บทที่ 2 ยินดีต้อนรับเข้าสกุลหลง (2)
“เจ้าจะปอกลิ้นจี่ให้ข้าได้หรือไม่” หลงเฮ่าเทียนเอ่ยขณะที่ยกมือขึ้นมาลูบปอยผมหอมนุ่ม มู่อิงหวาอดมือสั่นไม่ได้การอิงแอบแนบชิดทำให้ตื่นเต้นอยู่มาก นางเอียงคอกลับไปมองเขาแล้วพยักหน้าน้อยๆ มือเล็กขาวยื่นออกไปหยิบลิ้นจี่ลูกอวบขึ้นมาปอกเปลือกทันที หลงเฮ่าเทียนหยิบกระโถนใบเล็กมาให้นางทิ้งเปลือก
ลิ้นจี่ขาวอวบฉ่ำน้ำยื่นมาตรงหน้าหลงเฮ่าเทียน เขาจับมือเล็กขึ้นมาเพื่อส่งลิ้นจี่เข้าปากตน การกระทำของเขารวดเร็วแต่นุ่มนวลจนมู่อิงหวาแทบไม่ทันตั้งตัว นางรีบชักมือกลับก่อนจะเสไปหยิบลิ้นจี่มาปอกอีกลูก ใบหน้าก้มต่ำแดงจัด หลงเฮ่าเทียนรับลิ้นจี่จากนางเงียบๆ ไปเกือบสิบลูกจึงเอ่ยขึ้น
“พอแล้ว” หลงเฮ่าเทียนเอาผ้ามาเช็ดมือให้นางเมื่อเสร็จก็กอดนางไว้พักใหญ่ “เจ้าอยากกินบ้างหรือไม่ ข้าจะปอกให้” เสียงเขาแผ่วเบาทำให้มู่อิงหวารู้สึกสับสน
“ข้า... ไม่กิน” มือเล็กไม่รู้จะวางไว้ตรงไหนเลยจับอยู่บนลำแขนแข็งแรงที่โอบตนไว้
ทั้งคู่นั่งเงียบมองสองข้างทางไปเรื่อย พักใหญ่ถนนที่มีผู้คนพลุกพล่านเริ่มบางตาลง ร้านค้าและบ้านเรือนเหลือน้อยลง นั่นแสดงว่าเริ่มออกนอกเมืองหลวงแล้ว มู่อิงหวาถอนหายใจแผ่วเบาอย่างไม่ได้ตั้งใจจะทำลายความเงียบ
“เจ้าถอนใจด้วยเหตุหรือ?” สองแขนกระชับร่างบางเข้ามาอีก
“ข้าเพียงแค่คิดว่าการจากบ้านไปคราวนี้ อีกนานแค่ไหนกว่าจะได้กลับไปเยี่ยมบ้านที่ลั่วเจี่ยว”
“เจ้าอยากกลับไปเมื่อใดก็ได้ ข้าไม่ห้าม”
มู่อิงหวาหันไปมองหน้าเขา เริ่มชินกับสัมผัสแนบชิดแสนอบอุ่นและปลอดภัยนี้แล้ว
“ท่าน... ท่านพี่”
“หือ?”
