ตอนที่ 4: บันทึกของหัวใจในวันที่ไม่มีอะไร
เช้าวันพฤหัสฯ ที่อากาศไม่ร้อนเกินไปและไม่เย็นจนเกินควร ขวัญข้าวตื่นขึ้นพร้อมเสียงนกร้องข้างหน้าต่าง ไม่ใช่เสียงนาฬิกาปลุก ไม่ใช่เสียงแจ้งเตือนมือถือ แต่นั่นแหละที่ทำให้เธอยิ้มได้ตั้งแต่ยังไม่ลืมตาเต็มที่
“เช้านี้น่าจะดี” เธอพูดกับตัวเองเบาๆ
หลังจากล้างหน้าแปรงฟัน ขวัญข้าวเดินตรงไปที่ครัวเล็กๆ ในคอนโด ชงกาแฟดำแบบไม่ใส่น้ำตาลเหมือนทุกวัน กลิ่นกาแฟหอมลอยคลุ้งในอากาศ พร้อมกับเสียงน้ำเดือดเบาๆ จากเครื่องต้ม เธอหยิบสมุดโน้ตขึ้นมา เปิดไปยังหน้าที่เขียนว่า “เรื่องที่อยากทำถ้ามีเวลาว่างจริง ๆ” รายการที่เธอเขียนไว้ตั้งแต่ต้นปีแต่ยังไม่ได้ทำเสียที
อ่านหนังสือที่ซื้อมาแล้วยังไม่ได้เปิด
วาดรูปแบบไม่ต้องสวยก็ได้
เขียนจดหมายถึงตัวเองในอนาคต
เย็บผ้า ทำของใช้เองสักชิ้น
เดินเล่นโดยไม่ใช้มือถือเลยสักชั่วโมง
เธอจ้องรายการอยู่สักพักแล้วเขียนเพิ่มข้อที่ 6 ลงไป
ไม่ต้องทำอะไรเลยสักวัน แล้วไม่รู้สึกผิด
...
เช้านั้นขวัญข้าวเปลี่ยนเสื้อยืดตัวเก่าที่นุ่มจนเหมือนผ้าห่มเป็นเดรสผ้าฝ้ายตัวหลวม สะพายกระเป๋าผ้าใบเดิม หยิบหมวกใบเก่าที่ใช้เวลาเดินทางคนเดียวเมื่อหลายปีก่อน แล้วก้าวออกจากห้องโดยไม่ตั้งเป้าหมายใด ๆ
เธอลงรถไฟฟ้าที่สถานีหนึ่งซึ่งไม่ค่อยมีคนลง แวะร้านกาแฟที่ไม่เคยเข้า สั่งเมนูใหม่ที่ปกติจะไม่ลอง “ลาเต้เย็นไซรัปวานิลลา น้อยหวาน” พอได้มา เธอก็ยิ้มกับตัวเองที่ทำสิ่งเล็ก ๆ ต่างไปจากเดิม
เธอเดินต่อมาเรื่อย ๆ ตามถนนที่มีร้านเล็ก ๆ อยู่สองข้างทาง บางร้านขายของมือสอง บางร้านเป็นแกลเลอรีศิลปะ บางร้านเปิดเพลงแจ๊ซเบา ๆ ขวัญข้าวไม่เคยรู้มาก่อนว่าในเมืองวุ่นวายนี้ยังมีมุมแบบนี้ซ่อนอยู่
เธอหยุดดูร้านขายเครื่องประดับแฮนด์เมดเล็ก ๆ เจ้าของร้านเป็นหญิงสาวอายุไล่เลี่ยกัน ใส่เสื้อยืดสกรีนลายคำว่า "Still Learning" ยิ้มทักทายอย่างเป็นกันเอง
"อยากลองใส่อันไหนก็หยิบได้นะคะ ไม่ซื้อก็ไม่เป็นไรค่ะ ลองดูเล่น ๆ ก็ได้"
ขวัญข้าวหยิบสร้อยข้อมือเส้นเล็ก ๆ ที่ถักจากไหมญี่ปุ่นสีเทากับสีครีมมาลองใส่ พลางเอ่ยขึ้นว่า "เคยคิดนะคะว่าอยากลองทำของแบบนี้เอง แต่ไม่เคยลงมือจริง ๆ สักที"
เจ้าของร้านหัวเราะเบา ๆ "หนูก็เริ่มจากแค่เบื่อเฉย ๆ ค่ะ ตอนนั้นลาออกจากงานแล้วว่างจนไม่รู้จะทำอะไร เลยลองดู แล้วก็ไม่หยุดอีกเลย"
ขวัญข้าวพยักหน้าเหมือนเข้าใจในความรู้สึกนั้น เธอซื้อมันเส้นหนึ่ง ไม่ใช่เพราะมันสวยที่สุด แต่เพราะมันมีเรื่องราว
...
หลังจากเดินเล่นจนขาเริ่มล้า ขวัญข้าวนั่งพักในสวนสาธารณะเล็ก ๆ ใกล้แหล่งชุมชน เธอหยิบสมุดบันทึกเล่มประจำขึ้นมา เปิดไปหน้าว่าง แล้วเขียนว่า:
“ชีวิตมันไม่ต้องยิ่งใหญ่ทุกวันก็ได้หรอก แค่มีช่วงเวลาที่เราได้หยุดคิด ได้หายใจ ได้ฟังเสียงข้างในบ้าง ก็น่าจะเพียงพอแล้ว”
เธอมองเด็กเล็ก ๆ กลุ่มหนึ่งที่วิ่งเล่นในสนามหญ้า หัวเราะเสียงใส ๆ ไม่มีความกลัว ไม่มีความกังวล เหมือนชีวิตยังไม่มีน้ำหนัก
เธอปิดสมุดลง แล้วหยิบมือถือขึ้นมาดู พบว่าไม่ได้มีสายไม่ได้รับ ไม่ได้มีข้อความฉุกเฉิน ไม่มีใครต้องการเธออย่างเร่งด่วน
แปลว่า เธอสามารถเป็นแค่ "ขวัญข้าว" ที่ไม่มีบทบาทอื่นได้เต็มที่ในวันนี้
...
ค่ำวันนั้นเธอกลับห้อง เปิดเพลงบรรเลงเบา ๆ แล้วจุดเทียนหอมกลิ่นลาเวนเดอร์ เธอเปิดลิ้นชัก หยิบจดหมายเก่าที่เคยเขียนถึงตัวเองเมื่อ 2 ปีก่อนขึ้นมาอ่าน
“หวังว่าตอนที่เธออ่านจดหมายฉบับนี้ เธอจะไม่ลืมว่าการอยู่คนเดียวไม่ได้แปลว่าโดดเดี่ยว และการช้าลงไม่ได้แปลว่าเธอล้มเหลว”
เธอยิ้มและรู้สึกขอบคุณตัวเองในอดีต
แล้วหยิบกระดาษแผ่นใหม่ขึ้นมาเขียนจดหมายตอบกลับ
“ขอบคุณนะ ที่เธอเขียนถึงเราในวันที่ยังไม่รู้ว่าข้างหน้าจะเป็นยังไง ทุกคำในจดหมายวันนั้น ช่วยปลุกใจเราในวันนี้ได้มากเลย”
...
ก่อนนอน ขวัญข้าวมองออกไปยังวิวเดิม วิวที่เห็นทุกวัน แต่วันนี้เธอกลับรู้สึกว่ามันพิเศษ เธอถ่ายภาพวิวหน้าต่างนั้นไว้ แล้วเขียนแคปชันสั้น ๆ ในใจ:
“บางวันเราก็ไม่ได้ต้องการอะไรมากไปกว่าการได้หายใจโดยไม่รู้สึกผิดอีกต่อไป”
เธอปิดไฟ ปิดเสียงมือถือ วางหัวใจที่อ่อนล้าไว้บนหมอน แล้วหลับไปพร้อมกับความรู้สึกว่า ชีวิตอาจไม่ได้ต้องการอะไรพิเศษเลย ขอแค่มีวันที่ได้อยู่กับตัวเองแบบนี้บ้างก็พอแล้ว
...
“ในวันที่ไม่มีเรื่องพิเศษอะไรเลย หัวใจเรากลับอ่อนโยนกับตัวเองได้ที่สุด”
