บท
ตั้งค่า

๒ สภาพแวดล้อมที่ไม่คุ้นเคย (๓)

จนเธอนึกกลัวว่าจะเข้ากับสังคมใหม่ได้หรือเปล่า สภาพแวดล้อมที่ไม่คุ้นเคยสักนิด...

“เก่งมากเลยลูก อยากกินอะไรเย็นนี้ป้าจะทำให้กินเอง” ลุงป้าน้าอาในครัวต่างเข้ามาแสดงความยินดี ก่อนที่ป้าสมใจจะถามหลานสาวด้วยแววตาเปี่ยมสุข ยิ้มเต็มปากภูมิใจในตัวเด็กหญิงที่นางรักเหมือนลูก

“ห่อหมกทะเลค่ะ! ฝีมือป้าใจอร่อยที่สุด” รีบบอกเมนูที่ตัวเองอยากกินพร้อมโผเข้ากอดเหมือนเด็กน้อย ทั้งที่อีกไม่กี่เดือนข้างหน้าจะขึ้นชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายแล้ว หัวหน้าแม่บ้านได้ยินอย่างนั้นก็หัวเราะร่วน

“กอดป้าเป็นเด็กเลย สิบห้าปีแล้วนะเรา” เตือนความจำแต่เจ้าตัวกลับยิ้มแป้น ความสุขล้นอกจนแสดงออกผ่านทางแววตา

“จะยี่สิบ สามสิบหรือสี่สิบ หนูก็จะกอดป้าใจแบบนี้แหละ” พูดจบค่อยผละออก แล้วเริ่มหยิบจับของในครัวช่วยแม่บ้านคนอื่น ขณะที่เรื่องของเพชรแพรวากลายเป็นหัวข้อการสนทนา เริ่มกังวลเกี่ยวกับสถานศึกษาใหม่ที่หญิงสาวกำลังจะเข้าเรียนในไม่ช้า

“แล้วจะไปโรงเรียนยังไงเหรอ เรื่องชุดล่ะ...”

“ป้าจะพาไปซื้อชุดกับพวกอุปกรณ์การเรียนเอง ส่วนเรื่องรถรับส่งก็ไปพร้อมคุณหนูทั้งสองนั่นแหละ คุณท่านอนุญาตแล้ว”

พลันโล่งอกตอนแรกนึกว่าจะให้นั่งรถเมล์ไปเองเสียอีก ใบหน้ายิ้มแย้มของบรรดาแม่บ้านพร้อมกับคำสรรเสริญถึงคุณหนูคนโต ที่จิตใจดีโอบอ้อมอารีผิดจากน้องสาวราวฟ้ากับเหว

“คุณลดาใจดีจังเลยนะป้า แสนดีผิดกับน้องสาวลิบลับ”

“อย่านินทาเจ้านาย แยกย้ายกันไปทำงานได้แล้ว” ปิดบทสนทนาที่กำลังนำไปสู่เรื่องการนินทาเจ้านาย ซึ่งหัวหน้าแม่บ้านไม่ค่อยจะชอบเท่าไหร่ ไม่มีใครพูดอะไรอีกต่างทำหน้าที่ของตัวเอง มีเพียงหญิงสาวที่แววตาเริ่มฉายความกังวลชัดเจน

“ป้าใจขา...หนูจะปรับตัวได้ไหม หนูกลัว...” ผลสอบออกก็ดีใจ

แต่เริ่มคิดว่าสังคมแห่งนั้นต่างจากตนมากเพียงใดก็กังวล อาการของเพชรแพรวาทำให้นางนึกเอ็นดู ถึงจะแสดงออกว่าโตกว่าอายุมากเท่าไหร่ สุดท้ายก็ยังเป็นเด็กน้อยเหมือนเดิม จึงต้องนั่งปลอบเพื่อให้คลายความกลัว

“ป้าบอกแล้วไงว่าหนูเก่งที่สุด ป้าเชื่อว่าแพรจะต้องปรับตัวเข้ากับโรงเรียนใหม่ได้ ไม่มีอะไรยากเกินไปสำหรับแพรหรอก ป้าเชื่อแบบนั้น”

สร้างความเชื่อมั่น เพาะปลูกความมั่นใจให้เธอทีล่ะน้อย กระทั่งมุมปากทั้งสองข้างยกขึ้น ยิ้มสดใสพร้อมพูดสร้างความเชื่อมั่นแก่ตนเอง

“ขอบคุณค่ะ หนูก็เชื่อว่าต้องทำได้”

นางลูบหัวมนด้วยความเอ็นดู แล้วเริ่มเตรียมอาหารสำหรับมื้อเย็นให้คุณท่านบนตึกใหญ่ ค่อยมาจัดการเมนูสำหรับฉลองการสอบเข้าชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายของเพชรแพรวาได้สำเร็จ ความพยายามของหญิงสาวสัมฤทธิ์ผลแล้ว

วันเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว เธอใช้ช่วงปิดเทอมใหญ่คุ้มค่าด้วยการถักผ้าพันคอขายให้คนรู้จัก เก็บเงินได้เกือบสามพันบาท งานอดิเรกที่ทำเพื่อฝึกสมาธิเหมือนจะเป็นรายได้เสริมไปแล้ว อีกทั้งยังเริ่มทำขนมไทยคิดว่าอาจจะนำไปฝากขายที่ตลาดใกล้บ้าน อาจต้องวางแผนให้ดีกว่านี้สักหน่อย

ไม่อยากพึ่งพาคุณท่านอย่างเดียว ค่าเทอมของเธอที่โรงเรียนใหม่ก็ปาเข้าไปหกหลักแล้ว ไหนจะค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันอีก อะไรประหยัดได้ก็อยากประหยัด

ตอนเช้าก็รีบสะพายกระเป๋าและถือถุงผ้าที่บรรจุปิ่นโตสำหรับอาหารเที่ยงมายืนคอยคุณหนูทั้งสองอย่างสงบเสงี่ยม มีเสียงของนภานรีที่ค่อนขอดอยู่บ้างแต่ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น เธอยังก้มหน้าก้มตาไม่โต้แย้ง ก่อนจะยิ้มให้พี่สาวที่ส่งยิ้มให้กำลังใจ แล้วค่อยไปนั่งด้านหน้ากับน้าเอี่ยมคนขับรถที่รู้จักกันเป็นอย่างดี

หัวใจเต้นรัวราวจะทะลุออกมานอกอกเมื่อรถเลี้ยงเข้าสู่ประตูโรงเรียน ก่อนจอดลงที่อาคารเพื่อส่งทั้งสามเข้าสู่รั้วสถาบันศึกษา มือบางชื้นเหงื่อกำสายจับถุงผ้าไว้แน่น สูดลมหายใจเข้าปอดลึกแล้วขณะที่นภานรีแสยะยิ้มมองอย่างสมเพช ก่อนเดินไปทางอาคารเรียนของตัวเอง

“คุณลดาคะ...ไป ไปส่งหนูที่หน้าห้องได้ไหมคะ” เธอรีบรั้งพี่สาวเอาไว้ แต่ไม่กล้าเรียกว่าพี่ยามอยู่ต่อหน้าคนอื่น ซึ่งนภาลดาก็เข้าใจเป็นอย่างดีไม่ได้ว่าอะไร

คนอายุมากกว่าเหลียวมองน้องด้วยแววตาสงสัย แต่พอเห็นอาการสั่นเล็กน้อยก็ยกยิ้มมุมปาก พยักหน้าตกลงง่ายดาย ไม่เห็นว่าเป็นเรื่องเหลือบ่ากว่าแรงสักนิด จึงได้เดินนำขึ้นไปยังห้องเรียนประจำของเพชรแพรวาที่เขียนไว้ชัดเจน

“เอาสิ เดี๋ยวพี่ไปส่งเอง” เธอเดินตามพี่เหมือนลูกเป็ดเดินตามแม่เป็ด

ไม่ชินตั้งแต่สวมชุดนักเรียนสีขาวแขนยาวกับกระโปรงสีน้ำเงินจีบรอบแล้ว ผมเคยสั้นเพียงติ่งหูก็ยาวประบ่าซึ่งถูกถักเปียเรียบร้อยโดยฝีมือของน้าสวย อีกไม่นานผมก็คงยาวถึงกลางหลังเพราะโรงเรียนนี้สามารถไว้ผมยาวได้ ไม่เหมือนโรงเรียนรัฐบาลที่เคยอยู่เรียน

“ตั้งใจเรียนนะ” ถึงหน้าห้องก็บอกลาน้องสาว

“ค่ะ” รับคำเสียงเบาทั้งที่แววตาก็ไม่ได้มีความมั่นใจสักนิด ก่อนจะเดินเข้าไปในห้องที่นักเรียนหลายคนส่งเสียงเจี้ยวจ้าว เหมือนรู้จักสนิทสนมกันก่อนแล้ว เธอจึงค่อนข้างรู้สึกแปลกแยกพอสมควร ก่อนกวาดสายตาเพื่อมองหาที่นั่งว่าง

โต๊ะริมหน้าต่างท้ายสุดไม่มีคนจับจอง น่าจะนั่งตรงนั้นได้...

ขณะที่กำลังจะเดินไปนั่ง กลับมีน้ำสาดเข้าที่เสื้ออย่างแรงจนเธอถึงกับสะดุ้งตกใจ เบิกตากว้างมองคนที่ทำเช่นนั้น จะบอกว่าไม่ตั้งใจก็คงไม่ใช่ สีหน้าไม่มีความรู้สึกผิดสักนิด กลับแสยะยิ้มสาแก่ใจคล้ายว่ามีความสุขเมื่อได้แกล้งเธอ

แต่เราเพิ่งเจอกันครั้งแรกไม่ใช่เหรอ แล้วทำไมถึงทำแบบนี้ล่ะ เกิดคำถามในใจแต่เธอก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากหยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋ามาซับน้ำออก ถึงจะไร้ประโยชน์ก็ตาม

ซ่า!

“อุ้ย ขอโทษนะ กลิ่นในห้องมันเหม็นเลยต้องสาดน้ำดับเหม็นน่ะ เป็นอะไรหรือเปล่า...” น้ำเสียงคล้ายจะยียวนมากกว่ารู้สึกผิด และเธอก็ไม่อยากมีเรื่องตั้งแต่วันแรกที่เหยียบย่างเข้ามาในห้องเรียน ไม่เช่นนั้นชีวิตในโรงเรียนคงไม่สงบสุข

“ไม่...” จึงเลือกจะปฏิเสธไม่ถือสาหาความ

กลายเป็นว่าจังหวะที่กำลังจะบอกปัดก็มีน้ำสาดเข้าไปยังใบหน้าของคนที่เพิ่งแกล้งเธอ เล่นเอาอีกฝ่ายถึงกับสำลักแล้วไอจนตัวโยน ดวงตากลมเบิกกว้างแล้วค่อยเหลียวมองผู้กล้าด้วยแววตาเต็มไปด้วยประกายชื่นชม

ซ่า!

“อุ้ย ขอโทษนะ กลิ่นในห้องมันเหม็นเลยต้องสาดน้ำดับเหม็นน่ะ เป็นอะไรหรือเปล่า...โอ้โห ความจำของฉันดีเหมือนกันนะ พูดตามบทของเธอเป๊ะเลยอ่ะ ทำได้ยังไงเนี่ยหยาด เก่งมากๆ”

คำพูดที่ลอกเลียนแบบมาทุกประการ พร้อมปรบมือให้ตัวเองพลางเอ่ยชมในความเก่งกาจ ทำให้นักเรียนในห้องที่ตอนแรกตั้งท่าจะหาเรื่องเธอ กลับก้าวถอยไม่กล้าเข้ามายุ่ง

เพชรแพรว่ามองคนที่เข้ามาช่วยตนอย่างละเอียด รูปร่างผอมบางส่วนสูงมากกว่าหล่อนเล็กน้อย ใบหน้าสวยเฉียบกับดวงตาคมเฉี่ยวดูดุอยู่ในที เป็นคนสวยที่สะกดสายตาตั้งแต่ครั้งแรกที่มองก็ว่าได้

“หยาดดารา! เธอสาดน้ำใส่ฉัน” คนที่โดนน้ำสาดใส่หน้ารีบโวยวายทันที แต่มีหรือที่เจ้าตัวจะเกรงกลัว กลับไหวไหล่ราวไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร

“อ้าว ก็เธอบอกว่าเหม็นไง ถ้าเหม็นปัญหาก็อยู่ที่จมูกของเธอหรือเปล่า ฉันอุตส่าห์ช่วยทำให้หายเหม็นแล้วนะ ควรจะขอบคุณมากกว่าโวยวายสิจ๊ะแม่ด้วงสาคู”

ฉายาที่เรียกทำให้เพชรแพรวารู้ว่าสองคนนี้น่าจะเคยรู้จักกันมาก่อน

อาจจะเคยเรียนห้องเดียวกันที่โรงเรียนนี้สมัยมัธยมต้นก็เป็นได้ เธอพยายามเม้มปากไม่ให้กลั้นคำกับคำเรียกนั้น แล้วจ้องมองคนที่ยืนข้างกันอย่างมีความหวัง ทราบชื่อของอีกฝ่ายแล้วเหลือแค่แนะนำตัวเท่านั้น

หมายมั่นเอาไว้อย่างไรก็ต้องเป็นเพื่อนกับหยาดดาราให้ได้!

“หยาด!” กำลังจะก้าวเท้าเข้ามาใกล้แต่กลับมีเสียงช่วยชีวิตเอาไว้ นักเรียนที่เหลือจึงรีบกลับไปนั่งประจำโต๊ะของตัวเอง มีเพียงเธอที่ยืนหันรีหันขว้างไม่รู้จะไปทางไหน สุดท้ายก็ยังยืนอยู่หน้าห้องเหมือนเดิม

“เสียงดังอะไรกันตั้งแต่วันแรก...” คุณครูนั่นเองที่เดินเข้ามา ก่อนสายตาจะมาสะดุดอยู่ที่เธอ

“เป็นอะไรทำไมตัวเปียก” ก้มมองเสื้อที่เปียกจนเห็นเสื้อซับด้านใน ยังดีที่เป็นน้ำเปล่าอีกไม่นานคงแห้งไปเอง ไม่อยากคิดสภาพเลยว่าถ้าเป็นน้ำหวานจะต้องทนเหนียวทั้งวันแน่

“น้ำหกใส่ค่ะ”

“เอาของไปเก็บได้แล้ว...อีกไม่นานต้องเข้าแถวเคารพธงชาติ อย่ามัวโอ้เอ้ชักช้าล่ะเข้าใจหรือเปล่า” พูดจบก็เดินออกไปข้างนอก นักเรียนถึงได้รับคำแล้วพากันวิ่งออกไปนอกห้องเรียนเพื่อเตรียมตัวเข้าแถว

มีเพียงคนเดียวที่ยังคงนั่งอยู่ในห้องเรียน แล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดเล่นไม่ได้สนใจสิ่งรอบข้าง แล้วก็ไม่มีใครเข้าไปคุยด้วยสักคน

ที่นั่งข้างผู้หญิงคนนั้นยังว่าง...

“นั่งด้วยได้ไหม” ไม่รอช้ารีบเดินเข้าไปหาแล้วถามเสียงเบา อีกฝ่ายก็หันมามองพลางพยักหน้าอย่างขอไปที ไม่ได้สนใจเท่าไหร่

“อือ”

เหลือบมองนาฬิกาเห็นว่าเหลือเวลาอีกสิบนาทีกว่าจะถึงเวลาเคารพธงชาติ จึงใช้โอกาสนี้เพื่อแนะนำตัวและขอเป็นเพื่อนกับคนข้างกาย อย่างน้อยมีเพื่อนสนิทสักคนก็พอแล้วสำหรับเธอ ปริมาณไม่จำเป็นมากเท่าไหร่หรอก เน้นคุณภาพดีกว่า

“เธอเล่นคนเดียวเหรอ” ถามเพราะไม่เห็นว่าคนข้างกายจะเพื่อนที่ไหนเข้ามาคุยด้วย

“Excuse me...หน้าตาฉันเหมือนไม่มีเพื่อนหรือไง ฉันแค่เลือกคบเท่านั้นแหละ” คราวนี้เจ้าตัวถึงกับวางโทรศัพท์ลงแล้วหันมามองหน้าเพื่อนใหม่ พิจารณาครู่หนึ่งก็ได้ข้อสรุปว่าดูเป็นคนเจียมเนื้อเจียมตัวแล้วก็จืดชืดเหมือนเต้าหู้ที่ตนไม่ชอบดื่มเลย

แต่ก็ไม่ได้มีพิษมีภัย สายตาใสซื่อไร้เล่ห์เหลี่ยม...

“คบกันไหม” คำถามสร้างความตกใจให้คนฟังพอสมควร

ถึงโลกจะพัฒนาไปไกลเกี่ยวกับความรักระหว่างเพศเดียวกัน แต่เธอก็ไม่ใช่คนที่จะชอบผู้หญิง จึงได้ปฏิเสธในทันที

“ฉันชอบผู้ชาย ขอโทษที”

“หมายถึงคบเป็นเพื่อน ฉันชื่อเพชรแพรวานะ เรียกว่าแพรก็ได้” ลอบถอนหายใจเมื่อได้ยินว่าคบเป็นเพื่อน

ไม่พูดตั้งแต่ทีแรกล่ะ!

“เด็กใหม่ไม่มีเพื่อนสินะ เอาเถอะ ฉันจะลองคบด้วยแล้วกัน แต่บอกไว้ก่อนฉันไม่ใช่คนนิสัยดี ค่อนข้างจะหยาบนิดหน่อยรับได้หรือเปล่า” บอกนิสัยของตัวเองให้เพื่อนใหม่ได้ทราบ เธอไม่ค่อยมีเพื่อนสนิทหรอก

เพราะตั้งแต่ครอบครัวล้มละลายจนต้องกลับไปเกาะญาติกิน เพื่อนที่เคยห้อมล้อมก็หนีหายไปจนหมด ทำใจได้ในระดับหนึ่งแล้ว ตนก็ไม่อยากคบคนพวกนั้นที่ดีแต่เปลือกนอกเหมือนกันนั่นแหละ อุตส่าห์ทำใจต้องนั่งคนเดียวไร้เพื่อน

กลับมีคนมาขอเป็นเพื่อน...

“อื้อ!” พยักหน้ารับทันที

“งั้นก็เป็นเพื่อนกันได้” คำตอบรับของเพื่อนใหม่สร้างรอยยิ้มให้แก่เพชรแพรวา

เหมือนว่าความกลัวทั้งหมดหายไปในทันที

“ยินดีที่ได้รู้จักนะหยาด”

สภาพแวดล้อมที่ไม่คุ้นเคย...ก็ไม่ได้แย่เสมอไปสักหน่อย

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel