจากบ้านจะล้มละลายยังเป็นพวกอันธพาลอีกต่างหาก

แต่ก็ยังสามารถคุ้มกันเพชรแพรวาไม่ให้ถูกรังแกได้ เธอเรียนฝั่งนักเรียนมัธยมศึกษาตอนต้นจึงไม่อาจข้ามไปยุ่งมัธยมศึกษาตอนปลายได้ อุตส่าห์ไปคุยกับเพื่อนสนิทของพี่สาวที่มีน้องเรียนห้องเดียวกับคนที่ตนไม่ชอบหน้า นึกว่าจะช่วยอะไรได้แท้ๆ กลับไม่เป็นไปอย่างที่หวังเสียอย่างนั้น คิดแล้วก็หงุดหงิดมากกว่าเดิม

เปิดประตูเข้ามาในห้องนอนของพี่สาว นั่งลงยังโซฟาปลายเตียง ก่อนมองไปที่เจ้าของห้องซึ่งนั่งอยู่บนเตียงกว้าง กำลังอ่านหนังสือเรียนสำหรับเตรียมสอบเข้ามหาวิทยาลัย

“พี่ลดานั่นแหละให้มันมาเรียนโรงเรียนเดียวกับเรา! น่าอายชะมัดเลยให้ลูกผู้หญิงสกปรกมาเทียบชั้นได้ยังไงไม่รู้” กอดอกแล้วกระแทกเสียงท้ายประโยค เกลียดตั้งแต่เห็นหน้าเพชรแพรวายามไปโรงเรียนพร้อมกัน ไม่ว่าจะจิกกัดด่าทอมากแค่ไหนก็ยังไม่หายคับแค้นใจ

ขยะในห้องของหล่อนยังสะอาดกว่าผู้หญิงชั้นต่ำคนนั้นเลย!

“พูดอะไรแบบนั้น คนเราควรได้รับการศึกษาอย่างเท่าเทียมนะ” บอกน้องเสียงเรียบอย่างไม่ใส่ใจ เหมือนว่าในบ้านหลังนี้จะมีเพียงนภาลดาเท่านั้นที่นับญาติกับคนนอกคอก ส่วนคนอื่นกระทั่งคุณวราลีก็แทบไม่เข้าไปพูดคุย แค่ส่งเสียเรื่องเรียนเท่านั้น

“ได้ข่าวว่าน้องสาวของเพื่อนพี่แกล้งมันไม่สำเร็จเพราะมีคนช่วย มันมีเพื่อนเป็นถึงหม่อมหลวง พวกหัวสูงทะเยอทะยาน นรีล่ะเกลียดมันอยากไล่ออกไปให้พ้นจากบ้านสักที เกลียดๆๆๆ” หยิบหมอนมาแล้วทุบเพื่อระบายอารมณ์ พี่สาวที่ตอนแรกสนใจหนังสือเรียนก็ถอนหายใจ บอกเสียงเรียบพร้อมแววตาดำดิ่งที่ยากคาดเดาความรู้สึก

“พอได้แล้วนรี เราควรมีน้ำใจกับคนที่ด้อยกว่าสิ” มุมปากหยักยกขึ้นเล็กน้อย น้องสาวจำต้องเงียบไม่เอ่ยอะไรอีก บางคราวก็นึกกลัวพี่สาวตัวเองเหมือนกัน ทั้งที่นภาลดาไม่ได้ใช้คำพูดรุนแรง ท่าทีแสดงออกก็สุภาพ

ทว่าไม่รู้เหตุใดจึงเย็นยะเยือกยามได้สบตา จนต้องเปลี่ยนเรื่องคุยเมื่อมองไปที่โต๊ะอ่านหนังสือแล้วเห็นผ้าเช็ดหน้าสีขาวพับไว้อย่างสวยงาม ส่วนปลายปักเป็นตัวอักษรชัดเจน

“พี่ปักผ้าเช็ดหน้าเองเหรอ” ลุกจากโซฟาแล้วหยิบผ้าเช็ดหน้าผืนนั้นขึ้นมาพินิจ ไม่เคยทราบมาก่อนว่าพี่สาวจะเก่งงานบ้านงานเรือนกับเขาด้วย อีกทั้งลายปักก็สวยงาม ตัวอักษรภาษาอังกฤษที่มีดอกกุหลาบสีแดงล้อมรอบ ฝีเข็มสวยเหมือนมืออาชีพ

ใช่ฝีมือของนภาลดาแน่เหรอ...ชักไม่มั่นใจแล้ว

“เรื่องพวกนี้เราไม่จำเป็นต้องทำเอง ให้พวกแม่บ้านทำก็ได้” เหลือบมองแล้วตอบเสียงเรียบอย่างไม่ใส่ใจ

แน่นอนว่าเธอคงไม่นั่งหลังขดหลังแข็งทำเองหรอก การไหว้วานคนอื่นง่ายกว่าไม่ใช่หรือ แค่เปรยคำเดียวก็กุลีกุจอทำให้แล้ว ส่วนหล่อนก็มีหน้าที่มอบของขวัญให้คนพิเศษเท่านั้นเอง

“จะเอาให้พี่เพลิงใช่ไหม ปักเป็นรูปตัว P ซะขนาดนี้คงไม่ได้ใช้เองหรอก” น้องสาววางของชิ้นนั้นไว้ที่เดิม แล้วเดินมานั่งบนเตียงกับพี่ น้ำเสียงหยอกล้อกับแววตาล้อเลียนทำให้ร่างบางหลุดยิ้มออกมา ปิดหนังสือเรียนแล้วเอ่ยถึงคู่หมายของตัวเอง

“ทำเป็นรู้ดี...พี่เพลิงกลับไทยได้แค่หนึ่งสัปดาห์เลยว่าจะเอาเป็นของแทนใจน่ะ นรีว่าสวยไหม พี่เพลิงจะชอบหรือเปล่า” เพียงแค่เป็นเรื่องของเขา ก็ทำให้คนที่นิ่งเฉยกับทุกเรื่องตื่นเต้นเหมือนเด็กได้ในทันที

“สวย น่าจะชอบแหละ...พี่เพลิงกลับมาช่วงเดียวกับที่คุณพ่อคุณแม่กลับไทยหรือเปล่า” เธอเองก็รอคอยวันที่บุพการีจะกลับบ้าน เพื่อทวงของที่ฝากซื้อเช่นเดียวกัน แค่คิดก็ยิ้มแก้มปริมีความสุข นภาลดาเองก็คาดหวังเช่นเดียวกัน

“ใช่ พี่กะว่าจะให้คุณแม่คุยเรื่องงานหมั้นด้วย”

ความจริงเรื่องคู่หมายเพราะผู้ใหญ่เห็นเหมาะสม แม่ของเธอเป็นเพื่อนสนิทกับแม่ของเขา อีกทั้งบิดาของเราสองคนก็เข้ากันได้ดี หากดองเป็นทองแผ่นเดียวครอบครัวก็ยิ่งจะสนิทสนมมากกว่าเดิม ไม่มีเรื่องใดแย่สักนิด

เราสองคนเหมาะสมกันราวกับกิ่งทองใบหยก ถึงเขาไม่เคยเอ่ยปากขอเป็นแฟนหรือบอกรักสักครั้ง แต่เธอก็ไม่ได้สนใจ เรื่องแต่งงานผู้ใหญ่จะจัดการเอง ชายหนุ่มไม่อาจปฏิเสธได้หรอก

“ยังไงคนที่พี่เพลิงจะแต่งงานด้วยก็ต้องเป็นพี่ลดาอยู่แล้ว ไม่มีใครเหมาะสมไปกว่านี้เชื่อนรีสิ!” น้องสาวสนับสนุนเสียงดัง เธอพยักหน้าเชื่อเช่นนั้นมาโดยตลอด

“ถึงมี...ก็เป็นไปไม่ได้หรอก ยังไงพี่เพลิงก็ต้องเป็นสามีของพี่คนเดียว” ยิ้มตอบน้องแล้วหยิบหนังสือขึ้นมาอ่าน ชีวิตของเธอต้องสมบูรณ์แบบนั่นคือการมีเขาเป็นสามี จะไม่มีใครมาทำให้แผนครั้งนี้พังเป็นอันขาด

หล่อนไม่มีวันยอมให้มันเกิดขึ้นเป็นอันขาด!

วันธรรมดาของบ้านภัทรเทวาที่อยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา ท่านทูตเพิ่งกลับมาถึงบ้านเมื่อวานแต่ก็มีนัดกับเพื่อนสนิทไปออกรอบตีกอล์ฟ ขณะที่คุณผู้หญิงก็ชวนลูกทั้งสามออกไปบ้านตายายเพื่อรับประทานอาหาร คุณวราลีมีประชุมกับเพื่อนที่ชวนกันทำงานการกุศลมอบทุนการศึกษาให้เด็กยากไร้ ตึกใหญ่จึงไม่มีใครอยู่สักคน

อยู่ในช่วงพักทำให้บรรดาแม่บ้านต่างรวมตัวที่โต๊ะอาหารหลังบ้าน ปูเสื่อกับพื้นหญ้าแล้วกินส้มตำกับปลาเผาและไก่ย่างกันอย่างเอร็ดอร่อย มือปั้นข้าวเหนียวแล้วจิ้มลงไปยังน้ำสีเข้มที่มีพริกลอยล่อง พลางคุยเรื่องละครที่ตนเองชื่นชอบ

แต่แล้วก็มีบุคคลอื่นโผล่เข้ามา หนุ่มร่างสูงผิวขาวมีนัยน์ตาชวนฝันกับรอยยิ้มอ่อนโยน ทุกคนที่นั่งกินข้าวถึงกับรีบเช็ดไม้เช็ดมือเป็นการใหญ่ ลุกมาทักทายคนสนิทที่ไม่เจอหน้ากันนานเพราะไปเรียนต่างประเทศ

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel