
บทย่อ
>>> โบตั๋นในม่านหมอก
บทที่ 1 บทนำ
เสียงเอะอะโวยวายจากที่ไหนสักแห่งกำลังก่อกวนการพักผ่อนของเขา เสียงนั้นเป็นเสียงผู้ชาย เหมือนกำลังถกเถียงอะไรบางอย่าง... เอ๊ะ ไม่ใช่แค่คนเดียว แต่เสียงเหล่านั้นบอกเขาว่าเป็นหลายคน เริ่มดังขึ้นและใกล้เข้ามาเรื่อยๆ หลงเฮ่าเทียนขมวดคิ้วมุ่นขณะที่พยายามลืมตาให้ได้ เขารู้ว่าร่างกายแปลกไปเลยพยายามเดินลมปราณ แน่ใจว่าตัวเองไม่ได้ถูกลอบวางยาพิษ แต่ก็ไม่ใช่เสียทีเดียว คนวางยาเขาคิดว่าเขาโง่นักหรือ เหตุที่เขาคิดอย่างนั้น เพราะหลายต่อหลายครั้งเขาโดนพิษมานักต่อนัก จากผู้หวังดีประสงค์ร้ายทั้งหลายในแวดวงการค้าที่คิดกำจัดเขา เหตุเพราะสกุลหลงเติบโตมาอย่างมั่งคั่งจากการทำการค้ามาสามชั่วอายุ และเขารับสืบทอดผู้นำสกุลในรุ่นที่สี่ มีแนวโน้มว่ากำลังพาให้ชื่อเสียงรุ่งเรืองอีกมากขึ้น แน่นอนเมื่อร่ำรวย เมื่อมีชื่อเสียง จึงมีคนเข้าหาทั้งจริงใจและกลับกลอก แต่มีหรือคนอย่างหลงเฮ่าเทียน ที่ภาพหน้าเป็นหนุ่มมหาบัณฑิตแต่ตัวตนจริงๆ เป็นคนแข็งกระด้างทั้งยังลุ่มหลงในการศึกวิทยายุทธ์จะยอมให้เกิดเรื่องกับครอบครัวและธุรกิจการค้าของตน
ในที่สุดหลงเฮ่าเทียนก็เปิดตาขึ้นมาได้ อาการหนักอึ้งในศีรษะทำให้เขาต้องคิด แต่ไม่ทันได้ลุกขึ้นนั่ง หน้าห้องของเขาเกิดเสียงทะเลาะกันดังขึ้นอีกครั้ง และประตูห้องถูกกระแทกเข้ามาอย่างหนัก
ปัง!
หลายคนที่ตามกันเข้ามามีหน้าตาบูดบึ้ง บ้างก็ตกตะลึง หลงจู๊ เสี่ยวเอ้อร์ แขกของโรงเตี๊ยมบางส่วน ลูกน้องคนสนิทของเขาอีกสามคน และชายกลางคนที่หลงเฮ่าเทียงค่อนข้างจะคุ้นหน้าอยู่บ้าง
“เกิดอะไรขึ้น” หลงเฮ่าเทียนนวดคลึงขมับในท่ากึ่งนั่งกึ่งนอน ลูกน้องคนสนิททั้งสามทำท่าอึกอักและเหมือนจะเลี่ยงภาพตรงหน้า ต่างพยายามเบี่ยงตัวหลบไปข้างๆ
“คุณชายหลง ดูท่าเป็นข้าเสียมากกว่าที่ต้องถามท่านว่านี่มันเรื่องอะไรกัน” ชายกลางคนหน้าบึ้งตึง แต่แววตากลับเป็นประกายที่ไม่อาจปิดได้มิดว่าตนพอใจกับภาพตรงหน้าอยู่หลายส่วน
แน่นอนต้องมีอะไรไม่ชอบมาพากล หลงเฮ่าเทียนกำลังจะคาดคั้นจากลูกน้องทั้งสามที่ไม่แม้แต่กล้าสบตาเขา ขณะนั้นเองข้างกายกลับมีการเคลื่อนไหว เขาจึงหันขวับไปมอง พร้อมๆ กับหญิงสาวนางหนึ่งที่กำลังลุกขึ้นนั่งด้วยสีหน้างุนงงเวลาต่อมาเมื่อเห็นเขา สองตาเบิกกว้าง เนื้อตัวสั่นงันงก ก่อนจะค่อยๆ ก้มลงมองตัวเอง ใบหน้านั้นซีดเผือดขึ้นมาทันตาเห็น มือน้อยๆ ขาวราวหิมะรีบดึงผ้าห่มแพรนวมขึ้นมาปิดบังร่างเปลือยเปล่าของตน ท่าทางลนลาน ใบหน้าเล็กก้มงุดไปพักใหญ่ เหมือนกำลังประมวลสถานการณ์ แต่แล้วเสียงชายกลางคนกลับดังขึ้นเสียก่อน
“ข้าจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน” เสียงนั้นกระแทกเข้าโสตประสาทของหลงเฮ่าเทียนอย่างจัง ทำให้เขาดึงสายตากลับจากหญิงสาวเรือนร่างบอบบางแล้วก้มมองตัวเอง พบว่าเขาก็ไม่ต่างไปจากนางสักนิดเดียว บนเรือนร่างหาไม่อาภรณ์ใดๆ สักชิ้น นิ้วเรียวยาวเอื้อมไปเกี่ยวชายผ้าห่มผืนเดียวกับหญิงสาวมาปกปิดส่วนที่ใหญ่โตเกินคนปกติทั่วไปไว้ด้วยอาการสงบเยือกเย็น
“ท่านพ่อ!” มู่อิงหวาเรียกบิดาเสียงสั่น น้ำตาคลอเหมือนจะให้บิดาช่วย
“งามหน้ายิ่งนัก!” มู่เยี่ยยีไม่ช่วยแล้วยังคิดด่าประณามบุตรสาวให้มากกว่านั้น แต่เขายั้งไว้ทันเหมือนคิดอะไรขึ้นมาได้ แววตาดูเจ้าเล่ห์
นัยน์ตาดำคมกริบของหลงเฮ่าเทียนเป็นประกายวูบ หากผู้ใดทันเห็นเป็นต้องขนลุกซู่แน่นอน แต่มีหรือคนอย่างเขาจะให้ใครเห็นท่าทางแข็งกระด้างอย่างนั้น ร่างสูงแข็งแกร่งขยับกายเล็กน้อยในท่านั่งหลังตรง
“ข้าขอใส่เสื้อผ้าก่อนเถิดแล้วค่อยคุยกันนายท่าน...”
“ข้ามู่เยี่ยยี” ชายกลางคนต่อประโยคให้ ไม่ได้สังเกตหลงเฮ่าเทียนสักนิดว่ามุมปากเขายกขึ้นเล็กน้อยอย่างเข้าใจสถานการณ์ดีแล้ว
“นายท่านมู่... ข้าขอความกรุณา” สองมือหลงเฮ่าเทียนประกบกัน ทุกคนเข้าใจ เลยถอยหลบจากห้องไปเพื่อให้หนุ่มสาวทั้งสองสวมใส่อาภรณ์
เมื่อทุกคนจากไปแล้ว ภายในห้องกลับเงียบกริบ หลงเฮ่าเทียนลุกจากเตียงไป ไม่นานจึงเกิดเสียงสวบสาบเบาๆ ดังขึ้น มู่อิงหวาได้แต่ก้มหน้างุด ไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมองเขา ในอกราวกับมีกลองรัวเสียงดัง บรรยากาศชวนให้อึดอัด
