บท
ตั้งค่า

บทที่ 3 Match

ฉันนั่งวินมอเตอร์ไซค์จากสถานีรถไฟฟ้ามาลงที่ปากซอยทางเข้าบ้าน และทุกครั้งก่อนที่จะเดินกลับบ้าน ฉันจะแวะที่ร้านขายของชำของป้าน้อยก่อน เพื่อซื้อของกินไปให้น้องชายของฉัน ได้บอกไปหรือยังนะว่าฉันมีน้องชายหนึ่งคนชื่อเจเจ หมอนั่นเป็นเด็กหนุ่มจอมกวนประสาทอายุสิบเจ็ด

ฉันอยู่กับน้องชายแค่สองคน อาจต้องเท้าความไปไกล แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องเศร้ามากมายที่จะเล่าไม่ได้ แม่ของฉันเสียหลังจากที่คลอดฉันน่ะ พ่อเล่าให้ฉันฟังว่าแม่ป่วยหนัก หมอห้ามไว้แล้วว่าแม่มีลูกไม่ได้…แต่แม่ฉันค่อนข้างดื้อน่ะ แม่ไม่ฟังที่หมอห้าม ขอร้องให้พ่อปล่อยให้มีฉันขึ้นมา และพ่อก็รักแม่มาก…จนยอมทำตามที่แม่ต้องการ

แม่ฉัน…ตายหลังจากที่ทำคลอดฉัน ญาติหลายคนบอกว่า…เพราะฉันมันเป็นตัวซวย ฉันเป็นเด็กที่เกิดในคืนที่มีพระจันทร์สีเลือด ความเชื่อเก่าแก่เล่าต่อกันมาว่ามันเป็นวันแห่งความโชคร้าย เพราะแบบนั้นแม่ถึงตาย ฉันโตมากับคำพูดเหล่านั้น แต่พ่อก็บอกเสมอว่ามันไม่จริง ไม่มีนักวิทยาศาสตร์คนไหนบอกว่าคืนพระจันทร์สีเลือดเป็นวันไม่ดี ที่จริงแล้วมันก็เป็นแค่ปรากฏการณ์ตามธรรมชาติก็เท่านั้นเอง พ่อบอกว่าฉันคือความโชคดีของพ่อ ฉันเป็นของขวัญ…ที่แม่ทิ้งไว้ให้พ่อก่อนที่จะจากไป

หลังจากที่แม่จากไปไม่นาน พ่อก็มีความรักครั้งใหม่…ซึ่งก็คือแม่ของเจ้าเจเจนั่นเอง แต่โชคร้าย…เมื่อสองปีก่อน พ่อกับแม่เลี้ยงของฉันเกิดอุบัติเหตุครั้งใหญ่ พวกเขาจากไปพร้อมกัน…ทิ้งให้ฉันต้องอยู่กับน้องตามลำพัง แต่ในความโชคร้ายก็ยังมีความโชคดีอยู่บ้าง เพราะตอนนั้นฉันเรียนจบพอดี…และพ่อก็ได้ทำประกันเอาไว้ เราสองพี่น้องจึงพอจะมีเงินจากตรงนั้นมาเลี้ยงตัวเองจนถึงทุกวันนี้

แต่เชื่อสิ…ว่าฉันไม่ได้เศร้าหรอกนะ ฉันเชื่อว่าเราทุกคนเกิดมาเพื่อพบพานและจากไปเมื่อหมดอายุขัยหรือถึงเวลา อย่างน้อย…ถึงฉันจะไม่มีพ่อกับแม่ แต่ฉันก็ยังมีน้องชาย…ฉันไม่เหงาหรอก

“จันทร์เจ้า…วันนี้กลับซะมืดเชียว…” ป้าน้อยทักทาย เมื่อฉันเปิดประตูเข้ามาในร้าน

“วันนี้วันศุกร์…รถไฟฟ้าแน่นทั้งขบวนเลยค่ะ หนูเลยรอให้คนซาแล้วค่อยกลับ” ฉันตอบพร้อมรอยยิ้ม ขณะที่เปิดตู้ไอติม หยิบเอาของโปรดของฉันกับเจเจใส่ตะกร้า

“โถ่…ป้าก็นึกว่าจันทร์เจ้าไปเที่ยวกับแฟนเสียอีก” ป้าน้อยพูดติดตลก แต่นั่นทำให้ฉันแปลกใจขึ้นมา

“หืม? หนูน่ะเหรอคะมีแฟน? ป้าน้อยพูดแปลกๆ นะคะ”

“ไม่มีสิแปลก จันทร์เจ้าออกจะสวย น่ารัก ดูสดใสแถมยังนิสัยดี ขยันทำงานอีกต่างหาก ไม่มีแฟนได้ยังไง?”

“…”

ฉันเงียบ ไม่ได้ตอบอะไรป้าน้อย พอหยิบของที่อยากจะซื้อเสร็จก็จ่ายเงินแล้วออกมาจากร้าน ยังมีคำถามของป้าน้อยวิ่งวุ่นอยู่ในหัว…คำว่าที่ว่า…ฉันไม่มีแฟนได้ยังไง…?

“อ๊ะ!”

ในตอนที่ฉันกำลังเหม่อ เพราะจมอยู่ในความคิด เงยหน้าขึ้นมาอีกทีก็พบว่าฉันเดินชนกับแผงอกของผู้ชายคนหนึ่ง ฉันรีบถอยเท้าออกมาก้าวหนึ่ง ยกมือขึ้นถูหน้าผากตัวเอง ขณะเดียวกันก็เงยหน้าขึ้นมองเขาคนนั้น

พลันหัวใจของฉันเต้นแรงขึ้นมาอย่างน่าตกใจ เขาที่อยู่ตรงหน้าฉันตัวสูงมาก…สูงกว่าทุกคนที่ฉันเคยเจอ ใบหน้าของเขาดูเรียบนิ่ง แววตาดำขลับเพ่งมองมาที่ฉัน ฉันบอกได้คำเดียวว่าเขาหล่อ…ไม่สิ เขาดูสวยงาม ราวภาพวาด เขาเหมือนนักรบสมัยโบราณ รูปร่างสูงโปร่งเหมือนนายแบบ ถ้าเขาไม่เซตทรงผมที่ดูร่วมสมัยหรือสวมสูทสีดำที่ดูมีราคาแพง ฉันคงคิดว่าเขาเป็นนักรบที่ออกมาจากภาพวาดโบราณแล้วล่ะ

“ขะ…ขอโทษค่ะ” ตั้งสติได้ ฉันก็รีบเอ่ยคำขอโทษออกไป แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังคงนิ่ง แค่มองมาที่ฉัน เรียกว่าจ้องมาเลยจะถูกกว่า และสายตาที่เขามองฉัน…มันเหมือนกับว่าเขากำลังไม่พอใจ คิ้วหนาของเขาขมวดจนแทบจะเป็นปมอยู่แล้ว

และเพราะเขาไม่ตอบอะไร ฉันเลยรีบเดินเลี่ยงออกมาจากตรงนั้น พยายามก้าวเท้าให้ยาวและเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ จนในที่สุดฉันก็ถึงบ้าน

“เห้อ!” ฉันถอนหายใจออกมา พลางวางถุงจากร้านชำลงบนโต๊ะในห้องครัว ตอนนี้ฉันยังคงคิดถึงใบหน้าของเขาคนนั้น คนที่ฉันเดินชนที่หน้าร้านป้าน้อย จะบอกยังไงดี…ตัวฉันแข็งทื่อในตอนที่เจอเขา หัวใจเต้นแรงในตอนที่สบตา แล้วฉันก็รู้สึกเย็นยะเยือกไปทุกส่วน…ถึงเขาจะหล่อมาก แต่ก็ดูน่ากลัวยังไงก็ไม่รู้

“ซื้ออะไรมากิน?” เสียงของเจเจทำให้ฉันสะดุ้งตื่นจากภวังค์

“หะ?”

“ผมถามว่าเจ๊ซื้ออะไรมากิน? มีขนมไหม?” ไอ้น้องบ้าเดินเกาพุงเข้ามาใกล้ แต่งตัวเหมือนกำลังจะออกไปข้างนอก หมอนี่…ถึงจะเป็นน้องชายของฉัน แต่เราไม่เหมือนกันเลยสักนิด เพราะเขาตัวสูง ผิดกับฉันที่เตี้ย สูงแค่ร้อยหกสิบห้าเท่านั้นเอง และเขาก็หน้าตาดีเกินไปที่จะเป็นน้องชายฉันด้วย เจเจยกมือขึ้นเสยผมเหมือนรู้ว่าฉันกำลังชมในความหน้าตาดีอยู่ในใจ แล้วคว้าเอาถุงจากร้านชำไปรื้อ ก่อนที่จะเอาไอติมออกมาแกะกินแล้วเดินออกไป

“นั่นมันของพี่นะ!” พอเห็นว่าหมอนั่นเอาไอติมของฉันไปกิน ฉันก็โพล่งขึ้นทันที

“ของใครก็เหมือนกันนั่นแหละ จำที่พ่อบอกไม่ได้หรือไงว่าของในบ้านกินได้หมด”

“นี่!”

“คืนนี้กลับดึกนะ ไม่ต้องโทรตามล่ะ”

“แล้วนายจะไปไหน?!” ฉันตะโกนถาม เมื่อเจเจกำลังจะเดินออกจากบ้าน

“ไม่ต้องรู้หรอก…รู้แค่ว่าไม่ได้ไปทำอะไรไม่ดีก็พอ ไม่ต้องบ่นด้วย” จบคำนั้นเจ้าน้องบ้าก็เดินออกไป ส่วนฉันก็ได้แต่ถอนหายใจออกมา แล้วหันมาสนใจกับของที่ซื้อมา เก็บมันเข้าที่…บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปใส่ในตู้ น้ำเปล่ากับไอติมก็เอาเข้าตู้เย็น เครื่องปรุงก็เก็บเข้าที่ของมัน

ตือดึ๊ง!

เสียงแจ้งเตือนดังขึ้นมาในตอนที่ฉันเก็บของที่ซื้อมาเข้าที่จนหมด ฉันคว้ามือถือจากกระเป๋าออกมาดู แล้วสิ่งที่ได้เห็นกูคือข้อความจาก SmatchY ที่บอกว่ามีคนกด Like ฉัน 137 คน และกด Crazy อีก 34 คน

“อะไรเนี่ย?” ฉันตั้งคำถาม ขณะที่เดินขึ้นชั้นสองมายังห้องนอนของตัวเอง สายตายังคงจับจ้องที่หน้าจอมือถือ ฉันทิ้งตัวลงบนเตียง ไล่ดูว่าใครบ้างที่มากด Like และ Crazy ฉัน

คือถ้าฉันกดกลับไป ก็เท่ากับว่าฉันจะคุยกับพวกเขาได้อย่างนั้นสิ แต่เราไม่รู้จักกันนะ ฉันจะคุยอะไรกับพวกเขาล่ะ? แต่ละคนก็มีแต่คนหน้าตาดีๆ ทั้งนั้นเลย แล้วไอ้ ONS กับ FWB นี่มันคืออะไร? มีหลายคนมากเลยที่กดไลค์ฉัน มีตัวหนังสือสามตัวนั้นอยู่ในช่อง Bio

ฉันออกจากหน้า แอป SmatchY แล้วเข้า อากู๋ ค้นหาในสิ่งที่สงสัย แล้วก็ได้คำตอบ…

ONS = One Night Stand มันคือความสัมพันธ์ชั่วข้ามคืน พบกันเพื่อมีเซ็กส์ จบตรงนั้นก็แยกย้าย ส่วน FWB = Friend With Benefit คือความสัมพันธ์เพื่อนกันมันส์ดี หึย! นี่มันอะไรกันเนี่ย? นี่ฉันกำลังเปิดโลกอยู่หรือไง? ใช่ว่าฉันไม่รู้ว่ามีความสัมพันธ์แบบนี้อยู่บนโลกหรอกนะ แต่คือ…ตัวฉันไม่ได้คิดว่าจะมีอะไรกับใครชั่วข้ามคืนได้จริงๆ น่ะสิ คือไม่ได้บอกว่าคนที่รสนิยมแบบนี้มันผิดหรอกนะ แต่มันแค่…ไม่ใช่สไตล์ของฉันก็เท่านั้นเอง อีกอย่าง…ฉันมีคนที่ชอบอยู่แล้ว ถึงมันจะห่างไกลกับความเป็นไปได้อย่างลิบลับเลยก็ตามเถอะ

ฉันไล่ปัดผ่าน Account ที่มี Bio เป็น ONS และ FWB ไล่ปัดรัวๆ จนเบลอ…แล้วก็พลาดจนได้

“เห้ย!!!” ฉันร้องตกใจ รีบเด้งตัวขึ้นมาจากท่านอนคว่ำเป็นนั่งอยู่บนเตียง ถลึงตามองหน้าจอที่ขึ้นคำว่า Match ตัวใหญ่ๆ ให้ตายเถอะ…นี่ฉันกดพลาด ไปกด Crazy ใครเนี่ย?!

ฉันรีบเปิดเข้าไปดูข้อมูลของเขาอย่างรวดเร็ว แล้วก็ได้พบว่ามันว่างเปล่า เขาไม่ใส่ข้อมูลอะไรเลย แถมยังใช้รูปโปรไฟล์เป็นรูปถ่ายจากด้านหลัง แถมยังมืดจนมองไม่เห็นอะไร ชื่อที่ใช้ก็มีแค่… ‘R’ เท่านั้นเอง

ตือดึ๊ง!

ฉันทำอะไรไม่ถูก เมื่อเสียงแจ้งเตือนดังขึ้นมาอีกครั้ง พอกดดู ก็ได้เห็นว่ามันคือแชทจาก ‘R’ ที่ฉันเพิ่ง Match ไปเมื่อสองนาทีก่อน

R : ชอบเพลงของวง Queen หรือไง?

เขาไม่มีเกริ่นนำ ไม่ Say Hi หรืออะไรทั้งนั้น ไม่ถามชื่อฉันด้วย เปิดมาเขาก็ถามเรื่องเพลง คนที่เล่น SmatchY เขาเป็นแบบนี้กันเหรอ? ฉันลังเลที่จะตอบเขา แต่ก็คิดได้ว่ามันเสียมารยาทถ้าไม่ตอบ เพราะเขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าฉันแค่กดพลาด เราถึงได้ Match กัน

JanJao : อื้ม

R : เกิดทันหรือไง?

ว้อท?!

ต้องเกิดทันด้วยเหรอฉันถึงจะชอบเพลงวง Queen ได้?! ไอ้หมอนี่…กวนประสาทเป็นบ้า!

- JanJao End -

โรลส์ รอยซ์ สีดำคันหรู จอดอยู่ที่หน้าบ้านหลังเล็ก เขาในชุดสูทสีดำซึ่งนั่งอยู่ด้านใน เพ่งมองหน้าจอมือถือของตัวเอง สายตาจับจ้องไปยังข้อความที่คุยโต้ตอบผ่าน SmatchY เขากำลังรอคำตอบของเธอ

แต่ผ่านไปแล้วกว่าสิบนาที ก็ไม่มีวี่แววที่เธอจะตอบกลับมา ราวกับว่าเขาถูกปฏิเสธ ราวกับว่าเธอไม่ต้องการจะคุยกับเขา และเพราะแบบนั้น…ความรู้สึกไม่พอใจจึงเริ่มทำงาน ขณะเดียวกันสายเรียกเข้าก็ดังขึ้นมาขัดอารมณ์ขุ่นเคืองของเขา

“อืม” เขารับสายนั้นด้วยเสียงทุ้มต่ำ

[ฉันส่งข้อมูลส่วนตัวของเด็กผู้หญิงคนนั้นเข้าอีเมลของบอสแล้วนะคะ]

“อืม”

[แต่ถ้าให้เดา…ฉันว่าบอสเจอเธอแล้ว]

“อืม”

[เป็นยังไงคะ? ใช่เธอไหม…คนที่บอสกำลังตามหา]

“อาจใช่…” ที่เขาตอบได้แบบนั้น เป็นเพราะชายหนุ่มผู้มีอายุสามร้อยสามสิบปีผู้นี้ เพิ่งได้เจอกับเธอแบบระยะประชิดที่หน้าร้านขายของชำ และเธอเป็นคนแรก…ที่เขาอ่านใจไม่ออก และไม่ได้ยินเสียงความคิดของเธอ

[จะเอายังไงคะ?]

“บล็อก Account ของเธอใน SmatchY อย่าให้มีใครเห็นเธอ ให้มีแค่ฉันคนเดียวที่คุยกับเธอได้” จบคำสั่งนั้นรามิลก็วางสายในทันที

“ฉันเจอเธอแล้ว…หลังจากนี้เธอต้องเป็นของฉัน คนเดียวที่เธอจะรัก…ต้องเป็นฉันเท่านั้น…จันทร์เจ้า”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel