บทที่ 2 ยินดีต้อนรับเข้าสกุลหลง (3)
นางไม่อยากให้คนในบ้านต้องมารอนางเพียงคนเดียว เลยลุกขึ้นไปนั่งหน้ากระจกทองแดง เร่งรีบและร้อนรนไปหมด สาวใช้คนเดิมรีบมาช่วยหวีผมให้อย่างรวดเร็วและเบามือ
“เจ้าไม่ต้องรีบขนาดนั้นหรอก” เห็นท่าทางลนลานของมู่อิงหวาแล้วเขาเลยหัวเราะขึ้นมาอีกครั้ง
“เสร็จแล้ว” มู่อิงหวาลุกขึ้นจากหน้ากระจกทองแดงบานใหญ่แล้วสาวเท้าเข้ามาหาเขา หลงเฮ่าเทียนลุกขึ้นแล้วจูงมือนางเดินออกไปจากเรือนด้วยกัน พากันไปยังห้องโถงใหญ่ที่ถูกจัดโต๊ะรับประทานอาหารไว้รอ ทั้งครอบครัวพร้อมกันที่โต๊ะอาหาร แล้ว ทุกสายตาจับจ้องเป็นหนึ่งเดียวที่มู่อิงหวา
ทั้งหมดดูจะตะลึงลานกับความงามปานล่มเมืองของนางด้วยกันทั้งนั้น นางประหม่าเลยเผลอบีบมือที่กุมมือตนไว้ หลงเฮ่าเทียนก้มหน้าลงมองแล้วส่งยิ้มให้ หลงเฮ่าเทียนให้นางนั่งลงและตัวเองนั่งในตำแหน่งประธาน
“นางชื่อมู่อิงหวา กะทันหันไปหน่อย แต่ตอนนี้นางเป็นพี่สะใภ้ของพวกเจ้าแล้ว” เสียงเขาราบเรียบแต่ก้องกังวาน
“ข้าไม่ยักรู้ว่าพี่ใหญ่จะรีบร้อนถึงเพียงนี้” คนที่พูดขึ้นก่อนคือดรุณีน้อยนางหนึ่งที่นั่งข้างมู่อิงหวา ท่าทางเอียงคอน้อยๆ แววตากรุ้มกริ่มช่างน่ารักน่าชัก
“พวกเจ้าแนะนำตัวกับพี่สะใภ้เอาเองก็แล้วกัน” หลงเฮ่าเทียนกวาดตามองทุกคนในที่นั้นและยกน้ำขึ้นจิบคำหนึ่ง
“ข้าหลงเฟิงอี้ และภรรยาอี๋ซิ่วกับจินจิน ยินดีต้อนรับพี่สะใภ้” หลงเฟิงอี้เอ่ยขึ้นก่อนและในฐานะคุณชายรองของสกุลหลง ภรรยาของเขาก้มศีรษะให้นางอย่างนอบน้อม
เฟิงอี้ท่าทางผิดกับพี่ชาย เขาดูแข็งกระด้างมากกว่าและดูเคร่งครัดไปหน่อย ต่อจากนั้นหลงกงเก๋อ หลงอี้เฉียง หลงเฉียนหรู และปิดท้ายด้วยดรุณีน้อยที่ยังไม่ถึงวัยเสียบปิ่นอย่างหลงหลาน มู่อิงหวาสังเกตพี่น้อง ทุกคนผิวขาวเหมือนคุณชายสกุลสูงส่งทั่วไป แต่ที่ไม่ธรรมดาเพราะแต่ละคนหน้าตาหล่อเหลา เรือนร่างสูงโปร่งแข็งแรงหน้าตาละม้ายคล้ายคลึงกัน แต่ลักษณะและนิสัยต่างกันแน่นอน ส่วนดรุณีน้อยวัยสิบสี่ท่าทางซุกซน ท่าจะเป็นหนึ่งเดียวของพี่ๆ ทั้งหลาย เมื่อแนะนำตัวเสร็จนางยังกระแซะเข้ามาใกล้จนหลงเฮ่าเทียนเห็นเข้าเลยปรามเสียงเบาไม่ให้รบกวนพี่สะใภ้ พลางส่ายศีรษะกับอาการก่อกวนของน้องสาว
“พี่สะใภ้ใหญ่ ท่านต้องระวังหน่อยนะ” หลงหลานกระซิบข้างหูมู่อิงหวา
“ระวังอะไรหรือ” มู่อิงหวาอดถามอย่างสงสัยไม่ได้
“พี่ใหญ่น่ะสิ เห็นพี่ใหญ่หน้าตายิ้มแย้มอย่างนี้นะ แต่จริงๆ แล้วในบรรดาพี่น้องทั้งหมด พี่ใหญ่ดุสุด เจ้าเล่ห์ อารมณ์แปรปรวนและรับมือยากสุดเชียวละ”
“ยังไงหรือ” มู่อิงหวาถามต่อเพราะอยากรู้
เสียงกระแอมกระไอดังขึ้นขัดจังหวะก่อนที่น้องน้อยจะได้เอ่ยอะไรมากไปกว่านั้น “ลุงอู๋ ยกอาหารมาเถอะ ท่าทางแม่นางดอกกล้วยไม้น้อยๆ ของข้าจะหิวเสียแล้วกระมัง”
“ขอรับนายน้อย” พ่อบ้านอู๋รับคำทั้งรอยยิ้มและพยักหน้าให้สาวใช้ยกอาหารตั้งโต๊ะทันที แค่พริบตาเดียวอาหารมากมายเลิศรสจัดวางเสียเกือบล้นโต๊ะ
“อาหารพวกนี้เป็นอาหารจากหอเมฆาขอรับ นายน้อยสั่งมาเพื่อต้อนรับฮูหยินน้อยเป็นการเฉพาะ” พ่อบ้านอู๋เอ่ยให้ทุกคนได้ยิน
หอเมฆาคือหนึ่งในกิจการของสกุลหลงมีทั้งหมดยี่สิบห้าสาขาสร้างรายได้ให้ไม่น้อย เพราะอาหารเลิศรส บริการเต็มเปี่ยม ในเมืองแห่งนี้มีอยู่สองสาขาและใหญ่โตโอ่อ่ากว่าในเมืองหลวงเสียอีก
เวลาอาหารเริ่ม พี่น้องครื้นเครง มู่อิงหวาเลยคลายความกังวลลงไปได้มาก อย่างน้อยๆ บรรดาน้องๆ ของเขาก็ยินดีต้อนรับนางและดื่มคารวะนางกันทุกคน โดยเฉพาะหลงหลานที่คอยตักอาหารให้นางไม่ขาด ปากก็พูดว่านางผอมไป กลัวจะรับมือพี่ใหญ่ของนางไม่ไหว เลยอยากจะช่วยขุนนางให้อ้วนท้วนเสียอย่างนั้น มู่อิหวายิ้มรับทั้งน้ำตาเพราะบรรยากาศอบอุ่นที่เรียกว่าครอบครัว เพียงแต่สะกิดใจอยู่บ้าง เมื่อทุกครั้งที่สบตาจินจิน ซึ่งเป็นอนุภรรยาของหลงเฟิงอี้นั้น มู่อิงหวากลับเจอสายตาไม่เป็นมิตรเสียเลย แต่นางไม่อยากคิดมาก เลยปล่อยผ่านไปและไม่สบตากับจินจินอีก
หลงเฮ่าเทียนออกจากบ้านไปตั้งแต่เช้าพร้อมคนสนิททั้งสาม เป็นเพราะตอนอาหารค่ำมู่อิงหวาดื่มหนักไป เขาเลยกำชับให้นางนอนตื่นสายสักหน่อย แต่ด้วยความเคยชิน มู่อิงหวาเลยทนนอนต่อไปไม่ไหว จึงลุกขึ้นมาอาบน้ำผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าเสียเอง
“ฮูหยินน้อยเจ้าคะ ให้บ่าวหวีผมให้เถอะเจ้าค่ะ แค่ปล่อยให้ฮูหยินน้อยอาบน้ำผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าเอง บ่าวก็รู้สึกผิดมากแล้วเจ้าค่ะ” สาวใช้วัยสิบหกทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ มู่อิงหวาเลยยื่นหวีไม้มะเกลือส่งให้นางและยิ้มปลอบใจ
“ขอโทษเจ้าด้วย ข้าชินกับการอาบน้ำเองเสียแล้ว”
“ไม่ได้เจ้าค่ะ ห้ามขอโทษบ่าวอีกนะเจ้าคะ แล้วก็ห้ามอาบน้ำเองอีก ถ้านายน้อยรู้เข้าต้องดุบ่าวแน่เจ้าค่ะ ดุที่บ่าวไม่ดูแลฮูหยินน้อยให้ดี” แล้วนางก็เอ่ยเจือแจ้วยาวอีกหลายคำ
มู่อิงหวารับรู้ความหวังดีของสาวใช้นางนี้ “เจ้าชื่ออะไรหรือ”
“บ่าวชื่อเสี่ยวซินเจ้าค่ะ พ่อบ้านอู๋ให้มาคอยดูแลรับใช้ฮูหยินน้อยเจ้าค่ะ” เสี่ยวซินพูดขณะที่เลือกปิ่นขึ้นมาปักให้หลังจากเกล้าผมให้นางแล้ว
“อันเดียวก็พอ” มู่อิงหวายิ้มให้ขณะมองเสี่ยวซินผ่านกระจก “มันหนักศีรษะ เอาไว้ข้าออกไปข้างนอกค่อยให้เจ้าปักได้ตามใจชอบก็แล้วกัน”
“จะดีหรือเจ้าคะ” เพราะฐานะของฮูหยินน้อยจะให้น้อยหน้าใครมิได้ จะเสียเกียรติถึงสกุลหลงด้วย
“ข้าอยู่ในบ้านไม่เป็นไรหรอก” มู่อิงหวาปลอบ เพราะปกติเวลาอยู่บ้านนางแค่ใช้แถบผ้ารวบผมไว้หลวมๆ เท่านั้น แต่ที่ยอมให้เสี่ยวซินเกล้าผมปักปิ่นให้ เพราะรู้สถานะใหม่ของตัวเองดี
“ก็ได้เจ้าค่ะ” เสี่ยวซินรามือและเตรียมลงมือผัดแป้งทาชาดให้ แต่มู่อิงหวากลับส่ายหน้าอีกแล้ว
“เอาไว้ออกไปข้างนอกค่อยใช้แล้วกัน” นางผลักมือเสี่ยวซินที่ยกค้างกลางอากาศอย่างเบามือด้วยท่าทางถนอมน้ำใจ
“เพราะฮูหยินน้อยงามปานล่มบ้านล่มเมืองหรอกบ่าวถึงยอม ไม่ต้องผัดแป้งทาชาดท่านก็งามกว่าสาวๆ ทุกคนในเมืองนี้แล้ว” เสี่ยวซินเก็บทุกอย่างแล้วพิศมองใบหน้าเนียนขาวริมฝีปากชมพูของเจ้านายอย่างพอใจยิ่ง
“เสี่ยวซิน ข้าอยากออกไปเดินเล่น เจ้าไปเป็นเพื่อนข้าได้หรือไม่”
“ได้เจ้าค่ะ บ่าวอยู่ที่นี่ตั้งแต่ตัวแค่นี้” ขณะพูดยังทำไม้ทำมือ อีกมือประคองให้มู่อิงหวาลุกขึ้นและพากันออกจากห้อง
ทั้งสองเดินเข้าไปในสวนของเรือนโบตั๋น เป็นสวนส่วนตัวที่จัดสวนอย่างสวยงามวิจิตร มีภูเขาจำลองและทางเดินเล็กๆ สองข้างทางมีแต่ดอกโบตั๋นหลากสี เดินมาจนกระทั่งถึงศาลาหลังใหญ่ ภายในมีเก้าอี้เอนมุมหนึ่ง ฝั่งตรงข้ามมีโต๊ะเก้าอี้อีกชุดแต่งประดับศาลาด้วยม่านบางๆ สีขาว มู่อิงหวายิ้มน้อยๆ และเดินเข้าไปนั่งบนเก้าอี้เอนก่อนจะมองไปรอบๆ อย่างพอใจ
