บทที่ 3 สตรีของข้า (2)
หลงเฮ่าเทียนเงยหน้าขึ้นจากเนินเนื้อหอมนุ่มท่าทางสุขสมได้ดังใจ แต่ก็ทำให้มู่อิงหวาผวาอีกครั้งเมื่อเขาก้มลงดูดกลืนไล้เลีย ขบเม้นหนักขึ้นเรื่อยๆ ทิ้งรอยแดงไปทั่วทั้งร่าง ไม่มีส่วนไหนที่ไม่ถูกเขากิน ไม่มีส่วนไหนที่มือเขาไม่แวะหยอกล้อ นางจะหมดสติอยู่แล้ว แต่เขากลับกระชากกลับมาด้วยการหยุดทุกอย่าง สองแขนเหยียดตรงให้มีที่ว่างระหว่างกัน เพื่อเขาจะได้เชยชมกวางเผือกใต้ร่างเขาให้เต็มตา
“ไร้ตำหนิ” เสียงเขาแหบพร่า ขณะขยับกายบดเบียดเข้าประสานและรับรู้ถึงกายบางเกร็งแข็งทื่อ ใบหน้างามบิดเบี้ยวส่ายไปมาจนผมที่เกล้าไว้หลวมๆ หลุดลุ่ย สองมือกำเสื้อด้านหน้าของเขาแน่น หางตามีหยาดน้ำพราวระยับ สองตามองเขา อ้อนวอนสิ่งที่เขาถอดถอนไม่ได้แล้ว
ความเจ็บแล่นพล่านไปทั่วสรรพางค์กาย มู่อิงหวาลองขยับกายถอยห่างไปด้านข้าง แต่เขากระชับเข้ามาและกดตรึงนางเอาไว้ แววตาเขาบ่งบอกให้นางหยุด อย่าคิดจะทำอะไรโง่ๆ เขาเริ่มขยับรุกเข้ามาจนสุดเส้นทางแล้วเปล่งเสียงแผ่วออกมาคำหนึ่ง ก่อนจะก้มลงมาจรดริมฝีปากชมพูระเรื่อ ปิดเสียงร้องประท้วงนั้นจนหมดสิ้น
เมื่อความดื้อด้านของหลงเฮ่าเทียนยังคงดำเนินต่อไปความสุขสมเลยเริ่มเข้ามาถามหา สองกายแนบชิดด้วยจังหวะเร่าร้อน
ลมอ่อนๆ พัดผ่านหน้าต่างหอบเอากลิ่นใบไม้ใบหญ้าเข้ามาภายในห้อง สองร่างประสานตามแรงปรารถนาจังหวะเคลื่อนไหวคล่องแคล่ว แข็งแรงดุดัน เนิ่นนาน เสียงแผ่วครางกลบสรรพสิ่งรอบกายให้ถอยห่าง จังหวะลำนำเผ็ดร้อนแทบเผาไหม้ สองร่างที่กอดกระหวัดดุจดั่งของเหลวที่หลอมรวมเข้าด้วยกันไม่สามารถแยกออกจากกันได้ ความสุขสมแตกพล่านบรรยากาศหอมหวนเนิ่นนาน ร่างอ่อนแรงอิงซบกายแกร่งใบหน้าแดงซ่านซุกตรงซอกคอขาวทรงพลังและพริ้มหลับไปกับภวังค์ฝันอันหอมหวาน
“พี่อิงหวา เร็วเข้า... เอ่อ” หลงหลานหยุดฝีเท้าทันทีเมื่อวิ่งมาเกือบถึงศาลาโบตั๋นและเห็นหลงเฮ่าเทียนอยู่กับมู่อิงหวาด้วย
หลายวันก่อนหลงหลานรบเร้าจะออกไปเที่ยวเล่นข้างนอกและถือโอกาสพาพี่สะใภ้ออกไปด้วย เพราะตั้งแต่มู่อิงหวาแต่งเข้ามายังไม่เคยออกไปเที่ยวชมเมืองเลยสักครั้ง หลงเฮ่าเทียนเองก็ไม่ค่อยว่าง มีเวลาน้อยนิดก็จะกลับมาอยู่เป็นเพื่อนนาง
หลงหลานสงสารพี่สะใภ้ แต่สงสารตัวเองมากกว่าที่ไม่ได้ออกไปเที่ยวเล่นเหมือนหนุ่มสาวทั่วไป เลยหาอุบายจะพาพี่สะใภ้ไปเป็นเพื่อน
“สูงต่ำรึ?” หลงเฮ่าเทียนเอ่ยเสียงราบเรียบขณะที่ยกชาขึ้นจิบ
“ใช่ๆ จูเซี่ยวอวี๋ ท้าข้า ข้าไม่ไปไม่ได้หรอก อุ๊บ...” หลงหลานรีบยกมืออุดปาก
“เฮอะ! กักบริเวณสามเดือนยังไม่พอหรือไร” สายตาคมดุตวัดมองน้องสาว
หลงหลานสายตาหลุกหลิกคิดหาทางออกเพื่อจะรีบหนีออกไปตามคำท้าพร้อมพาพี่สะใภ้ไปด้วย
“ข้าล้อเล่นน่ะพี่ใหญ่ ข้าแค่จะพาพี่สะใภ้ไปเที่ยวเล่นเท่านั้นเอง พี่ใหญ่ไม่ค่อยว่าง ข้าสงสารพี่สะใภ้ เลยจะพาไปเปิดหูเปิดตาจะได้ไม่ต้องนั่งเหงาอยู่กับบ้านยังไงเล่า”
“คิดว่าข้าจะเชื่อเด็กมากอุบายอย่างเจ้ารึ”
หลงหลานรีบเข้ามาบีบนวดขาให้พี่ชาย โคลงศีรษะไปมาขณะที่พูด “ข้านัดแนะกับพี่สะใภ้ไว้หลายวันแล้ว ไม่เชื่อถามพี่สะใภ้ดูก็ได้ นะพี่ใหญ่ที่รักของข้า วันนี้มีคณะละครเร่มาในตลาดด้วย ให้ข้าไปเถอะนะ”
หลงเฮ่าเทียนชำเลืองมองภรรยา เห็นนัยน์ตาวาวระยับเมื่อน้องสาวเอ่ยถึงคณะละครเร่ เขาถอนหายใจเฮือกใหญ่ “หากเจ้าก่อความวุ่นวายอีก คราวนี้กักบริเวณครึ่งปี ท่องคัมภีร์สตรีพึงปฏิบัติอีกสิบเล่ม ยึดลูกแก้ว มีดบิน ไม่มีถังหูลู่ ไม่มีบัวลอยน้ำขิงท่านยายหวัง ไม่มีเต้าหู้เหม็นน้าซิ่วหวง ไม่มีน่องไก่แช่เหล้าหอเมฆา ไม่มีไก่ย่างร้านอาเฉา ไม่มี...”
“พอแล้ว! ทั้งหมดนั่นความสุขทั้งชีวิตของข้าเชียวนะ”
“เจ้าเลือกเอง”
“ก็ได้ ข้ายอมแล้ว จะไม่ก่อเรื่องเด็ดขาด” หลงหลานยกมือขึ้นสาบาน “เดี๋ยวนะ มีดบิน?” ดวงตากลมโตมีประกายวาวผ่านไปโดยเร็ว
“มีอะไรที่ข้าไม่รู้ เจ้าฝึกมีดบินมานานสองเดือนแล้ว ทั้งที่ข้าเคยห้ามเจ้าหลายครั้ง” หลงเฮ่าเทียนเสียงแข็งขณะก้มลงมองมือน้อยๆ ที่บีบต้นขาเขา หลงหลานสะอึกรีบถอยห่างจากพี่ชาย ใบหน้าเก้อเขิน แกล้งเกาหัวจนผมเปียคลายตัว เสมองไปทางอื่น ปากขมุบขมิบไม่เป็นภาษา
“ยังไงก็ฝึกไปแล้ว ช่างมันเถอะนะพี่ใหญ่ที่รักของข้า” หลงหลานสาวเท้ามายืนข้างพี่สะใภ้สะกิดนางเบาๆ
“ถ้าท่านพี่อนุญาตแล้ว ข้าไปเปลี่ยนชุดก่อน ไปเถอะหลานเอ๋อร์” และก็รีบจับจูงกันเดินออกไปจากศาลาโบตั๋น หลงเฮ่าเทียนมองทั้งสองจนลับตาแล้วถอนหายใจเฮือกใหญ่อีกครั้ง เขาชักจะไม่ไว้ใจเสียแล้ว
ทั้งสองรีบผ่อนลมหายใจพร้อมกัน “เกือบจะไม่ได้ไปเสียแล้ว” หลงหลานลูบอกเบาๆ หลายครั้ง ดีที่พี่ใหญ่ไม่เอาเรื่องที่นางแอบฝึกมีดบิน ดีแล้ว ดีแล้ว
ทั้งสองจูงมือกันออกจากประตูบ้าน พบว่าเหอชุนกับฉางโปรออยู่ข้างรถม้า
“ดีเลยพี่ฉางโป” หลงหลานเข้าไปตบอกฉางโปด้วยใบหน้าซุกซน
“นายน้อยสั่งห้ามขอรับ” ฉางโปก้มหน้างุด
“จะเป็นไรไปเล่า เราก็อย่าบอกพี่ใหญ่สิ ข้าไม่ก่อเรื่องหรอก”
ฉางโปมองหน้าหลงหลานสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก หากหลงหลานก่อเรื่องอีกคราวนี้เขาคงโดนกักบริเวณเป็นเพื่อนนางแน่นอน สวรรค์ ช่วยข้าด้วย!