“แม่นางมู่ ใส่เสื้อผ้าเสีย ข้าจะไม่หันไป” หลงเฮ่าเทียนส่งเสื้อผ้าสีชมพูอ่อนทั้งชุดมาให้บนเตียง ขณะที่ตัวเองเดินห่างออกไปและยืนหันหลังให้ น้ำเสียงเขานุ่มทุ้มไม่ได้ตื่นตกใจกับเหตุการณ์และยังมีน้ำใจคิดถึงนางอีกด้วย
มู่อิงหวารีบใส่เสื้อผ้าทั้งที่ใบหน้าเริ่มกลับมามีสีแดงจนน่าตกใจ นางแค่อับอายและยังไม่ทราบที่มาที่ไปว่าตัวเองมานอนอยู่กับเขาได้เยี่ยงไร นางตามบิดาจากเมืองลั่วเจี่ยวที่อยู่ทางตอนใต้มาติดต่อธุรกิจ จุดหมายปลายทางคือทางเหนือ และแวะพักที่โรงเตี๊ยมแห่งนี้ แล้วจากนั้นก็ไม่รู้เรื่องอะไรอีกเลย นี่มันเกิดอะไรขึ้น... และบุรุษรูปงามที่ยืนอยู่ตรงนี้ไม่มีใครไม่รู้จัก เขา... หลงเฮ่าเทียน ผู้นำคนใหม่ของสกุลหลง ทั้งร่ำรวยและโด่งดังเป็นที่กล่าวขานในหมู่พ่อค้า
“เสร็จแล้วใช่หรือไม่” หลงเฮ่าเทียนขยับตัว มู่อิงหวาตอบเขาเสียงเบาทั้งที่ยังนั่งอยู่บนเตียง เขาเดินกลับไปนั่งยังขอบเตียงท่าทางสบาย อาภรณ์สีขาวสะอาดยิ่งทำให้มาดบัณฑิตของเขาโดดเด่น ผิวขาวสะอาดตา เรือนร่างสูงแข็งแกร่ง มู่อิงหวาลอบสำรวจใบหน้าด้านข้างของเขา จมูกนั้นเป็นสันตรง ดวงตาและคิ้วกระบี่รับกันอย่างน่ามอง ไหนจะริมฝีปากบางที่มุมปากยกขึ้นน้อยๆ นั้น บ่งบอกว่าเขามิได้ขุ่นใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น ยิ่งผมดกดำที่ยังไม่ได้รวบของเขาตกลงมาเหมือนสายน้ำตกยิ่งทำให้เขาดูน่ามองเหลือเกิน
“เชิญทุกท่านเข้ามาได้”
มู่เยี่ยยีผลักประตูเข้ามาก่อน สองตามองหนุ่มสาวสลับกันไปมา แต่ยังไม่ได้เอ่ยปาก สายตาเจ้าเล่ห์ไหวระริก ตามมาด้วยลูกน้องคนสนิทของหลงเฮ่าเทียนอีกสามคน หลงจู๊และแขกของโรงเตี๊ยมอีกบางส่วนที่กำลังรอชมละครกันอย่างใจจดใจจ่อ
“เรื่องนี่เป็นเรื่องภายใน รบกวนหลงจู๊แล้ว” หลงเฮ่าเทียนเอ่ยเสียงนุ่มขณะที่มองไปทางหลงจู๊และแขกของโรงเตี๊ยม
หลงจู๊ไหวตัว และยิ้มแก้เก้อ ก่อนจะยกมือประสาน “อ้อ เชิญคุณชายหลง ข้าน้อยขอตัว” เอ่ยจบก็รีบผละไปและต้อนแขกทั้งหมดให้กระจายกัน ยังไม่ลืมหันกลับมาดึงประตูปิดให้อย่างสุภาพ ทุกคนที่กำลังรอชมละครได้แต่ยิ้มเจื่อนก่อนจะแยกย้ายกันอย่างแสนเสียดาย ใครๆ ก็รู้ว่าหลงเฮ่าเทียนมีอิทธิพลเพียงใดและรู้อีกว่ามู่เยี่ยยีเป็นคนเจ้าเล่ห์เพียงใดเช่นกัน
