บทที่ 2 ยินดีต้อนรับเข้าสกุลหลง (1)
งานมงคลสมรสระหว่างสกุลหลงกับสกุลมู่ถูกจัดขึ้นยังหอเมฆาของสกุลหลงที่โอ่อ่าหรูหราเป็นเวลาติดต่อกันถึงสิบวัน ภายในเมืองคึกคักเป็นพิเศษ มีแขกเหรื่อร่วมแสดงความยินดีมากหน้าหลายตา ต่างหลั่งไหลมาไม่ได้ขาดสาย ด้วยเพราะสกุลหลงไม่ใช่พ่อค้าธรรมดาแต่เป็นคหบดีมีชื่อเสียงไปทุกมณฑลทุกมุมเมือง หลงเฮ่าเทียนพอใจในฝีมือลูกน้องคนสนิททั้งสามของเขามาก นั่นเพราะต้องเดินทางไปเมืองหลวงอีกหนึ่งวัน มีเวลาเพียงแค่สองวัน กลับจัดงานได้ใหญ่โตสมหน้าตาเขา แต่คนที่ดีใจที่สุดเห็นจะเป็นมู่เยี่ยยี ที่ยืนรับแขกหน้าชื่นตาบาน น้อมรับของขวัญและคำอวยพรด้วยน้ำเสียงโอหังวางท่าทางสูงส่ง หลงเฮ่าเทียนเห็นภาพนั้นและยิ้มอย่างพอใจ ก่อนจะหวนกลับมามองหญิงสาวข้างกาย เขายอมรับว่ามู่อิงหวางามพิศปานล่มเมือง ผิวขาวราวหิมะ เรือนร่างโปร่ง ติดจะผอมไปสักหน่อย แต่ยังมีส่วนเว้าส่วนโค้งให้เห็น คิ้วเรียว ดวงตากลม จมูกรั้น ริมฝีปากน่ารักรับกับคางเรียวเล็ก กิริยาอ่อนช้อย รวมๆ แล้วเขาพอใจนางยิ่งนัก
หลงเฮ่าเทียนรวบเอวบางเข้ามายืนแนบชิดเขา ก่อนจะเลื่อนมือขึ้นมาลูบผมกลางหลังของนาง มู่อิงหวาตัวแข็งทื่อไม่คิดว่าเขาจะให้ความสนิทสนมกับตนมากถึงเพียงนี้
“ต่อจากนี้ไปเจ้าเป็นภรรยาของข้า เป็นฮูหยินน้อยของสกุลหลง” ใบหน้าหล่อเหลานั้นก้มลงมองใบหน้างามพิศแล้วส่งยิ้มน้อยๆ ให้
มู่อิงหวาชะงักงันกับรอยยิ้มของเขา ขณะที่เงยหน้าขึ้นไปมองเขา ริมฝีปากนางแยกจากกันน้อยๆ ด้วยความที่ไม่ได้ตั้งใจ นางกำลังสับสน ทั้งไออุ่น ทั้งกลิ่นหอมอ่อนๆ เฉพาะตัวของหลงเฮ่าเทียน ทำให้สมองน้อยๆ ของนางหยุดการทำงานไปชั่วขณะ หลงเฮ่าเทียนหัวเราะแผ่วเบา พลางยกมือขึ้น ใช้ปลายนิ้วเรียวขาวไล้ไปตามริมฝีปากเนียนนุ่มสีเหมือนลูกอิงเถา[1] นัยน์ตาคมกริบลึกล้ำคู่นั้นจ้องมองไม่ละสายตา มุมปากที่ยกขึ้นเล็กน้อยตามธรรมชาติยิ่งยกขึ้นเรื่อยๆ
[1] ลูกอิงเถาคือลูกเชอรี่
“มู่เยี่ยยีถึงคราวตกอับแน่แล้ว” หลี่ฮุ่ยเอ่ยขึ้นมาก่อน ขณะมองไปยังเจ้านายที่กำลังหว่านล้อมกวางน้อยอย่างแนบเนียนด้วยเสน่ห์ชวนหลงของตน
“แต่เมื่อไหร่ล่ะ ข้าคิดว่านายน้อยคงใช้เวลาเล่นกับสองพ่อลูกอีกพักใหญ่แน่” เหอชุนกล่าวขณะที่มองไปยังมู่อิงหวาอย่างเห็นใจอยู่บ้าง แต่เขาเชื่อการตัดสินใจของเจ้านายและร่วมมืออย่างสมัครใจ
“งามปานล่มเมืองเช่นนั้น เสียเวลาเล่นทั้งชีวิตก็ไม่เสียแรงเปล่าหรอก ฮ่าๆ” ฉางโปหัวเราะรัวอย่างชอบใจ ต่อจากนี้จะมีละครฉากใหญ่ให้ดูชม
ถึงแม้งานเลี้ยงจะจัดขึ้นอย่างใหญ่โต แต่พิธีการกลับถูกตัดให้สั้นเพียงนิดเดียว แม้แต่คนในสกุลหลงและสกุลมู่สักคนก็ไม่มีใครมาร่วมงาน แต่ในงานนั้นมีเสียงซุบซิบว่าหลงเฮ่าเทียนได้เสียกับมู่อิงหวา งานแต่งจึงจัดขึ้นอย่างกะทันหันเพื่อกู้หน้าให้แม่นางน้อยมู่อิงหวาในวัยสิบแปดปี หลายคนที่รู้จักหลงเฮ่าเทียนดี กลับไม่คิดอย่างนั้นแต่ก็ไม่ได้เอ่ยอะไรออกมา
แม้หลงเฮ่าเทียนจะสุภาพนอบน้อมแต่ก็ไม่เคยต่อรองการค้าเพลี่ยงพล้ำ ไหนเลยจะยอมถูกจับแต่งงานเพียงเพื่อรักษาหน้ากับแค่หญิงสาวผู้หนึ่ง ถึงอย่างไรก็ยังมีหลายเสียงกล่าวกันว่าหลงเฮ่าเทียนจำใจแต่งเพราะต้องการทายาทมาสืบสกุล นั่นเพราะอายุเขายี่สิบห้า หน้าตาดี ฐานะดี แต่กลับไร้คนรักสักครึ่งคน หรือไม่ เขาอาจจะเป็นพวกลักเพศ จึงต้องหาหญิงสาวมาตบแต่งเพื่ออำพรางตัวตนที่แท้จริง หลายคนเลยได้แต่คิดเรื่องของหลงเฮ่าเทียนไปต่างๆ นานากัน
หลายปากหลายเสียง หลายเรื่องราว แต่จะมีสักกี่คนที่รู้จักเขาดี และรู้ว่าเขากำลังทำสิ่งใดอยู่
หลังจากเสร็จสิ้นงานมงคล หลงเฮ่าเทียนพาตัวเจ้าสาวกลับคฤหาสน์สกุลหลงแห่งเมืองเถียเฉินทันที ทั้งที่ยังมิได้เข้าหอกันด้วยซ้ำ แต่มู่เยี่ยยีไม่ได้คัดค้าน เพราะทั้งสินสอด ทั้งของขวัญและชื่อเสียง แค่นี้ก็ทำให้เขาพอใจมากแล้ว การยื้อหลงเฮ่าเทียนมากไปเห็นจะไม่เหมาะ เอาไว้วันข้างหน้าเขาต้องรบกวนลูกเขยคนนี้อีกแน่นอน วันนี้จึงปล่อยกลับไปก่อน ส่วนเขาจะหอบของขวัญล้ำค่ามากมายกลับเมืองลั่วเจี่ยวเช่นกัน
หลงเฮ่าเทียนนั่งมาในรถม้าคันเดียวกับมู่อิงหวา ลูกน้องคนสนิทอีกสามคนขี่ม้าเดินนำหน้าไปอย่างไม่เร่งรีบนัก ถนนสายหลักเต็มไปด้วยผู้คนสัญจรไปมา ร้านค้า ร้านรวง โรงเต๊ยม โรงน้ำชา หอสุรา ล้วนแต่กำลังครึกครื้น
ภายในรถม้าตกแต่งหรูหรามีโต๊ะตัวเล็กๆ วางอยู่ริมหน้าต่าง บนโต๊ะมีสมุดบัญชีหลายเล่ม ยังมีถาดใส่ลิ้นจี่ลูกอวบ พร้อมด้วยชาอู่หลงที่เขาชอบดื่มเป็นที่สุดวางอยู่ด้วย มู่อิงหวานั่งติดหน้าต่างอีกด้านหนึ่ง ภายในรถม้าเงียบเชียบเลยได้แต่แหวกม่านผ้าโปร่งสีขาวขึ้นมองข้างทางเพื่อจะเก็บภาพเมืองหลวงและถนนที่จอแจไปด้วยผู้คนให้มากที่สุด ตั้งแต่เล็กจนโตนี่เป็นการย้ายถิ่นอาศัยอย่างถาวรครั้งแรก เป็นเพราะแต่งงานออกเรือน ทำให้ใจหายไม่น้อย สองมือกำถุงหอมที่ผูกติดข้างเอวไว้แน่นเพื่อระลึกถึงมารดาอันเป็นที่รักที่ทำถุงหอมนี้ให้กับนาง