รถม้าแล่นมาเรื่อยๆ จนถึงใจกลางเมือง หลงหลานพามู่อิงหวาเดินเที่ยวชมเมืองไปเรื่อย ทั้งเมืองคึกคัก พ่อค้า แม่ค้า สองข้างทางดูน่าตื่นตาตื่นใจไปหมด หลงหลานกระโดดโลดเต้น ซ้ายทีขวาทีไปตามแผงขายของเกือบทุกร้าน พร้อมทั้งดึงมู่อิงหวาตามไปด้วย ส่วนเหอชุนกับฉางโปได้แต่ซอยเท้าตามไปติดๆ
จนมาถึงคณะละครเร่ ทั้งสี่คนหยุดดูอย่างสนใจ ฉางโปหาม้านั่งตัวเล็กๆ มาสองตัว และเต้าหู้เหม็นให้อีกสองจาน ทั้งหมดใช้เวลาอยู่กับละครเร่ครึ่งชั่วยามเลยเปลี่ยนสถานที่ เป็นแม่น้ำสายใหญ่กว้างสุดลูกตา ริมแม่น้ำมีต้นหลิวสูงหลายต้นใบกำลังไหวลู่ลมเป็นทิวทัศน์ชวนมอง หลงหลานหาโรงน้ำชาติดริมแม่น้ำ เข้าไปนั่งรับลม ชวนคุยกันไปอย่างเพลิดเพลิน มู่อิงหวากำลังตื่นตากับเรือที่ลอยลำอยู่ในแม่น้ำ เป็นเรือลำใหญ่ตกแต่งสวยงามแปลกตา หลงหลานบอกว่าเป็นเรือของหอคณิกา มีแต่พวกลูกเศรษฐีเท่านั้นที่แม่นางโฉมงามจะพาลงเรือด้วย
หลงหลานนั่งอยู่ได้ไม่นานนางก็ขอตัวออกไปทำธุระกับฉางโป มู่อิงหวาเลยนั่งคอยอยู่ที่โรงน้ำชากับเหอชุน ชวนกันคุยสับเพเหระ นางเลยได้รู้เรื่องของคุณชายสกุลหลงทั้งห้าอีกมากมาย ทั้งเหอชุนเองก็เป็นคนตรงไปตรงมาคุยสนุก นางเลยไม่เหงามากนัก
มู่อิงหวาแปลกใจอยู่บ้างที่ลูกค้าหลายโต๊ะเอาแต่มองและซุบซิบเหมือนกำลังพูดถึงตน แต่ก็ไม่กล้าถามเหอชุน หารู้ไม่ว่าเป็นลูกค้าในร้านที่ไม่กล้าคุยเสียงดัง ไม่กล้ามองด้วยซ้ำ เพราะหญิงงามนางหนึ่ง มากับดรุณีน้อยสกุลหลงและคนติดตามคนสนิทของผู้นำสกุลคนใหม่ หลายคนเคยลองลูบคมกับหลงเฮ่าเทียนมาแล้ว เพราะเห็นว่าเขาเป็นคุณชายท่าทางสูงส่งดูแล้วอ่อนหัดไม่เข้าใจโลกอีกมากมาย แต่เปล่าเลย ใครที่มีเรื่องกับหลงเฮ่าเทียนกลับบ้านแตก แม้แต่ที่ซุกหัวนอนก็ยังไม่มี ขณะพ่อค้าร่ำรวยรายหนึ่งต้องถึงขนาดขายทุกอย่างยังไม่พอใช้หนี้เลยต้องตกเป็นขอทานอยู่ทุกวันนี้
มีหลายเสียงพูดว่าหลงเฮ่าเทียนกลั่นแกล้ง แต่เพราะไม่มีใครเห็นหลักฐาน เลยเอาเรื่องเขาไม่ได้ คนในเมืองเลยกลัวอิทธิพลของเขากันถ้วนหน้า แต่ที่ไม่ยี่ระก็มีอยู่เพราะถือว่าเป็นคนใหญ่คนโตในท้องถิ่น ได้แต่อวดเบ่งกับชาวบ้านตาดำๆ ถูกเอาเปรียบนานัปการ แต่ก็เป็นคนสกุลหลงเสียนั่นแหละที่เปิดโรงทานให้คนยากไร้ได้มีอาหารประทังชีพ ทุกเดือนบริจาคข้าวสาร หน้าหนาวแจกผ้าห่ม สร้างถนน สร้างสะพาน ชาวเมืองเลยเคารพสกุลหลงอยู่มาก
ผ่านไปพักใหญ่หลงหลานกับฉางโปกลับมา ใบหน้าซุกซนกำลังมีความสุขเพราะฉีกยิ้มกว้างมาตั้งแต่เดินเข้าโรงน้ำชา
ขณะนั้นหลงหลานเหมาถังหูลู่กลับมาทั้งหมด เป็นฉางโปที่แบกกลับมา ระหว่างทางก็แจกจ่ายให้เด็กๆ ไปตลอดทาง เหลือกลับมาแค่สามไม้เท่านั้น