“ท่าน เอ่อ ไม่เสียใจหรือที่ท่านพ่อบังคับให้ท่านแต่งงานกับข้า”
“อือ ไม่เลยสักนิด ข้าได้หญิงงามมาเป็นภรรยา ทำไมต้องเสียใจด้วย อีกอย่าง ข้าก็ชอบเจ้าตั้งแต่แรกเห็นและคิดอยากยึดเจ้ามาเป็นของข้าเสีย ประจวบเหมาะกับที่พ่อของเจ้าให้ข้ารับเจ้าเป็นภรรยาพอดี ข้ารู้ว่าเจ้าคิดมากและกำลังไม่สบายใจ เจ้าอย่าได้คิดมากอีก เข้าใจหรือไม่”
“อือ ข้าเข้าใจแล้ว ข้าจะปรนนิบัติท่านให้ดีให้สมกับที่ท่านไม่รังเกียจข้า”
‘ไม่รังเกียจหรือ? ฮึ เอาไว้วันข้างหน้าเจ้าจะได้รู้เองว่าข้าหาใช่เพื่อนเล่นของพวกเจ้าหรือไม่’ นัยน์ตาคมวาวระยับ มุมปากยกขึ้นน้อยๆ
จากเมืองหลวงถึงถิ่นกำเนิดของหลงเฮ่าเทียนใช้เวลาถึงสิบวัน ขาไปเขาใช้ม้าเดินทางแค่สามวัน ขากลับต้องใช้รถม้าและแวะตรวจกิจการของสกุลหลงอีกหลายแห่งจึงกินเวลาเดินทางไปมาก หลังจากเข้าเมืองเทียเฉิย หลงเฮ่าเทียนจำเป็นต้องแยกไปก่อนเพราะร้านขายเครื่องประดับมีปัญหา เขาไม่อาจปล่อยผ่านไปได้ เขาล่วงหน้าไปกับหลี่ฮุ่ยและเหอชุน แล้วทิ้งฉางโปให้พามู่อิงหวากลับไปยังคฤหาสน์สกุลหลง รถม้าวิ่งผ่านใจกลางเมืองทำให้มู่อิงหวาตื่นตาตื่นใจไม่น้อย ถึงแม้จะเทียบเท่าไม่ได้กับเมืองหลวง แต่สถานที่แห่งนี้กลับน่าสนใจกว่ามากนัก
รถม้าวิ่งผ่านใจกลางเมืองไปช้าๆ คฤหาสน์สกุลหลงอยู่ฝั่งตะวันออกของเมือง เป็นคฤหาสน์ที่ใหญ่โตโอ่อ่าที่สุด รถม้าวิ่งไปตามถนนข้างทางเป็นกำแพงหินของคฤหาสน์สกุลหลงที่ยาวเหยียด จนสุดท้ายก็มาหยุดลงหน้าประตูไม้บานใหญ่สีแดง
“ถึงแล้วขอรับฮูหยินน้อย” ฉางโปกระโดดลงจากหลังม้ามาเปิดม่านพร้อมเอ่ยเสียงเรียบ
มู่อิงหวาละสายตาจากหน้าต่างรถม้าและยิ้มให้ฉางโปก่อนจะอุ้มหีบใบเล็กมายื่นให้ฉางโปและลงจากรถม้าด้วยตัวเอง ฉางโปเดินไปที่ประตูไม้บานใหญ่ที่เปิดออกแล้ว มีชายกลางคนเดินออกมาหน้าตายิ้มแย้มคุยอะไรบางอย่างอยู่กับฉางโป ก่อนที่ทั้งสองจะมองมาที่นาง
“ฮูหยินน้อยขอรับ นี่พ่อบ้านอู๋” พ่อบ้านอู๋ยืนค้อมกายเล็กน้อย
มู่อิงหวาก้มศีรษะและเงยหน้าขึ้นมาส่งยิ้มให้ รอยยิ้มหวานฉ่ำ ท่าทางสง่าทำให้ไม่อาจละสายตาจากหญิงสาวได้ พ่อบ้านอู๋ยิ้มตอบพลางคิดในใจว่างามเหลือเกิน แม้การแต่งกายและเครื่องประดับจะแสนธรรมดา แต่ไม่อาจลดความงามของหญิงสาวผู้นี้ได้เลย
“ข้ามู่อิงหวา ยินดีที่ได้รู้จักพ่อบ้านอู๋ จากนี้ไปขอรบกวนพวกท่านแล้ว”
“หามิได้ขอรับฮูหยินน้อย พวกบ่าวต้องขอฝากตัวกับท่านเสียมากกว่า... ฮูหยินน้อยเชิญเข้าบ้านก่อน ข้างนอกร้อนนัก ท่านจะไม่สบายเอา” พ่อบ้านอู๋รีบเชื้อเชิญ และเดินนำเข้าไปก่อน ปิดท้ายด้วยฉางโปกับหีบใบน้อยและข้าวของส่วนตัวของมู่อิงหวา
มู่อิงหวามองไปรอบๆ สมคำล้ำลือ! คฤหาสน์สกุลหลงใหญ่โตโอ่อ่า ผ่านประตูหน้าเข้ามาเป็นสวนดอกไม้นานาพันธุ์ขนาดใหญ่ มีทางเดินทอดยาวไปถึงห้องโถงรับแขกที่เปิดประตูรอรับแขกไว้ตลอดเวลา ผ่านโถงลึกเข้าไปมีเรือนหลังใหญ่แยกจาก้องโถงอย่างชัดเจน ข้างในกว้างขวาง แต่การตกแต่งเรียบง่ายสบายตา ห้องส่วนหน้ากว้างขวางเอาการอยู่ แต่งประดับหน้าต่างด้วยม่านขาวสะอาดตาก่อนจะผ่านประตูโค้งอีกชั้นมีม่านลูกปัดบังตาไว้ เมื่อเดินลึกเข้าไปจะพบประตูห้องนอนใหญ่
“เรือนหลังนี้เรียกว่าเรือนโบตั๋น เดิมทีนายท่านกับฮูหยินอาศัยอยู่ที่นี่ แต่เมื่อยกหน้าที่ผู้นำสกุลให้นายน้อยแล้ว นายท่านทั้งสองก็ออกท่องเที่ยวจนตอนนี้ปักหลักอยู่ทางใต้แล้วขอรับ” พ่อบ้านอู๋เอ่ยต่อไปอีกว่า “ต่อไปห้องนอนนี้จะเป็นห้องของนายน้อยกับฮูหยินน้อย” พ่อบ้านอู๋เดินไปผลักหน้าต่างให้เปิดกว้างเพื่อให้ลมผ่านเข้ามา
“เชิญฮูหยินน้อยพักผ่อนเถอะขอรับ อีกสักพักค่อยอาบน้ำแล้วพักสักงีบ เมื่อถึงมื้อเย็นแล้วจะให้เด็กๆ มาเรียก”
มู่อิงหวาพยักหน้าก่อนจะเดินไปนั่งที่เตียงหลังใหญ่ ด้วยเหนื่อยล้าจากการเดินทางเลยไม่คิดที่จะสำรวจห้องและไม่อยากรั้นผู้ใดไว้ ไม่นานทุกคนจึงออกไป นางนั่งก้นยังไม่ทันอุ่นก็มีสาวใช้ท่าทางนอบน้อมเดินนำเข้ามาพร้อมกับบ่าวรับใช้ที่แบกน้ำอย่างรู้งานมาเทใส่ถังไม้ใบโตพิเศษ
มู่อิงหวาใกล้จะหลับเต็มทีแล้วเลยเดินไปหลังฉากบังตาและรีบถอดเสื้อผ้าโดยมีสาวใช้คอยช่วยและพยุงลงไปในถังน้ำเงียบๆ สาวใช้ทำงานไปอย่างเงียบเชียบและคล่องแคล่ว จนเสร็จมู่อิงหวาอยู่ในชุดใหม่และสะอาดเดินโซเซไปถึงเตียงได้อย่างไรก็ไม่แน่ใจแล้วนางก็หลับไปในเวลาอันรวดเร็ว
หลงเฮ่าเทียนนั่งลงยังขอบเตียงใหญ่ มุมปากยกยิ้มน้อยๆ นิ้วเรียวยาวแตะไปยังไรผมของมู่อิงหวา
“ขี้เซาจริงนะ” เสียงทุ้มนุ่มดังอยู่ข้างหูและตามมาด้วยการสัมผัสไล้ข้างแก้ม ตามด้วยเสียงหัวเราะเบาๆ
มู่อิงหวาค่อยๆ ปรือตามอง แล้วก็เด้งตัวลุกขึ้นทันที พอหันมองไปรอบๆ ภายในห้องมีแสงตะเกียงเสียแล้ว นั่นหมายถึงว่านางนอนเกือบจะสองชั่วยาม[2] เชียวหรือ
[2] 1 ชั่วยาม เท่ากับ 2 ชั่วโมง
“ท่านพี่ ท่านกลับมานานแล้วหรือ?” นางถามออกไปพร้อมขยับกายมานั่งที่ขอบเตียง
“ข้าเพิ่งมาถึง เจ้าหลับสบายดีหรือไม่” นิ้วเรียวยาวช่วยปัดปอยผมไปข้างหลัง
มู่อิงหวาพยักหน้า ใบหน้าแดงก่ำ ด้วยอายที่ตนนอนหลับไปอย่างแสนสบายกว่าเจ้าของคฤหาสน์
“เช็ดหน้าเช็ดตาเสียหน่อย แล้วไปทานมื้อเย็นกันเถอะ ทุกคนกำลังรอเจ้าอยู่”
“ข้อขอโทษ ข้าคงเหนื่อยไปหน่อย” มู่อิงหวารับผ้าหมาดๆ จากมือหลงเฮ่าเทียนและรีบเช็ดหน้าเช็ดตาจนสดชื่นขึ้น