หลงเฮ่าเทียนยังคงตรวจสมุดบัญชีอีกพักใหญ่ บางครั้งวางมือและจิบชาแล้วลงมือทำงานต่อ ท่าทางสุขุมและสง่างามของเขาทำให้มู่อิงหวาอดหันกลับมามองเขาไม่ได้ เหตุใดหนอเขาถึงตอบตกลงแต่งงานง่ายดายถึงเพียงนี้ รู้ทั้งรู้ว่าคืนนั้นไม่มีทางเกิดอะไรขึ้นมาได้ แม้คนไร้ประสบการณ์อย่างนางยังแน่ใจว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น และทำไมเขาจะไม่รู้เล่า ท่าทางเขาก็ฉลาดปราดเปรื่องถึงเพียงนั้น คงไม่มีทางให้ใครมาหลอกง่ายๆ หรอก ถึงแม้จะแน่ใจอยู่บ้างว่าทั้งหมดเป็นฝีมือบิดา แต่ก็ไม่อาจเปิดปากพูดอะไรมากได้ นั่นเพราะเห็นแก่มารดา หากนางทำให้บิดาไม่พอใจ คนที่ต้องรับกรรมต้องเป็นมารดาของนางแน่ การเป็นอนุภรรยาที่มีแต่ความงามไม่ได้ช่วยอะไรมากจริงๆ ทั้งโดนสามีต่อว่า โดนภรรยาหลวงดูแคลน ที่สำคัญมารดาของนางยังให้กำเนิดบุตรชายมิได้ เลยยิ่งไม่มีปากเสียงในบ้านเหมือนภรรยาหลวงและอนุภรรยาอีกหลายคน
มู่อิงหวากำลังใจลอย สายตาจ้องมองสมุดบัญชีของหลงเฮ่าเทียนนิ่ง แต่เขาแน่ใจว่านางไม่ได้คิดจะดูรายการในสมุด มุมปากบางหยักสวยยกขึ้นก่อนจะวางมือจากงานทั้งหมดและช้อนร่างบอบบางให้ขึ้นมานั่งบนตักตน
“อุ๊ย!” มู่อิงหวาตกใจตัวแข็ง หน้าตาตื่น
“เจ้ากำลังใจลอยไปถึงไหนหึ”
“คุณชายหลง ข้า...”
“จุ๊ๆ ข้าเป็นสามีของเจ้า ไยยังเรียกคุณชายหลงอีก” เสียงทุ้มดังข้างหูพร้อมด้วยลมหายใจอุ่นระอุ ทำให้มู่อิงหวาขนต้นคอลุกชัน “ไหน ควรเรียกข้าอย่างไร” ใบหน้าหล่อเหลาขยับเข้ามาคลอเคลียแก้มเนียนนุ่มของนาง
“เอ่อ ทะ... ท่านพี่”
“ดีมาก” หลงเฮ่าเทียนยิ้มอย่างพอใจและใช้ฟันขาวสะอาดงับใบหูขาวหอมของนาง มองใบหน้างามพิศค่อยๆ แดงเรื่อขึ้น
ด้วยความสบอารมณ์ยิ่งนัก สองแขนของเขายิ่งกระชับรัดนางแน่นขึ้นจนแผ่นหลังบางแนบแผ่นอกตึงแข็งแรง
“เวลาเจ้าเอียงอายช่างน่ารักนัก” หากมู่อิงหวาไม่ได้ตกอยู่ในอาการประหม่า คงทันได้ยินน้ำเสียงของเขาที่แปร่งไป เขาขยับกายให้นั่งในท่าสบายที่สุดขณะที่มู่อิงหวายังคงนั่งซ้อนอยู่บนตักเขา
