บทย่อ
เขา รอคอย เธอ มานานถึงสามร้อยปี เพื่อจะขอความรักจากเธอ สิ่งเดียวที่เขาต้องการคือความรักอันแสนบริสุทธิ์ของเธอ หญิงสาวหนึ่งเดียวในจักรวาลที่จะปลดปล่อยเขาได้ “ทำไม?! ทำไมฉันที่เป็นแฟนจะเข้าใกล้เธอไม่ได้? แบบนั้นแล้วจะเป็นแฟนกันทำไม?!” “นั่นสิคะ?! หนูก็อยากรู้เหมือนกัน…ว่าเราเป็นแฟนกันทำไม? ในเมื่อ…พอหนูบอกว่าชอบคุณรามิลมาก คุณกลับทำเหมือนไม่อยากได้ยินมันด้วยซ้ำ ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้คุณบอกอยู่ตลอดว่าจะทำให้หนูรักคุณให้ได้…นี่มันอะไรคะ? รู้ไหมว่าหนูสับสน…” “…” “ถ้าไม่มีคำตอบ…ก็กลับไปเถอะนะคะ มีคำตอบเมื่อไหร่ก็ค่อยโทรมาแล้วกัน…” หมั่บ! “อ๊ะ!” “คะ…คุณรามิล! ปล่อยหนูนะคะ! หนูบอกว่าห้ามเข้าใกล้หนูไง!” จุ๊บ! จ๊วบ! “ฮึก! ไม่นะ…ไม่เอา! อย่ามาทำมักง่ายกับหนูนะคะ…” “มักง่ายตรงไหน? ฉันกำลังง้อเธออยู่…ง้อเธอด้วยร่างกายไง…”
บทนำ
บทนำ
หากมีคนเชื่อว่าพระเจ้านั้นมีอยู่จริง ย่อมต้องเชื่อว่าซาตานก็มีจริงเช่นกัน ย้อนกลับไปเมื่อสามร้อยปีก่อน ณ ดินแดนอันแห้งแล้งและเวิ้งว้าง มีชายผู้หนึ่งได้รับการขนานนามว่า ‘จอมโจรซาตาน’ เพราะเขานั้นโหดเหี้ยมเหลือคณานับ ไม่มีครั้งใดที่ปลายดาบคมกริบเล่มนั้นจะไม่เปื้อนเลือด เขาไร้นาม…ไม่มีใครล่วงรู้ชื่อของเขา ใบหน้าภายใต้ผ้าคลุมสีดำนั้นเป็นเช่นไร ก็ไม่อาจมีใครรู้ได้…เพราะเขาเหล่านั้นไม่มีอายุยืนยาวพอที่ได้เห็นมัน
ว่ากันว่าเขาเป็นบุตรของซาตาน บ้างว่าเขาเป็นเพียงลูกชาวนาจนๆ ที่ออกปล้นเพื่อหาอาหารและเงินทองไปจุนเจือครอบครัว หากมีเพียงเสียงหนึ่งที่บอกว่าเขาเป็นผู้เสพความตาย เขาไม่ใช่มนุษย์เฉกเช่นเรา เขามาเพื่อปลิดชีพและสูดดมความหอมหวนของกลิ่นคาวเลือด ผู้คนต่างเล่าขานถึงเขาไปต่างๆ นานา แต่ไม่มีใครเคยรู้ว่าที่จริงแล้ว จอมโจรซาตาน ผู้นี้เป็นใครกันแน่
จอมโจรผู้เลื่องชื่อ เขาฆ่าฟันนานับร้อยพันชีวิต ไร้หัวใจ ไม่เคยปราณีใครหน้าไหนทั้งนั้น หากคนที่อยู่ตรงหน้าคือศัตรู ต่อให้เป็นเด็ก หญิงสาว หรือแม้แต่ผู้ชรา เขาพร้อมที่จะลงดาบบั่นคอให้ขาดสะบั้น กลิ่นเลือดและเสียงกรีดร้องของความเจ็บปวดและความกลัวคือสิ่งที่เขาโปรดปราน ทุกครั้งที่เขาย่างก้าวเข้าสู่พื้นดินใด จะต้องมีคนตาย ผ่านไปนับสิบปี…ไม่เคยมีใครเอาชนะหรือแม้แต่จับตัวเขาได้ นานวันผู้คนก็ยิ่งได้รู้ว่าเขาไม่ได้ปล้นเงิน ปล้นทอง หากเป็นปล้นชีวิต แต่เมื่อได้ไตร่ตรองดูให้ดีแล้ว คนที่ล้มตายด้วยคมดาบของเขา ล้วนเป็นคนเลว ที่ทำชั่วหรือผู้ที่เกี่ยวข้องด้วยกันทั้งนั้น และเพราะแบบนั้น…จอมโจรผู้นี้จึงเป็นเหมือนศาลเตี้ยให้ยุคสมัยนั้น และราวกับว่าเขาได้ฆ่าจนพอใจ…ปลิดชีพจนรู้สึกเบื่อที่จะทำ เขาจึงเลือกที่จะหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย
และเรื่องราวช่างน่าประหลาดใจก็ได้เริ่มขึ้น เมื่อในคืนวันพระจันทร์สีเลือด มีชาวบ้านกลุ่มหนึ่งพากันออกมาตั้งแท่นบูชาจอมโจรผู้นี้ แทนที่จะเป็นการขับไล่ เกรงกลัว หรือเกลียดชัง เมื่อชาวบ้านได้รู้ว่าที่จริงแล้วจอมโจรจะปลิดชีพเฉพาะคนเลว พวกเขาจึงเลือกที่จะเลื่อมใสบูชาและกราบไหว้ คนที่ได้ชื่อว่าเป็นโจรปล้นชีวิต เรียกร้องให้จอมโจรกลับมาปกป้องพวกเขา เพราะเมื่อจอมโจรหายไป โจรเล็กโจรน้อยก็กลับมาปล้นเงิน ปล้นทองอีกครั้ง ชาวบ้านกำลังต้องการที่พึ่งพิง และคนเดียวที่พวกเขานึกถึงก็คือจอมโจรซาตาน
ขณะที่ชาวบ้านกำลังทำพิธีเรียกจอมโจรซาตาน ตัวเขาเองกำลังเดินทางไกลอยู่บนผืนทะเลทรายอันแห้งแล้งที่อยู่อีกซีกโลก ร่างกายของเขากำลังอ่อนแอเพราะขาดน้ำ เรี่ยวแรงที่เคยมีมากมายก็กำลังร่อยหรอลงทุกที ราวกับว่าเขากำลังจะตาย การเดินทางที่แสนยาวไกลกำลังจะนำพาเขาให้หลุดพ้นออกจากวังวนชีวิตที่แสนอ้างว้าง
ตุบ!
ร่างอันกำยำร่วงลงไปนั่งคุกเข่าลงบนพื้นทราย รอยยิ้มผุดขึ้นที่มุมปากของเขา จอมโจรรับรู้ได้ในทุกอณูของร่างกายว่าเขากำลังจะตายในอีกไม่ช้า…และนั่นคือสิ่งที่เขาต้องการมาตลอด ความตายจะปลดปล่อยเขา ความตายจะนำพาเขาไปยังที่ที่ต้องการ ต่อให้เป็นนรกหรือสวรรค์ เขาไปได้ทั้งนั้น ขอเพียงไม่ใช่…โลกมนุษย์ที่แสนน่ารังเกียจแห่งนี้ก็เป็นพอ
“ฮึก!”
ลมหายใจของเขาเริ่มโรยริน ไม่อยากเชื่อว่าการขาดน้ำ ขาดอาหารจะปลิดชีวิตเขาได้ ตลอดทั้งชีวิตที่ผ่านมา เขาผ่านคมดาบมามากมาย แต่ไม่เคยเจ็บเจียนตายเช่นนี้เลยแม้แต่ครั้งเดียว เขาหลับตาลงช้าๆ ยินดีที่จะได้พานพบกับความตาย…เขารอเวลานี้มานานเหลือเกิน
ทว่า
ขณะที่คิดว่าลมหายใจเฮือกสุดท้ายกำลังจะหมดลง ทันใดนั้นก็เกิดลมพัดไหว ก่อนที่จะมีแสงสว่างสีขาวปรากฏตรงหน้าเขา ตามมาด้วยหญิงสาวเจ้าของใบหน้างดงามอย่างน่ามหัศจรรย์ เธอมาในชุดสีขาวพลิ้วไหว มีปีกกวัดไกวอยู่ด้านหลัง ในมือของเธอถือดอกฮยาซินธ์สีฟ้า
“โอ้! ข้ามาได้ทันเวลา เจ้ายังไม่ตาย” หญิงสาวที่ลอยลงมาจากฟากฟ้าเอ่ยด้วยรอยยิ้ม
“จะ…เจ้าเป็นใคร?!” จอมโจรนิ่วหน้าถามถึงสิ่งที่อยู่ตรงหน้า แน่นอนว่าเขารู้แจ้งแก่ใจว่าเด็กสาวผู้นี้ไม่ใช่มนุษย์ธรรมดา
“ถามได้ดี…ข้ามีนามว่าฮยาซินธ์ ข้าเป็น…อืม…” หญิงสาวกลอกตาคิด ก่อนจะยิ้มกว้างออกมา และมันเป็นรอยยิ้มที่งดงามที่สุดที่จอมโจรเคยได้พบ “พวกมนุษย์…มักเรียกข้าว่านางฟ้า”
“หึ! ฮึก! นางฟ้าไม่มีจริง เทวดาก็เป็นแค่นิทานหลอกเด็ก!” จอมโจรแสยะยิ้ม
“งั้นแล้วเจ้าคิดว่าข้าเป็นใครล่ะ?”
“ภาพลวงตา!” เขาตอบ ก่อนจะพยายามหยัดกายให้ลุกขึ้น ทว่า…แม้จะงัดพลังกายออกมามากเพียงใด เขาก็ไม่อาจบังคับให้ตัวเองลุกขึ้นยืนได้ “ฮึก! ภาพลวงตาของคนใกล้ตาย!!”
“ภาพลวงตางั้นหรือ? อาจใช่…ข้าอาจเป็นภาพลวงตาก็ได้ ถ้าหากว่าเจ้าต้องการให้เป็นเช่นนั้น แต่…เจ้าไม่ใช่คนที่ใกล้ตายหรอกนะ…รามิล…”
“จะ…เจ้ารู้ชื่อของเข้าได้ยังไง?!” จอมโจรผู้มีนามว่า รามิล แปลกใจไม่น้อยเลยทีเดียว เพราะคนที่รู้ชื่อที่แท้จริงของเขาได้ตายไปหมดแล้ว
“ข้าก็รู้ทุกอย่างบนโลกนี้นั่นแหละ ข้ารู้ว่าเจ้าชื่อรามิล รู้แม้กระทั่งว่าเจ้าเป็นใคร รู้ว่าที่เจ้าออกไปไล่ล่าฆ่าคนเป็นเพราะอะไรด้วย ข้ารู้หมดนั่นแหละ” สาวน้อยยกยิ้ม ก่อนที่ปีกของเธอจะหุบลงช้าๆ จนหายไปในที่สุด เธอก้าวเดินมาตรงหน้าจอมโจร ยื่นมือไปลูบแก้มตอบของเขาช้าๆ
“…”
“ข้ารู้เพราะข้าเฝ้าดูเจ้ามาตลอด…”
“เจ้าเป็นใครกันแน่?!”
“ข้าบอกเจ้าไปแล้ว…บอกให้อีกก็ได้ ว่าข้าเป็นดอกฮยาซินธ์ในสวนพฤกษาของผู้ยิ่งใหญ่บนสรวงสวรรค์ ข้าเกิดมาจากดอกไม้ดอกนี้…” ฮยาซินธ์ยื่นดอกไม้ในมือให้รามิลดู “มาเข้าเรื่องกันดีกว่า…ข้าอยู่ที่โลกมนุษย์นานเกินไปไม่ได้ ไม่เช่นนั้นพลังของข้าจะหมดเสียก่อน”
“จะให้ข้าเชื่อ…อื้อ!” ขณะที่รามิลเปิดปากจะพูดอะไรบางอย่าง ฮยาซินธ์ก็ได้เสกเหยือกน้ำขึ้นมา พร้อมกับจ่อเทของเหลวแสนสดชื่นด้านในใส่ปากของเขา
“เป็นยังไง? สดชื่นดีไหม?” เธอยิ้มออกมาอีกครั้ง
“เจ้าเอาอะไรให้ข้ากิน?!”
“มันเป็นคำสาปแช่งของผู้อยู่เบื้องบน ข้ามาเพื่อมอบมันให้เจ้า”
“คำสาปแช่งงั้นเหรอ?”
“เหมือนกับบทลงโทษ…เจ้าฆ่าคนมานับร้อยพัน ต่อให้คนเหล่านั้นจะสมควรตาย หรือต่อให้คนเหล่านั้นจะมีส่วนร่วมให้การฆ่าทุกคนที่เจ้ารัก เจ้าก็ไม่อาจพิพากษาเขาได้ ในสามโลกมีกฎเวียนไหว้ตายเกิดของมันอยู่ เจ้าคิดว่าตัวเองเป็นใครกันถึงได้ปลิดชีพคนที่ยังไม่ถึงแก่กรรม เจ้าทำตัวเป็นยมทูต ทำตัวเป็นผู้พิพากษา โทษของเจ้าคือความเป็นอมตะ…”
“วะ…ว่ายังไงนะ?”
“ข้าบอกว่าโทษของเจ้า…โทษที่เจ้าปลิดชีวิตคนไปมากมาย ก็คือความเป็นอมตะ เจ้าจะไม่มีวันตาย…จะไม่มีสิ่งใดบนโลกใบนี้ที่ทำอันตรายต่อเจ้าได้”
“ไม่…ข้าไม่ต้องการ”
“รามิล…ความเป็นอมตะไม่ใช่ของขวัญ มันคือคำสาป เป็นบทลงโทษ เจ้าปฏิเสธมันไม่ได้ จงอยู่ต่อไปเพื่อชดใช้ในสิ่งที่เจ้าทำ”
“ได้โปรด…”
“แต่เชื่อสิว่าข้าไม่ได้ใจร้ายขนาดนั้นหรอก…คำสาปแช่งที่ข้าให้เจ้าดื่มไป มันจะช่วยให้เจ้ามีสิ่งที่มนุษย์ทั่วไปไม่มี เจ้าจะอ่านใจผู้คนได้ เจ้าจะได้รู้ว่าพวกเขากำลังคิดสิ่งใด เจ้าจะเคลื่อนไหวเร็วอย่างคาดไม่ถึง…เป็นยังไง? เจ้าชอบมันไหม?”
“ข้าไม่ต้องการ! สิ่งเดียวที่ต้องการคือความตาย!”
“เจ้าไม่มีอำนาจพอที่จะได้ในสิ่งที่ต้องการ กลับกัน…หากว่าสิ่งที่เจ้าต้องการคือความเป็นอมตะ เจ้าก็จะได้ในสิ่งที่ตรงกันข้าม นั่นคือความตาย”
“ฮึก! ข้าได้ยินมาตลอดทั้งชีวิตว่านางฟ้า เทวดาเป็นผู้ให้ ดูท่าว่า…มนุษย์ทั้งโลกกำลังหลงเชื่อในเรื่องโป้ปด!”
“ใครว่า…ไม่มีใครเป็นผู้ให้หรือผู้ได้รับหรอก ทุกชีวิตบนโลกจะได้ในสิ่งที่พวกเขาเพียรพยายามสร้างมันด้วยตัวเอง ถ้าอยากตายเจ้าก็ต้องสร้างเพื่อทดแทน…ที่จริงมันก็มีช่องโหว่ของคำสาปอยู่ ในเมื่อเจ้าพรากชีวิตไปจากผู้คน เจ้าก็ต้อง…สร้างชีวิตขึ้นมาทดแทน การทำเช่นนั้นอาจช่วยเจ้าได้…”
“สร้างชีวิต?”
“ทำให้มีการเกิดใหม่…จงเป็นความหวังให้ผู้คน จงสร้างรอยยิ้มและความสุขให้มวลมนุษย์” ฮยาซินธ์หลุบตามองต่ำ ก่อนจะถอนหายใจออกมาเฉกเช่นมนุษย์ธรรมดาทั่วไป “แต่มันเป็นแค่การชดใช้เท่านั้น ต้องใช้เวลานานมากกว่าเจ้าจะชดใช้หมดสิ้น หากเจ้าอยากหลุดพ้น อยากได้รับการปลดปล่อยจริงๆ เจ้าก็ต้องถอนคำสาป…”
“ด้วยวิธีใด?”
“เป็นวิธีที่คนเช่นเจ้าไม่มีวันทำได้หรอก…”
“วิธีใด?!”
“ตามหาหญิงสาวที่เกิดในคืนพระจันทร์สีเลือด ในช่วงเวลาที่คาบเกี่ยวระหว่างวันเก่าและวันใหม่ คนที่เจ้าไม่อาจอ่านใจนางได้ ทำให้นางรักเจ้า…และพร้อมจะยกชีวิตที่เหลืออยู่ทั้งหมดให้แก่เจ้า เช่นนั้นเจ้าจะได้รับการปลดปล่อย”
“?!!!”
“แล้วคนไร้หัวใจเช่นเจ้า…จะทำให้ใครมารักได้ยังไง? ข้าถึงได้บอกว่า…เจ้าไม่มีวันทำมันได้” สิ้นคำนั้นฮยาซินธ์ นางฟ้าตัวน้อยก็สยายปีกแสนมหัศจรรย์ ก่อนจะลอยลับขึ้นสู่ฟากฟ้า หายไปพร้อมกับแสงสุดท้ายของวัน…