“นายท่านมู่ เชิญ” หลงเฮ่าเทียนผายมือไปที่เก้าอี้ เพื่อจะได้เจรจากัน ส่วนสามหนุ่ม หลี่ฮุ่ย เหอชุน ฉางโป ลูกน้องคนสนิทของเฮ่าเทียนเดินเงียบเชียบมายืนข้างเตียงเจ้านายเหมือนเป็นองครักษ์ก็ไม่ปาน
“ข้าจะไม่อ้อมค้อมใดๆ” มู่เยี่ยยีมองบุตรสาวแวบหนึ่งแล้วเอ่ยต่อ “ข้าอยากให้คุณชายหลงแต่งให้ลูกสาวข้าเสีย ข้าไม่อยากขายหน้าไปมากกว่านี้แล้ว” พูดจบก็ได้แต่ลอบมองบุรุษตรงหน้า ได้ยินแต่ชื่อเสียง เพิ่งจะเคยเจอตัวจริงก็วันนี้ ท่าทางสง่างามสมคำร่ำลือ มู่เยี่ยยีแอบยิ้มอย่างพอใจ แค่เขาได้เกี่ยวดองกับสกุลหลงเขามีหวังรุ่งเรืองแน่นอน
“ได้!” หลงเฮ่าเทียนไม่มีคัดค้าน กลับตอบรับด้วยใบหน้าแย้มยิ้ม แม้แต่มู่อิงหวายังตกใจ จับจ้องเขาสองตาเบิกกว้างคิ้วน้อยๆ ขมวดมุ่น และภายในห้องกลับแทรกมาด้วยเสียงหัวเราะกังวานของมู่เยี่ยยี แม้แต่คนสนิทของหลงเฮ่าเทียนยังขมวดคิ้วอย่างไม่ชอบใจ แต่เมื่อมองเจ้านายหนุ่ม พวกเขากลับเข้าใจทันทีเมื่อได้เห็นแววตาเป็นประกายแปลกประหลาดแวบผ่านไป ตามด้วยรอยยิ้มเจ้าเสน่ห์ที่ไม่มีใครเหมือน ทั้งสามคนขนต้นคอลุกชันขึ้นพร้อมกัน พลางคิดว่า ‘มู่เยี่ยยีไม่รอดแน่’
“ดีๆ พูดง่ายดี ขอบคุณคุณชายหลง” มู่เยี่ยยียิ้มร่า ลูบปลายคางตัวเองที่เต็มไปด้วยหนวดเครา
“ท่านพ่อ แต่ข้า...”
“หรือเจ้าอยากตั้งท้องให้อับอายชาวบ้านเสียก่อนจะแต่งล่ะ”
“ข้า...” มู่อิงหวาไม่รู้จะตอบบิดาอย่างไร พยายามคิดว่าเรื่องทั้งหมดนี้เป็นเพียงแค่ความฝัน ทำไมมันถึงดูง่ายดายเพียงนี้ คุณชายหลงผู้นี้เต็มใจแต่งงานกับนางจริงๆ หรือ นางอยากได้คำตอบ ยังมีคำถามอีกมากมาย แต่เมื่อสบตาบิดากลับไม่กล้าเอ่ยปาก เพราะสายตานั้นกำลังจ้องเขม็งอย่างไม่พอใจ
“แม่นางมู่อย่ากังวลไป ข้าจะจัดงานให้สมเกียรติเจ้า ที่หอเมฆาในเมืองหลวงในอีกสามวัน นายท่านมู่เห็นด้วยหรือไม่” หลงเฮ่าเทียนยิ้มน้อยๆ ให้มู่อิงหวาเพื่อปลอบใจนาง
“ฮ่าๆ ย่อมเห็นด้วย ตกลงตามนี้” มู่เยี่ยยียังลำพองใจ คิดแล้วก็เบิกบาน เรื่องมันง่ายเหมือนปอกกล้วยเสียนี่กระไร เขากำลังดีดลูกคิดรางแก้วไปไกลโขแล้ว ความมั่งคั่งกำลังจะทับตัวเขาแล้ว
