บทที่ 1 แกล้งโง่
- JanJao -
The Box
ฉันคิดเสมอว่ารอยยิ้มจะสยบทุกอย่าง ไม่ว่าจะต้องเจอเรื่องที่ร้ายแรงมากแค่ไหน ไม่ว่าโลกจะถล่มลงมา ถ้าแค่ฉันยิ้ม…เรื่องทั้งหมดที่คิดว่าใหญ่จนหนักอึ้งเกินกว่าจะรับมือ มันก็กลายเป็นเรื่องเล็กแค่นิดเดียว ฉันเชื่อว่าฉันจะผ่านทุกอย่างไปได้เพียงเพราะฉันยิ้มออกมา แต่ติดอยู่อย่างเดียว…ทุกคนไม่ได้คิดแบบฉันน่ะสิ เพราะหลายครั้งที่ฉันยิ้มออกมา แต่พวกเขากลับมองว่า…ฉันกำลังกวนประสาทเขาอยู่ อย่างเช่นตอนนี้ไง
“ยิ้มอะไรจันทร์เจ้า?! นี่กวนประสาทพี่อยู่หรือไง?!”
คนที่อยู่ตรงหน้า ที่กำลังแว้ดๆ ใส่ฉันอยู่ในตอนนี้ก็คือพี่เบลล์ หัวหน้าทีมของฉันเอง อ้อ! อาจจะต้องแนะนำตัวกันก่อน (ถึงจะไม่ได้อยู่ในสถานการณ์ที่ควรจะแนะนำตัวก็ตาม) สวัสดีชาวโลก…ฉันจันทร์เจ้านะ อายุยี่สิบสี่ปี ทำงานตำแหน่ง AE หรือที่รู้จักกันในตำแหน่งบริหารงานลูกค้า หน้าที่ของฉันก็คือประสานงานระหว่างลูกค้ากับทีมอื่นๆ ในออฟฟิศ ฉันต้องคุยกับลูกค้าโดยตรง หาลูกค้าเข้าออฟฟิศ อะไรประมาณนั้นแหละ ซึ่งฉันทำงานที่นี่มาหกเดือนแล้วล่ะ ที่นี่ที่ว่าก็คือ… The Box บริษัทเอเจนซีโฆษณานั่นเอง
“หนูเปล่ากวนประสาทนะคะพี่เบลล์…” ฉันส่ายหน้าไปมา ไม่อยากให้พี่เบลล์คิดว่าฉันกวนประสาท
“ถ้าไม่คิดจะกวนประสาทพี่แล้วเธอยิ้มทำไม?! พี่กำลังดุเธออยู่นะ!” วันนี้พี่เบลล์ดูจะหัวเสียหนักกว่าวันไหนๆ เลย นั่นเป็นเพราะเมื่อเช้าฉันส่งข้อมูลให้ลูกค้าผิดน่ะสิ แต่เรื่องนั้นเอาไว้ก่อนเถอะ เพราะตลอดหกเดือนที่ผ่านมา ไม่ว่าฉันทำอะไรมันก็ผิดอยู่เสมอ และฉันไม่เคยทำงานถูกใจพี่เบลล์เลย เหมือนว่าฉันเป็นจุดอ่อนที่ต้องโดนกำจัดในสักวัน
“ที่หนูยิ้มเพราะถ้าทำหน้านิ่ง เดี๋ยวพี่เบลล์จะคิดว่าหนูไม่สำนึกผิด” ฉันพยายามอธิบาย ให้มองภาพง่ายๆ คือตอนนี้ฉันกำลังยืนก้มหน้าอยู่ที่โต๊ะทำงานของพี่เบลล์ ในเวลาเที่ยงพอดีเป๊ะ ที่พนักงานคนอื่นกำลังจะไปพักกลางวัน แต่เพราะเสียงแว้ดๆ ที่ดังในระดับล้านเดซิเบลของพี่เบลล์ ทำให้ทุกคนหันมองมาที่ฉัน แต่ก็นั่นแหละ…มันเป็นเรื่องปกติ เพราะฉันโดนด่าอยู่ทุกวัน จนทุกคนมองว่ามันเป็นเรื่องธรรมดาไปแล้ว
“ตรรกะอะไรของเธอเนี่ยจันทร์เจ้า?! รอยยิ้มสดใสของเธอนั่นแหละที่ทำให้พี่คิดว่าเธอไม่เคยสำนึกผิดเลย! เธอทำงานที่นี่มาหกเดือนแล้วนะ! ทำไมยังทำงานพลาดซ้ำแล้วซ้ำเล่าอยู่อีก! พี่จะไม่ถามแล้วนะว่าเธอเอาสติมาทำงานไหม? แต่พี่จะถามว่า…ในหัวเธอน่ะ! มันมีสมองอยู่หรือเปล่า?!”
แรง!
แรงมาก…ฉันสตั๊นไปห้าวินาที เมื่อแปลสารได้ว่าพี่เบลล์กำลังด่าว่าฉันไม่มีสมอง กับอีแค่สั่งงานให้ลูกค้าผิดเนี่ยนะ?! ใช่ ฉันทำงานพลาด แต่ที่มันเป็นแบบนั้นก็เพราะว่าพี่เบลล์โยนงานมาให้ฉันเยอะเกินไปจนงานมันโหลดน่ะสิ! แต่แล้วจะให้ฉันเถียงนางเหรอ? ไม่ๆ ขืนทำงั้น…ฉันคงโดนด่านานกว่าเดิมน่ะสิ สิ่งที่ต้องทำก็คือสิ่งเดียวที่ทำมาตลอด…ก้มหน้ารับกรรม แล้วพูดคำที่นางอยากจะได้ยินไงล่ะ!
“หนูขอโทษค่ะ คราวหลังหนูจะใช้สติ และตรวจเช็กงานก่อนจะส่งทุกครั้ง หนูขอโทษที่ทำให้พี่เบลล์ต้องมาแก้ไขให้ตามหลัง หนูผิดเองที่ยังทำงานไม่ดีพอ แล้วต้องเดือดร้อนพี่เบลล์อยู่บ่อยๆ” ตอนนี้ฉันไม่ได้ยิ้มแล้วล่ะ ยิ้มไม่ออกแล้ว เพราะคนที่กำลังยิ้มก็คือพี่เบลล์
“รู้ตัวว่าผิดก็ดีแล้ว เธอมีแค่สติอย่างเดียวไม่ได้นะจันทร์เจ้า เธอต้องมีสมองด้วย วันนี้ไม่ต้องพักเที่ยงนะ ทำงานที่พี่สั่งให้เสร็จ เพราะพี่ต้องการงานทั้งหมดก่อนบ่อยโมง”
“คะ?” ไม่ได้พักเที่ยงเหรอ? มื้อเช้าฉันก็ไม่ได้กิน เพราะต้องรีบออกไปหาลูกค้ากับพี่เบลล์ แล้วนี่จะไม่ได้กินมื้อเที่ยงอีกเหรอ? ฉันหิวจนแสบท้องไปหมดแล้ว!
“ทำไม? มีปัญหาอะไร?”
“ไม่มีค่ะ” ฉันส่ายหน้า
“งั้นก็ไปทำงานสิ…”
แล้วฉันก็เดินคอตกกลับมาที่โต๊ะทำงานของตัวเอง พยายามฝืนยิ้มเพื่อเรียกพลังให้กับตัวเอง เสียงท้องร้องเพราะหิวข้าวทำเอาฉันประสาทเสีย ฉันได้แต่บอกตัวเองให้ทน…ทนเอาไว้จันทร์เจ้า ตั้งหน้าตั้งตาทำงานให้เสร็จ เดี๋ยวแกก็ได้กินข้าวแล้ว ถึงเวลานั้นจะกินสิบจานก็ยังได้
ฉันทำงานที่ได้รับมอบหมายอยู่จนถึงเวลาเที่ยงครึ่ง ตอนนี้ทั้งแผนกมีแค่ฉันคนเดียว ทุกคนออกไปกินข้าวกันหมด รวมถึงพี่เบลล์ ฉันมีเวลาอีกครึ่งชั่วโมงเท่านั้นเอง ถ้าถึงบ่ายโมงแล้วยังทำงานไม่เสร็จ มีหวังพี่เบลล์ต้องเรียกฉันไปด่าอีกรอบแน่ๆ
“จันทร์เจ้า” ในตอนนั้นเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นมา พอหันไปตามเสียง หัวใจฉันก็เต้นแรงขึ้นมาในทันที เพราะอะไรน่ะเหรอ? เพราะเจ้าของเสียงนั้นก็คือ CEO ของเราน่ะสิ
“คะ? พี่…คุณ…” บ้าจริง! ทำไมทุกครั้งที่คุยกับพี่คุณ ฉันจะต้องใจสั่น พูดติดขัด แล้วต้องเขินแบบนี้ด้วยนะ? ต้องบอกก่อนว่าพี่คุณ หรือพี่แทนคุณ CEO ของเรา มักจะบอกอยู่บ่อยๆ ว่า เขาอยากให้พนักงานทุกคนใน The Box อยู่กันแบบครอบครัว ให้ความเป็นกันเองและเป็นมิตร พวกเราเลยไม่ค่อยเรียกกันแบบเป็นทางการ แต่จะใช้ พี่ หรือ น้อง แทน
“ทำไมไม่ไปกินข้าวล่ะ? นี่เที่ยงกว่าแล้วนะ” พี่คุณถามฉัน สองมือของเขาล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกง ฉันจะแอบกรี๊ดอยู่ในใจเสมอเวลาที่เขาใส่เสื้อยืดสีขาวฝังในยีนสีซีดแบบนี้ ได้บอกไปหรือยังนะว่าพี่คุณน่ะ หล่อระดับพระเอกซีรี่เกาหลี สูงเวอร์ แล้วก็ขาว แถมยังมีรอยยิ้มที่ทรงเสน่ห์ เอาง่ายๆ ขอให้นึกถึงหน้าลีจงซอก พระเอกเรื่อง W เอาไว้ นั่นแหละพี่คุณของฉันเลย
“เอ่อ…หนูไม่ค่อยหิวน่ะค่ะ แล้วก็มีงานค้างด้วย” ฉันตอบพร้อมรอยยิ้ม
“เหรอ? งั้นก็สู้ๆ นะ” พี่คุณยิ้มกลับมา ก่อนจะเดินเข้าไปในห้องทำงานของเขาที่อยู่ติดกับแผนก AE ของเรา แน่นอนว่าพี่คุณไม่ใช่คนที่พูดเยอะหรือชอบเซ้าซี้ หรือชอบวางอำนาจทำตัวเป็นเจ้านาย นี่คือหนึ่งในเหตุผลที่ทำให้ฉันชอบเขา
หะ?!
นี่ฉันเพิ่งหลุดปากบอกไปว่าชอบเจ้านายตัวเองงั้นเหรอ?
และแล้วเวลาที่ฉันรอคอยก็มาถึง มันคือเวลาบ่ายโมงตรงที่ฉันทำงานเสร็จพอดี ฉันจัดการส่งงานเข้าอีเมลของพี่เบลล์ เป็นเวลาเดียวกับพี่พนักงานคนอื่นๆ ขึ้นมาทำงานหลังจากพักเที่ยง แล้วเพื่อนสามคนของฉันก็เดินตรงเข้ามา นำทีมด้วยผักบุ้ง สาวสวยรวยเสน่ห์ แบรนด์เนมทั้งตัว ดูเหมือนแรด แต่ก็นั่นแหละ นางแรดจริงๆ อันนี้ฉันไม่ได้แอบว่าเพื่อนลับหลังนะ นางบอกเองต่างหาก
ที่มาทำงานเพราะต้องการพิสูจน์กับครอบครัวอันมั่งคั่งว่าเธอพร้อมที่จะเป็นทายาทโรงแรมระดับห้าดาวคนต่อไป ต่อมาคือ อุ๋งอิ๋ง ภายนอกดูเหมือนสาวเรียบร้อย พูดน้อย แต่ที่จริงแล้วยัยนี่น่ะกวนประสาทที่สุดแล้ว และก็ไม่ได้เรียบร้อยอย่างที่หลายคนคิดด้วย สุดท้ายคือ มิ่งขวัญ เกย์สายรับ กลางวันทำงาน กลางคืนออกล่าเหยื่อ ไม่รู้จักคำว่านอน ราวกับว่าเป็นแวมไพร์กลับชาติมาเกิด พวกเรา…สี่คนรวมถึงฉัน เข้ามาทำงานในตำแหน่ง AE พร้อมกัน อายุรุ่นราวคราวเดียวกัน ก็เลยสนิทกันง่าย
“อะนี่” อุ๋งอิ๋ง วางแซนด์วิชลงบนโต๊ะทำงานของฉัน
“ขอบคุณนะอุ๋งอิ๋ง” ว่าแล้วฉันก็รีบคว้าแซนด์วิชมาแกะกินทันที
“หิวโซเลยสิ…ฉันเห็นแกโดนด่าแล้วเหนื่อยแทน พี่เบลล์แม่ง…เมนส์ไม่มา ผัวไม่ทำการบ้านหรือไงนะ ทำไมอะไรๆ ก็ลงที่แกตลอดเลยวะ?” ผักบุ้งนั่งลงบนที่วางแขนของเก้าอี้ฉัน ยื่นมือมาโอบไหล่ฉันไว้อย่างที่ชอบทำ
“นางก็เป็นแบบนี้ตลอดแหละ ชอบวางอำนาจ แล้วจะด่าใครได้ล่ะ…ด่าฉัน ด่าแก ก็โดนสวนกลับ จะด่าอีอุ๋งมันก็ทำหูทวนลมใส่ เลยต้องมาลงที่อีจันทร์เจ้านี่แหละ เพราะด่าสนุกสุดแล้ว มันไม่เถียง ยอมรับผิดคนเดียว แล้วก็ทำตามคำสั่งทุกอย่าง” มิ่งขวัญพูดถูกทุกอย่าง ฉันไม่มีอะไรจะเถียงเลย แต่ต้องบอกก่อนว่าที่ฉันทน และยอมรับผิดทุกอย่าง มันไม่ใช่เพราะฉันโง่หรือขี้ขลาดหรอกนะ ถึงแม้ว่าบางครั้งฉันจะทำงานพลาด หรือทำอะไรที่ดูเหมือนว่าฉันไม่ฉลาดก็ตาม
ฉันเชื่อมาตลอดว่าการเป็นคนกลางๆ ไม่ฉลาดหรือเก่งเกินไป ไม่โดดเด่นจนสะดุดตาใคร มันจะทำให้ฉันไม่มีศัตรู มันจะทำให้ไม่มีใครมาเกลียดหรืออิจฉาฉัน และมันจะทำให้ฉันอยู่รอดต่อไปได้ ที่คิดแบบนั้นก็เพราะว่าฉันไม่มีใครมาคอยปกป้องอีกต่อไปแล้วน่ะสิ ฉันไม่ได้ต้องการให้ใครมารัก สรรเสริญหรือชื่นชม ขอเพียงอย่างมองว่าฉันเป็นคู่แข่งที่ต้องเอาชนะให้ได้ก็พอแล้ว ฉันขอแค่นั้นจริงๆ
“ช่างเขาเถอะ พวกแกอย่าไปสนใจเลย แล้วก็เลิกพูดถึงเขาด้วย เดี๋ยวเขามาได้ยินแล้วจะเป็นเรื่อง” ฉันว่า
“โอ๊ะ! นางไม่มาได้ยินหรอก! นางออกไปหาลูกค้าแล้ว ฝากมาบอกแกด้วยนะ…ว่างานที่สั่งอะ ไม่ต้องรีบทำก็ได้ เพราะมันยังไม่รีบใช้”
“อะไรเนี่ย?! ฉันรีบทำแทบตาย…แถมยังส่งเข้าเมลไปแล้วด้วย นี่พี่เบลล์มาหลอกให้ฉันทำงานแล้วไม่รีบใช้เหรอ? ฉันอดกินข้าวเที่ยงเลยนะ!”
“แกล้งกันชัดๆ ถ้าฉันเป็นแกนะ…ฉันลาออกไปแล้ว เจอหัวหน้าแบบนี้ไม่ไหวว่ะ! โชคดีฉิบหายที่ฉันไม่ได้อยู่ทีมพี่เบลล์” ใช่ ฉันเห็นด้วยกับผักบุ้ง และคิดว่ายัยนี่กับอุ๋งอิ๋งโชคดีมากที่ได้ทำงานในทีมของโรนิน ไม่ใช่พี่เบลล์เหมือนฉันกับมิ่งขวัญ
“ฉันไม่ได้รวยเหมือนแกนะผักบุ้ง ที่จะลาออกกันง่ายๆ เพียงเพราะว่าเจอเจ้านายจอมแว้ดอย่างพี่เบลล์” ฉันถอนหายใจ กัดแซนด์วิชอีกคำ
“ฉันว่ามันไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องบ้านรวยหรอก! ที่แกทนทำงานที่นี่ก็เพราะแกแอบชอบเจ้าของออฟฟิศน่ะซิ!”
“มิ่งขวัญ?!” ฉันถลึงตาใส่เพื่อน ในทันทีที่ได้ยินแบบนั้น
“อะไรยะ? ฉันพูดอะไรผิดเหรอ? แกชอบพี่แทนคุณ…นั่นคือเหตุผลเดียวที่แกยอมทำงานที่นี่”
“อุ๊ปส์…เอาแล้ว งานนี้ฉันไม่เกี่ยวนะ ขอตัวไปปัด SmatchY ก่อนดีกว่า…” ผักบุ้งทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้
“อะไรคือ SmatchY เหรอ?” เป็นคำถามของฉันเอง
“ถามจริง? นี่แกไม่รู้จัก SmatchY เหรอ?”
“หึ” ฉันส่ายหน้าตอบ ขณะที่อุ๋งอิ๋งไม่ตอบอะไร ทำเหมือนไม่สนใจที่พวกเรากำลังคุยกัน
“มันคือ Dating Application ย่ะ พูดง่ายๆ คือแอปเดตนั่นแหละ ดังสุด ดีสุด ฉันได้ผู้ชายจากแอปนี้มาหลายคนแล้ว และประเด็นสำคัญเลยนะ…คุณรามิล เจ้าของบริษัทที่ผลิตแอปนี้คือหล่อมากเวอร์…หล่ออย่างกับเทพบุตรเลยล่ะ” มิ่งขวัญทำหน้าเพ้อฝันสุดๆ
“เดี๋ยวนะไอ้มิ่ง นี่แก…เคยเห็นหน้าคุณรามิลด้วยเหรอ?” แล้วผักบุ้งที่น้อยหน้าใครไม่ได้ก็ทำท่าทีไม่พอใจขึ้นมา
“ก็เคยน่ะสิ ในรูปน่ะ”
“รูปไหน? เท่าที่ฉันรู้มา…คุณรามิลไม่เคยออกสื่อ ไม่เคยมีใครเห็นหน้าเขาด้วยซ้ำ”
“แกจะไปรู้อะไรวะไอ้บุ้ง? ถ้าแกเข้าเว็บบนดิน ไม่มีใครกล้าเอารูปคุณรามิลมาแชร์หรอกเพราะกลัวโดนฟ้อง แต่ถ้าแกเข้าเว็บเถื่อนใต้ดินอย่างฉัน…บอกเลยว่าคนที่เอารูปมาแชร์ก็คือพนักงานใน SmatchY นั่นแหละ และทุกรูปคือดีมากเวอร์ บอกเลยว่าเกิดมายี่สิบสี่ปี…ฉันไม่เคยเห็นใครที่น่ากินได้เท่าคุณรามิลมาก่อนเลย”
“ขนาดนั้นเลยเหรอ?”
“ก็ขนาดนั้นแหละ!”
ฉันหันมองว่าใครที่เป็นคนถามประโยคนั้น ประโยคที่ว่า ‘ขนาดนั้นเลยเหรอ?’ แล้วคำตอบที่ได้ก็คือ…
“โรนิน!” พวกเราสี่คนประสานเสียงเรียกชื่อหัวหน้าทีมอีกคนของแผนก AE ขึ้นมา
“ผักบุ้ง อุ๋งอิ๋ง มิ่งขวัญ จันทร์เจ้า เลิกจับกลุ่มคุยแล้วแยกย้ายกันไปทำงานซะ!”
- JanJao End -
