บท
ตั้งค่า

บทที่ 2 ตามหา

SmatchY

การทำงานของ SmatchY แตกต่างจากที่ The Box โดยสิ้นเชิง ที่นี่ทุกอย่างต้องเป็นไปตามแบบแผน ออฟฟิศคือที่ทำงาน ไม่ใช่บ้าน ความเป็นครอบครัวหรือความเป็นกันเองจึงไม่เกิดขึ้นที่นี่ ทุกคนมาทำงานตามที่ได้รับมอบหมาย ทำงานเสร็จก็แยกย้ายกลับบ้าน ไม่มีคำว่าช่วยเหลือ ไม่มีคำว่าขอร้อง ทุกคนอยู่กันแบบตัวใครตัวมัน ซึ่งบางครั้งอาจต้องยอมรับว่าการที่องค์กรมีวัฒนธรรมตัวใครตัวมัน ทำให้งานหลายชิ้นหรือเกือบทุกชิ้นเสร็จสิ้นตามเป้าหมายและประสบความสำเร็จอย่างไม่น่าเชื่อ

SmatchY ก่อตั้งขึ้นเมื่อห้าปีก่อน หลังจากที่ รามิล ผู้เป็นเจ้าของได้กลับมาจากต่างประเทศ แน่นอนว่าเขาเพิ่งมีตัวตนขึ้นมาเมื่อห้าปีก่อนจนถึงปัจจุบัน ซึ่งก่อนหน้านี้ตัวตนของเขาไม่ใช่อย่างที่ทุกคนรู้จัก และใช่…เขาดูเหมือนชายหนุ่มนักธุรกิจวัยสามสิบปี แต่แท้จริงแล้วเขาคือผู้เป็นอมตะที่ดำรงอยู่บนโลกใบนี้มานานถึงสามร้อยสามสิบปี

ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าเขาคือจอมโจรซาตานที่ต้องคำสาปจากสรวงสวรรค์ ที่ต้องอยู่อย่างทุกข์ทนมากว่าสามศตวรรษ เขาย้ายถิ่นที่อยู่ในทุกๆ สิบปี เพื่อไม่ให้ผู้คนจับสังเกตได้ว่าเขาไม่แก่ขึ้นเลยแม้แต่น้อย และทุกสิบปีนั้นเขาก็เลือกที่จะเปลี่ยนชื่อ เปลี่ยนตัวตนไปต่างๆ นานา ซึ่งครั้งนี้เขากลับมาเมืองไทยอีกครั้งในรอบห้าสิบปี แต่กลับเลือกใช้ชื่อจริง แล้วก่อตั้ง SmatchY ขึ้นมา เพื่อชดใช้ในสิ่งที่เขาเคยก่อ

อย่างที่นางฟ้านางสวรรค์นามว่าฮยาซินธ์ได้เคยบอกไว้ หากว่าเขายังตามหาหญิงสาวผู้ที่จะมาปลดปล่อยเขาไม่ได้ เขาก็ต้องสร้างการเกิดใหม่ เป็นความหวัง มีส่วนร่วมกับความรักของมนุษย์ เพราะมันคือทางเดียวที่จะทำให้ความเป็นอมตะของเขาจบสิ้นลง ทว่า…ต่อให้เขาพยายามมากแค่ไหน ก็เหมือนว่ามันจะสูญเปล่า เขาทำให้ผู้คนรักกันมานับไม่ถ้วน ทำให้มนุษย์เกิดใหม่มาเกินกว่าจะนับได้ในตลอดสามร้อยปี แต่ถึงอย่างนั้น…ความเป็นอมตะของเขาก็ยังคงเดิม

ใช่ว่าเขาจะไม่เคยตามหาหญิงสาวที่เกิดในคืนพระจันทร์สีเลือด เขาตามหาเธอมาตลอด เจอมาแล้วมากกว่าสิบคน แต่เธอเหล่านั้นไม่ใช่คนที่จะมาปลดปล่อยเขา เพราะแม้จะทำให้เธอรัก ทำให้เธอพร้อมจะมอบชีวิตให้ แต่ก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง เขายังคงได้ยินเสียงหัวใจของพวกเธอ ได้ยินสิ่งที่เธอคิด อ่านออกได้อย่างชัดเจนว่าเธอคิดอะไร และได้รู้ว่าพวกเธอไม่ได้รักเขาด้วยหัวใจอันบริสุทธิ์ คนหนึ่งรักเพราะเขาหล่อเหลาปานเทพบุตร คนหนึ่งรักเพราะเขามากด้วยสมบัติ คนหนึ่งรักเพราะเขาทำดีแก่เธอให้ผลประโยชน์แก่เธอ ราวกับว่า…หญิงสาวที่จะมาปลดปล่อยเขานั้นไม่มีอยู่จริง

การต้องอยู่บนโลกใบนี้มานอนกว่าสามร้อยปีโดยที่ได้ยินเสียงความคิดของผู้อื่นอยู่ตลอดเวลา ทำให้รามิลเลือกที่จะออกห่างจากผู้คน เพราะความคิดของผู้คนทำให้เขาเหนื่อย การได้ยินมัน…ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ มันน่ารำคาญ สกปรก และโหดร้าย เขาเกลียดมัน…เกลียดการได้ยินความปรารถนาเหล่านั้น เกลียดที่ต้องทนฟังกิเลสอันปนเปื้อนของมนุษย์เต็มทน

ก๊อก ก๊อก ก๊อก

เสียงเคาะประตูดังขึ้น ไม่ต้องส่งเสียงอะไรออกมา รามิลก็รับรู้ได้ว่าใครเป็นคนเคาะประตู รับรู้ได้ผ่านความคิดในหัวของเธอ

“เข้ามา” เสียงทุ้มต่ำเปล่งออกไป ก่อนที่ประตูห้องจะถูกเปิดออก แล้วร่างบางพร้อมแฟ้มเอกสารก็เดินเข้ามาในห้องทำงาน

“นี่เป็นรายชื่อของเด็กที่บอสให้ฉันตามหาค่ะ” โซเฟีย เลขาส่วนตัวของรามิล เธอทำงานให้เขามายี่สิบปี ตั้งแต่ตอนที่เธออายุยี่สิบ จนปัจจุบันปาเข้าไปสี่สิบปี แน่นอนว่าเธอไม่เคยถาม…ไม่เคยตั้งคำถามเลยแม้แต่ครั้งเดียวว่าทำไมเจ้านายของเธอไม่เคยแก่ขึ้นเลย นั่นเพราะเธอรู้ว่าเขาเป็นใคร…รู้มาตั้งแต่แรก เพราะเขาคือคนที่เลี้ยงดูเธอขึ้นมา ในตอนที่มารดาชาวทิเบตของเธอสิ้นลมหายใจตอนทำคลอดเธอ

“…” รามิลไม่เอ่ยอะไร ทำเพียงเปิดดูข้อมูลของเด็กเพิ่งเกิดที่เกิดในคืนพระจันทร์สีเลือดที่ผ่านมา

“เด็กที่เกิดใหม่มีราวสองพันคน แต่ถ้าเจาะจงเฉพาะเวลาเที่ยงคืนก็มีสามคนค่ะ คนหนึ่งอยู่ที่จีน อีกคนที่ฝรั่งเศส แล้วคนสุดท้ายก็ที่เมืองไทยนี่เองแต่ทั้งหมดเป็นผู้ชาย…”

“พลาดไปอีกปี…” เขาถอนหายใจออกมา

“แต่…”

“?” รามิลได้ยินในสิ่งที่โซเฟียคิด เขาไม่เคยบอกใครว่าเขาได้ยินมัน เพียงเงยหน้าขึ้นมองเธอ

“ยี่สิบสี่ปีก่อน เราพลาดไปคนนึงค่ะบอส มีเด็กผู้หญิงคนหนึ่งเกิดในคืนพระจันทร์สีเลือด เวลาเที่ยงคืนตรง…แต่เพราะแม่ของเธอสิ้นใจทันทีที่คลอดเธอออกมา เลยทำให้ไม่มีเวลาไปแจ้งเกิด เราเลยไม่ได้รับข้อมูลนั้น…พอกลับมาที่นี่ ฉันเลยลองเช็กดู”

“เธอเป็นใคร? แล้วอยู่ที่ไหน?”

- JanJao -

ร้านจิ้มจุ่มรสเด็ด

หลังเลิกงานฉันและเพื่อนร่วมงานอีกสามคนก็พากันมากินจิ้มจุ่มที่อยู่ข้างทาง บนทางเท้าปากซอยออฟฟิศ เรากินกันอย่างดุเดือด จนเซตแรกหมดไป ก็สั่งเซตที่สองมาต่อทันที แล้วตอนนี้ผักบุ้งที่กลัวอ้วนก็หยุดกินแล้ว ส่วนมิ่งขวัญก็เริ่มอิ่ม สองคนนั้นเลยหยิบมือถือขึ้นมาเล่น แอปพลิเคชันยอดฮิตที่ชื่อว่า SmatchY มีแค่ฉันกับอุ๋งอิ๋งที่ยังคงกินอยู่ ฉันน่ะอิ่มแล้วล่ะ แต่ที่ยังกินอยู่ก็เพราะเสียดาย ส่วนอุ๋งอิ๋งน่ะเหรอ? ยัยนี่กินจุมาก กินไปตั้งเยอะแล้วยังบอกว่าหิวอยู่เลย

“แกๆ ไอ้บุ้งๆ คนนี้ดีมาก…” มิ่งขวัญทำเสียงวี้ดว้ายตามประสา ก่อนจะยื่นหน้าจอไปให้ผักบุ้งดู

“ดีจริงว่ะ แบบนี้ก็กด Crazy ไปเลยสิ” ฉันนั่งมองเพื่อนสองคนคุยกัน บอกเลยว่าไม่เข้าใจเลยสักนิด

“นี่…” แล้วอุ๋งอิ๋งที่นั่งกินไม่หยุด ก็สะกิดฉัน

“หืม?”

“ไปเข้าห้องน้ำกับฉันหน่อย” พอฉันลุกตามอุ๋งอิ๋งมา ยัยนั่นก็หยิบบุหรี่ขึ้นมาจุดสูบ แทนที่จะเดินไปเข้าห้องน้ำที่อยู่ในปั๊มน้ำมันข้างๆ

“แกสูบบุหรี่ด้วยเหรอ?” ฉันถามอย่างแปลกใจ เพราะตลอดหกเดือนไม่เคยเห็นอุ๋งอิ๋งสูบบุหรี่มาก่อนเลย

“เคยสูบ เลิกสูบไปแล้วด้วย แต่ตอนนี้…กลับมาสูบแล้ว เอาไหม?” ยัยนั่นยื่นบุหรี่มาให้ฉัน แล้วฉันก็รีบส่ายหน้าทันที

“ไม่เอา…”

“แอปนั่นอะ” อุ๋งอิ๋งทำหน้าเครียด “SmatchY ที่ไอ้บุ้งกับไอ้มิ่งกำลังเล่นอยู่ จริงๆ แล้วฉันรู้จักมัน”

“…” ฉันเงียบเพราะอยากจะตั้งใจฟังที่อุ๋งอิ๋งพูด

“ก่อนที่จะมาทำงานที่ The Box ฉันเคยทำงานที่ SmatchY มาก่อน แต่แค่สามเดือนก็ต้องออกเพราะไม่ผ่านโปร”

“ที่นั่นโหดมากเลยเหรอ? แกทำงานเก่งจะตาย จะไม่ผ่านโปรได้ยังไง?” ฉันมองควันสีขาวขุ่นที่พ่นออกมาจากปากของอุ๋งอิ๋ง

“เคยได้ยินว่าก่อนจะผ่านโปร พนักงานทุกคนก็ต้องเข้าไปพบกับคุณรามิล เจ้าของน่ะ แค่ไปนั่งเฉยๆ ให้เขามอง จากนั้นก็ได้รับข่าวดีหรือข่าวร้ายตามมา ซึ่ง…ฉันก็ทำแบบนั้น ฉันเข้าไปที่ห้องทำงานเขา นั่งให้เขาจ้องหน้า แล้วคำตอบก็ออกมาจากปากเขาเลยว่าฉันไม่ผ่าน…” อุ๋งอิ๋งแสยะยิ้ม สูบควันบุหรี่เข้าปอดเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะก้มลงพื้น จี้ดับไฟ แล้วโยนก้นบุหรี่ลงถังขยะ

“ทำไมล่ะ? เขาไม่บอกเหตุผลเหรอ?” ฉันถามด้วยความสงสัย

“ฉันไม่แน่ใจว่านั่นเป็นเหตุผลไหม แต่เขาบอกว่าฉัน…กบฏน่ะสิ”

“หะ?! กบฏเหรอ?” ฉันนิ่วหน้าอย่างไม่เข้าใจ

“อืม…เขาพูดมาแค่นั้น แล้วก็ให้ฉันออก แค่นี้แหละที่ฉันจะเล่า…แล้วแกน่ะ ไม่ต้องไปบอกสองคนนั้นล่ะว่าฉันเคยทำงานที่ SmatchY”

“อ้อ…อืม ฉันไม่พูดหรอก ว่าแต่…แบบนี้แกก็ต้องเคยเห็นหน้าคุณรามิลน่ะสิ คนที่มิ่งบอกว่าหล่อปานฟ้ามาดินนั่นอะ”

“อืม ก็หล่ออย่างที่มันว่านั่นแหละ โคตรหล่อ แต่ก็โคตรแปลก แค่อยู่ใกล้ก็รู้สึกเย็นวาบไปทั้งตัว บอกเลย…ว่าเขาเป็นหมือนฝันร้าย”

“ฝันร้ายเหรอ? คนหล่อๆ รวยๆ จะเป็นเหมือนฝันร้ายได้ยังไง?”

“เหอะ! ไว้ถ้าแกได้เจอเขา…เดี๋ยวก็รู้เองนั่นแหละ”

“แล้วฉันจะไปเจอเขาได้ยังไง? หน้าเขาที่ทุกคนบอกว่าหล่อ ฉันยังไม่เคยเห็นเลย แอปของเขา…ฉันก็ยังไม่ได้เล่นด้วยซ้ำ” ฉันพูดขณะที่เดินเคียงข้างอุ๋งอิ๋งกลับมาที่โต๊ะ ผักบุ้งและมิ่งขวัญก็ยังคงสไลด์ปาดหน้าจอไม่เลิก

“เห้ยๆ คนนี้ก็ดี…โอ๊ย! เขาชอบหนังรัก ชอบกินกาแฟ ชอบเพลงแจ๊ซ เหมือนฉันเลยว่ะ เราต้องเป็นเนื้อคู่กันแน่ แบบนี้ต้องกด Crazy!” ฉันถอนหายใจออกมา เมื่อมิ่งขวัญดูจะมีความสุขกับเรื่องง่ายๆ

“นี่! พวกแกสองคนไปไหนกันมา? ชอบชิ่งเวลาจ่ายตังค์ทุกทีเลยนะ” แล้วผักบุ้งก็ถลึงตาใส่ฉันกับอุ๋งอิ๋ง

“ปะ…เปล่าสักหน่อย ฉันแค่…ไปเข้าห้องน้ำเป็นเพื่อนอุ๋งอิ๋งน่ะ เท่าไหร่ล่ะ?” ฉันรีบแก้ตัวพลางหยิบกระเป๋าตังค์ขึ้นมา

“ชิ! ช่างเถอะ มื้อนี้ฉันเลี้ยงเอง…เพราะฉันเพิ่ง match กับหนุ่มเกาหลีสุดฮ็อตมา” ผักบุ้งพูดในสิ่งที่ฉันฟังไม่เข้าใจอีกแล้ว พอหันไปหาอุ๋งอิ๋ง ยัยนั่นก็ยักไหล่ทำไม่รู้ไม่ชี้

“มันคืออะไร?”

“โอ๊ะ! ก็แอปเดตที่ฉันเล่าให้แกฟังไง”

“ฉันรู้ แต่ฉันไม่เข้าใจไง Crazy คืออะไร แล้ว match อีก” ฉันทำหน้างง

“เห้อ! เอามือถือแกมา…” ผักบุ้งยื่นมือมาขอมือถือจากฉัน แล้วฉันก็หยิบมันให้นางอย่างเชื่อฟัง ไม่ลืมที่จะปลดล็อกรหัสให้ด้วย แล้วนางก็ทำอะไรสักอย่างกับมือถือฉัน พร้อมกับย้ายฝั่งมานั่งข้างๆ ฉันด้วย

“โหลดเสร็จแล้ว คราวนี้ก็ใส่ข้อมูล…”

“นี่แกโหลดแอปนี้มาให้ฉันทำไม? ฉันไม่ได้อยากเล่นสักหน่อย” ฉันนิ่วหน้ามองผักบุ้งที่เอามือถือของฉันไปโหลด SmatchY อย่างถือวิสาสะ

“ถ้าแกเล่นเป็น แกจะได้ฟังที่ฉันคุยกับมิ่งขวัญรู้เรื่องไง แล้วคนโสดขี้เหงาอย่างแกน่ะ…ถ้าได้รู้จักกับ SmatchY แล้ว แกจะไม่สัมผัสคำว่าเหงาอีกต่อไป”

“ฉันบอกตอนไหนว่าเหงา?”

“แววตาแกมันฟ้อง…อะๆ มาใส่ข้อมูลแกกันดีกว่า…” ว่าแล้วผักบุ้งก็เริ่มกรอกข้อมูลของฉันลงไปในแอป อันไหนที่นางไม่รู้ นางก็ถามฉัน เรานั่งกรอกข้อมูลของฉันไปตามขั้นตอน ก่อนที่จะมาถึงช่องให้ใส่รูปภาพ

“ต้องใส่รูปด้วยเหรอ?” ฉันถาม

“เอ้า! ก็ต้องใส่สิยะ! เห็นแค่ชื่อกับเพลงที่ชอบ ไม่สามารถทำให้ผู้ชายเขา Crazy แกได้หรอกนะ” Crazy อีกแล้ว ฉันเจอคำนี้อีกแล้ว

“งั้นเอารูปหันหลังได้ไหม?”

“นี่! จันทร์เจ้า…หน้าสวยๆ ของแกเนี่ย จะเก็บไว้ให้ใครดูไม่ทราบ? เอาออกมาโชว์หน่อย เอารูปนี้!” แล้วผักบุ้งก็จัดการเลือกรูปถ่ายที่ฉันยิ้มสดใส จากนั้นยัยนั่นก็เริ่มสอนฉันเล่น เริ่มตั้งแต่…

แอปพลิเคชันจะประมวลหาเพศตรงข้ามหรือเพศที่เราสนใจมาให้ โดยการคัดสรรจากสิ่งที่ชอบ ลักษณะนิสัย จากนั้นก็จะมีผู้คนมากมายที่เข้าข่ายสเปคของเราขึ้นมา เราคัดสรรพวกเขาผ่านรูปโปรไฟล์ ถ้าไม่ชอบก็แค่กดผ่าน แต่ถ้าชอบเฉยๆ พอประมาณก็กด Like แน่นอนว่าถ้าชอบมาก บ้าคลั่งสุดๆ อยากได้จนทำอะไรไม่ถูกให้กด Crazy ซึ่งทั้งหมดนั้นเป็นการกระทำของเราฝ่ายเดียว เราต้องรอให้อีกฝ่ายกด Like หรือกด Crazy เราด้วย ถึงจะ Match กัน แล้วจะมีช่องทางให้สื่อสาร แชทตอบโต้กันได้

ทั้งนี้ทั้งนั้น SmatchY ไม่เหมือนแอปพลิเคชันอื่นๆ ตรงนี้เราสามารถเห็นได้ว่า มีใครบ้างที่กด Like หรือ Crazy เรา โดยที่ไม่ต้องซื้อบัตรพรีเมียม มันเลยทำให้คนที่ทำงานอย่างฉันเกิดความสงสัยว่าแล้วผู้พัฒนาแอปพลิเคชัน อย่างคุณรามิล เขาเอารายได้มาจากไหนกันล่ะ? ในเมื่อผู้คนที่ใช้ SmatchY ราวๆ สิบล้าน Account ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายอะไรเลย

คำตอบคือ

“คุณรามิลเคยพูดไว้ตอนก่อตั้งแอปใหม่ๆ ว่า…SmatchY เป็นเหมือนกามเทพที่ทำให้ผู้คนได้พบรักและมีความสุข และกามเทพจะไม่คิดเงินมนุษย์” นั่นคือสิ่งที่มิ่งขวัญบอกฉัน

“แต่มันแปลก…เขาจะทำแอปนี้ขึ้นมา โดยที่ไม่ได้ผลประโยชน์อะไรเลยจริงๆ เหรอ?” แต่ถึงอย่างนั้นฉันก็ยังสงสัยอยู่ดี

“คนรวยก็แบบนี้แหละ ฉันไม่เห็นสงสัยเรื่องนั้นเลย เพราะฉันว่าเขาคงมีธุรกิจอื่นคอยซัพพอร์ต ที่ฉันสงสัยก็คือ…คุณรามิลจะเล่น SmatcY ไหมนะ?” ผักบุ้งทำหน้าเพ้อฝัน

“เขาไม่เล่นหรอก ฉันว่าเขาต้องมีเมียแล้วแน่ๆ” มิ่งขวัญว่า

“บ้า! ฉันว่าเขายังไม่มีหรอก” ผักบุ้งแย้ง

“เขาทั้งหล่อ รวย เพอร์เฟคทุกกระเบียดนิ้ว จะไม่มีเมียได้ยังไง? จะมีผู้หญิงคนไหนที่อยู่ใกล้กล้าปล่อยให้เขาหลุดมือไปเหรอ?” ฉันถอนหายใจออกมาอีกครั้งเมื่อเพื่อนทั้งสองเริ่มเถียงกัน

“เขาไม่ได้เพอร์เฟคอย่างที่พวกแกคิดหรอก” แล้วอุ๋งอิ๋งก็พูดขึ้นมา “เท่าที่รู้เขาไม่มีเมีย…และเจ้าของแอปอย่างเขา ต้องเล่นแอปที่ตัวเองสร้างอยู่แล้ว เลิกเถียงกันสักทีเถอะ…”

นั่นสิ…อันนี้ฉันก็เห็นด้วยกับอุ๋งอิ๋งนะ แต่มันไม่ใช่เรื่องที่คุณรามิลคนนั้นจะเล่นแอปที่เขาสร้างไหมหรอกนะ มันเป็นเรื่องที่ว่า…เขาอาจจะไม่เพอร์เฟค เพราะฉันว่า ไม่มีอะไรบนโลกใบนี้ที่สมบูรณ์แบบไปหมดทุกอย่างหรอก…

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel