บทที่ 4 เมื่อรักมาเยือน (1)
หลงหลานชะโงกหน้ามองเทียบเชิญที่หลงเฮ่าเทียนเพิ่งรับมาจากพ่อบ้านอู๋ ซองใส่มีกลิ่นหอมฉุนจมูก
“เทียบเชิญล่องแม่น้ำ ชมบุปผาใช่หรือไม่?”
“อือ” หลงเฮ่าเทียนเก็บเทียบเชิญและยกชาขึ้นจิบแล้วเงยหน้ามองน้องสาว “มีอันใด?”
“พี่ใหญ่จะไปอีกใช่หรือไม่”
“ใช่” หลงเฮ่าเทียนเก็บรวบรวมสมุดบัญชี สัญญาการค้าต่างๆ และลุกขึ้นยืน
“ถ้าไม่พาพี่อิงหวาไปด้วย พี่ใหญ่ก็ห้ามไปเด็ดขาด” หลงหลานหน้าบึ้งเพราะเทียบเชิญใบนั้นเป็นของสกุลลี่ แน่นอนนางจิ้งจอกลี่ปิงต้องรอให้พี่ใหญ่ติดกับดักอยู่เป็นแน่
หลงเฮ่าเทียนเลิกคิ้ว รอคำพูดต่อไปของน้องสาว
“ล่องเรือชมบุปผา เฮอะ ก็รู้ๆ กันอยู่ว่าคนมีเงินถุงเงินถังนัดพบเพื่ออวดร่ำอวดรวยและจับคู่ให้ลูกหลานกันเสียมากกว่า พี่ใหญ่แต่งงานแล้วนะ หรือคิดจะรับอนุภรรยาอีก”
“ก็ดีไม่น้อย” หลงเฮ่าเทียนยิ้มมุมปาก ตาเป็นประกายวาวระยับ ก่อนจะสะบัดชายเสื้อเดินจากไป
“ฮึ บุรุษเจ้าชู้!” หลงหลานกระทืบเท้าไม่ชอบใจและวิ่งออกไปจากห้อง ตรงไปที่ศาลาโบตั๋นทันที เพราะหากจะหาตัวมู่อิงหวา ต้องไปที่นั่น พี่สะใภ้ของนางชมชอบดอกโบตั๋นเป็นที่สุด หากว่าง จะเอางานฝีมือไปนั่งทำที่นั่นทั้งวัน
หลงหลานวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาก่อนจะพุ่งตัวไปเกลือกกลิ้งอยู่ที่เก้าอี้เอน เสี่ยวซินเข้าไปโบกพัดให้
“คุณหนู วิ่งมาจากไหนเจ้าคะ”
“พรุ่งนี้พี่ใหญ่จะไปงานล่องเรือชมบุปผา พี่อิงหวาต้องไปด้วยให้ได้นะ” หลงหลานลุกขึ้นพรวดและสาวเท้าเข้ามานั่งข้างมู่อิงหวา
“พี่ใหญ่... เอ่อ”
“อะไรหรือ?” มู่อิงหวาเอียงคอจ้องเขม็งหลงหลานที่ทำท่าอึกอัก
“งานล่องเรือชมบุปผาเป็นงานที่พวกมีหน้ามีตาและมีฐานะในเมืองพาลูกหลานเพื่อไปหาคู่”
“แล้ว?” มู่อิงหวายังไม่เข้าใจท่าทางร้อนรนของหลงหลาน
“โธ่ พี่อิงหวา ถ้าพี่ใหญ่ไปก็เท่ากับประกาศว่าตัวเองพร้อมรับภรรยาอีกน่ะสิ”
“รับอนุภรรยาหรือ!” มู่อิงหวาตาเบิกกว้างนิ่งงันไป มือสั่นน้อยๆ แต่งงานกันมาสองเดือนกว่า ไยไม่เคยคิดถึงเรื่องพวกนี้มาก่อนนะ
“ใช่แล้ว”
“แต่คุณหนูเจ้าคะ นายน้อยก็ไปล่องเรือชมบุปผาทุกปีนี่นา ไม่เห็นนายน้อยถูกใจใครสักคน”
“ว่าได้หรือเสี่ยวซิน มีหญิงงามมากหน้าหลายตาร้อยเล่ห์เพทุบายขนาดนั้น สักวันพี่ใหญ่ต้องพลาดท่าเสียทีเข้าจนได้”
มู่อิงหวายิ้มให้หลงหลาน ถึงจะหวั่นใจอยู่มากแต่ก็คิดในทางที่ดี เขาแค่ไม่อาจปฏิเสธคำเชิญเหมือนเช่นทุกปี ถึงเขาจะเอาใจนางหลายเรื่อง แต่ก็ไม่ได้อ่อนหวานมากนัก ไม่มีคำรักหวานหูแต่เขากระทำให้เห็นว่าใจเขายังมีนาง ว่างเมื่อใดจะมาอยู่เป็นเพื่อน นั่งๆ นอนๆ พูดคุยสับเพเหระด้วย แค่นี้ก็สุขใจมากพอแล้ว หากเขาคิดจะรับอนุภรรยาจริงก็มิอาจห้ามเขาได้ แม้ปวดใจปานใดก็ไม่อาจต่อว่าและเห็นแก่ตัวได้
“พี่อิงหวา!” หลงหลานเห็นใบหน้ามู่อิงหวาแต้มด้วยรอยยิ้มละไมดูไม่ทุกข์ร้อนก็ตกใจอยู่ไม่น้อย
“ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรหรอก เจ้าคิดมากไปเองเสียแล้ว มาเถอะ ตามข้ามา” มู่อิงหวาลุกขึ้นแล้วพาหลงหลานไปยังห้องครัวและตักขนมหวานให้ถ้วยหนึ่ง
“นี่มันบัวลอยนี่น่า” หลงหลานมองบัวลอยสีชมพูอ่อนแล้วน้ำลายแทบไหล
“บัวลอยดอกโบตั๋น สีชมพูได้จากการคั้นน้ำจากดอก และอบกลิ่นดอก ลองชิมดูสิ”
“รับรองหอมหวานแน่นอนเจ้าค่ะ” เสี่ยวซินเอ่ยแทรกมาอีกคน
หลงหลานเผ่นไปพร้อมกับบัวลอยถ้วยนั้นท่าทางดีใจจนมู่อิงหวากับเสี่ยวซินอดหัวเราะไม่ได้
วันรุ่งขึ้นหลงเฮ่าเทียนไปตามเทียบเชิญและพาหลี่ฮุ่ยไปด้วยเท่านั้น กว่าจะกลับมาก็ดึกดื่นมากแล้ว กลับมาพร้อมใบหน้าเครียดคล้ำ มีหลี่ฮุ่ยตามหลังมาติดๆ ใบหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก อารมณ์ขุ่นมัวของหลงเฮ่าเทียนยังติดตามมาถึงตอนเช้า กฎของบ้านนี้คืออาหารเช้าทุกคนต้องพร้อมหน้า ทุกคนจึงรับรู้อารมณ์ไม่ปกติของหลงเฮ่าเทียน แต่ไม่มีใครกล้าซักถามมากความ แม้ว่าในบรรดาพี่น้อง คุณชายรองหลงเฟิงอี้จะตรงไปตรงมาและเก็บอารมณ์ไม่ได้น้อยที่สุดยังปิดปากเงียบ
หลงหลานรู้ว่าต้องมีเรื่องหลังจากพี่ชายไปตามเทียบเชิญเลยกระซิบถามมู่อิงหวาและได้รับแค่รอยยิ้มจางๆ กลับมาเท่านั้น สายตาของมู่อิงหวาเองก็บอกได้ว่าตนจนใจกับคำตอบ
แล้วคำตอบก็กระจ่างเมื่อลี่ตู๋ปรี่เข้ามาในโถงใหญ่อย่างกะทันหัน พร้อมฉุดกระชากลากถูลี่ปิงบุตรสาวตามมาด้วย ใบหน้างามพิศเต็มไปด้วยคราบน้ำตา
“เฮ่าเทียน! เจ้าคงไม่ต้องให้ข้าเอ่ยในที่นี้กระมัง” ลี่ตู๋มองกวาดไปทั้งโต๊ะอาหารแล้วมาจบลงที่สตรีงามเหมือนนางสวรรค์ที่นั่งอยู่ข้างหลงเฮ่าเทียน
หลงเฮ่าเทียนกำหมัดแน่น สันกรามนูน ขบฟันแทบแตกละเอียด “ข้าจะรับลี่ปิงเป็นอนุ!” หลงเฮ่าเทียนประกาศเสียงแข็ง นัยน์ตาวาวแสงลึกล้ำยากจะหยั่งถึง
“พี่ใหญ่!” เสียงบรรดาน้องชายน้องสาวประสานกันพร้อมกับเสียงตะเกียบหลุดจากมือมู่อิงหวา
หลงเฮ่าเทียนหันไปมองมู่อิงหวา เห็นนางนั่งก้มหน้ากุมมือที่สั่นน้อยๆ เขาอยากจะเอื้อมไปกุมมือนั้นไว้ แต่หักห้ามใจไว้ได้ก่อน แล้วลุกขึ้นยืน “วันที่ห้าเดือนหน้าข้าจะส่งเกี้ยวไปรับเจ้าสาว” พูดจบสะบัดแขนเสื้อจากไปทันที
