โตพอที่จะเข้าใจว่า แค่มีวันดีๆก็พอ

27.0K · อัพเดทล่าสุด
โกโอ (高鸥)
18
บท
326
ยอดวิว
8.0
การให้คะแนน

บทย่อ

บางที... ชีวิตที่ดีอาจไม่ใช่ชีวิตที่สมบูรณ์แบบ แต่คือวันที่เราได้กลับมามองเห็นความธรรมดา แล้วรู้สึกขอบคุณที่ยังอยู่ตรงนี้

นิยายปัจจุบันคนธรรมดาฟินๆ

ตอนที่ 1: ข้าวเช้ากลางแดดเที่ยง

เสียงนาฬิกาปลุกจากมือถือดังขึ้นในเช้าวันจันทร์ แต่ความจริงแล้วมันคือเที่ยงครึ่งที่แดดข้างนอกพุ่งทะลุม่านหน้าต่างเข้ามาไล่ความมืดในห้องคอนโดขนาด 26 ตารางเมตรของขวัญข้าวให้กลายเป็นสว่างจ้าเหมือนพระอาทิตย์กำลังประชดชีวิตใครสักคนอยู่

ขวัญข้าวลืมตาขึ้นอย่างเชื่องช้า พึมพำกับตัวเองทั้งที่ยังไม่ได้ลุกจากเตียง

"ถ้าวันนี้ไม่มีประชุม ก็คือฉันลาออกได้เลยนะ..."

แน่นอนว่าพูดเล่น เพราะถึงจะไม่อยากตื่น ก็ยังต้องลุกขึ้นอยู่ดี นาฬิกาบนมือถือบอกเวลา 12:42 น. เธอถอนหายใจแล้วค่อย ๆ ยันตัวขึ้นจากเตียง ขยี้ตาเหมือนคนที่ยังไม่แน่ใจว่าตัวเองตื่นจริงหรือยังฝันอยู่

ชีวิตของหญิงวัยทำงานอายุ 29 ที่ไม่มีแฟน ไม่มีสัตว์เลี้ยง ไม่มีต้นไม้ในห้อง และไม่มีความตั้งใจจะทำอะไรก็เป็นแบบนี้แหละ ตื่นกลางวัน กินข้าวคนเดียว ทำงานที่ไม่ได้เกลียด แต่ก็ไม่ได้รัก แล้วก็เข้านอนแบบไม่ได้คาดหวังอะไรจากพรุ่งนี้

หลังจากลุกไปเข้าห้องน้ำ ล้างหน้าแปรงฟันเสร็จ เธอก็เดินไปเปิดตู้เย็น และพบกับสิ่งที่คนอยู่คนเดียวมักพบเจอเป็นประจำ

"โยเกิร์ตรสสตรอเบอร์รี่ หมดอายุเมื่อสามวันก่อน... ยังพอกินได้มั้ยวะ"

คำตอบคือได้ ถ้าหิวพอ

สุดท้าย ขวัญข้าวตัดสินใจเดินลงไปเซเว่น เธอใส่เสื้อยืดสีเทา กางเกงขาสั้นแบบไม่ได้แมทช์อะไรกับเสื้อ หน้าสด ผมเผ้าเหมือนคนผ่านสงครามนอนกลิ้งบนเตียงมา 12 ชั่วโมงเต็ม ๆ

ระหว่างทางเดินลงจากคอนโด ขวัญข้าวเจอกับเพื่อนบ้านประตูตรงข้าม ซึ่งเป็นชายหนุ่มวัยสามสิบต้น ๆ ที่เธอไม่เคยรู้จักชื่อ รู้แค่ว่าเขาชอบเปิดเพลงแจ๊สดัง ๆ ตอนดึกและมักส่งยิ้มให้เธอแบบไม่ประหลาดใจ

วันนี้ก็เหมือนเดิม

"ไปเซเว่นเหรอครับ"

เธอยิ้มตอบแบบขอไปที "อืมค่ะ พอดีตู้เย็นไม่มีอะไรเลย"

"วันนี้แดดแรงนะครับ ใส่แว่นกันแดดด้วยสิ เดี๋ยวตาจะหรี่เหมือนแมวตอนโดนแฟลชถ่ายรูป"

ขวัญข้าวหลุดหัวเราะออกมาเบา ๆ แบบไม่ตั้งใจ "เปรียบเทียบได้น่ารักดีนะคะ"

เธอเดินต่อไปโดยไม่หันกลับ แต่ยิ้มกว้างขึ้นนิดนึงราวกับชีวิตเพิ่งได้รับน้ำตาล 1 ช้อนชาจากบทสนทนาสั้น ๆ

...

ภายในร้านสะดวกซื้อ ขวัญข้าวหยิบโจ๊กซองรสหมู ใส่ตะกร้าพร้อมน้ำเปล่าและกาแฟกระป๋อง แล้วเดินไปชำระเงินที่เคาน์เตอร์

ระหว่างยืนรอคิดเงิน เสียงจากลำโพงร้านเปิดเพลง “ยินดีที่ไม่รู้จัก” ของ 25Hours ดังขึ้น เธอเงยหน้ามองฝ้าระบายอากาศบนเพดานราวกับจะบอกอะไรกับฟ้า

“นี่ฟ้าจะสื่ออะไรกับฉันรึเปล่าเนี่ย…”

ชายชราที่ต่อคิวข้างหลังยิ้มให้เธออย่างสุภาพ เธอจึงยิ้มตอบไปแบบเกรงใจเล็กน้อย

บางครั้ง การได้ยิ้มให้คนแปลกหน้า มันก็ดีไม่แพ้การคุยกับคนรู้จักที่ไม่รู้ใจ

...

เธอกลับถึงห้องตอนบ่ายโมงครึ่ง นั่งกินโจ๊กหน้าทีวีที่ไม่ได้เปิด กับกาแฟกระป๋องที่เย็นไม่พอให้สดชื่นแต่ก็ไม่ร้อนจนทำให้รู้สึกเหมือนชีวิตถูกต้มซ้ำ

เปิดแล็ปท็อปทำงานเล็กน้อย ตอบอีเมลลูกค้า เช็กบรีฟจากทีม แล้วก็หยุดเพราะหัวไม่แล่น

เธอคิดถึงคำว่า “Burnout” ทั้งที่ยังไม่ได้เผาตัวเองเต็มที่ด้วยซ้ำ คิดถึงคำว่า “ชีวิตที่มีความหมาย” ทั้งที่ตอนนี้ยังไม่รู้ว่าความหมายมันคืออะไร

...

บ่ายสามโมง ขวัญข้าวเปลี่ยนจากทำงานเป็นนั่งมองเพดาน แล้วก็เดินออกไปที่คาเฟ่หน้าปากซอย

คาเฟ่เล็ก ๆ ที่เธอไปบ่อยจนพนักงานเริ่มจำหน้าได้ มีโต๊ะประจำตรงมุมติดหน้าต่าง เธอสั่งลาเต้เย็นไม่หวาน แล้วก็เปิดสมุดบันทึกเล่มเก่าที่หน้าปกเขียนว่า “อยากรู้จังว่าอีก 5 ปีข้างหน้าฉันจะเป็นยังไง”

เธอเปิดหน้าแรก พบกับตัวหนังสือของตัวเองเมื่อสามปีก่อน ที่เขียนว่า

"ฉันอยากเป็นผู้หญิงที่ยังยิ้มได้แม้ไม่ได้สมหวังในทุกอย่าง"

เธออ่านแล้วยิ้ม ทั้งที่ไม่แน่ใจว่าตอนนี้สมหวังหรือเปล่า แต่ก็ยังยิ้มได้อยู่ แปลว่าตัวเองก็ยังพอรักษาสัญญากับตัวเองไว้บ้าง

...

ช่วงเย็น ขวัญข้าวเดินผ่านตลาดนัดข้างคอนโด ซื้อกับข้าวสองสามอย่างใส่ถุงพลาสติกสีขาวกลับห้อง

ตอนกำลังจะเข้าลิฟต์ ชายหนุ่มประตูตรงข้ามก็เดินมาอีกครั้ง คราวนี้ในมือถือกล่องพิซซ่ากล่องใหญ่

"วันนี้กินอะไรอร่อย ๆ อีกแล้วเหรอครับ" เขาชวนคุย

"ก็แค่กับข้าวตลาดนัดน่ะค่ะ" เธอตอบยิ้ม ๆ แล้วเดินเข้าไปในลิฟต์

เขายิ้มกลับ "ของถูกบางทีมันก็อร่อยกว่าของแพงนะครับ ถ้ากินแล้วมีความสุข"

ขวัญข้าวหันไปมองเขาอีกที ก่อนที่ประตูลิฟต์จะปิด

“คุณพูดเหมือนบทหนังเลยนะคะ”

เขาหัวเราะเบา ๆ “บางทีผมก็รู้สึกว่าชีวิตจริงมันเหมือนหนังนะ โดยเฉพาะตอนที่เราไม่ได้คาดหวังอะไรจากมันน่ะครับ”

เธอไม่ได้ตอบอะไร แต่ยิ้มจาง ๆ ติดอยู่ที่มุมปากตลอดทางกลับห้อง

...

คืนนั้น ขวัญข้าวเปิดสมุดบันทึกอีกครั้ง เขียนบรรทึกหน้าใหม่ว่า:

"วันนี้ไม่ได้มีอะไรพิเศษเลย แต่มันก็เป็นวันดี ๆ อยู่ดี

อาจเพราะมีคนแปลกหน้าที่ยิ้มให้กัน มีบทสนทนาสั้น ๆ ที่จริงใจ มีลมเย็น ๆ ตอนไปตลาดนัด มีข้าวเย็นที่กินแล้วรู้สึกว่าตัวเองยังมีแรงพอจะใช้ชีวิตต่ออีกวัน

บางที... โตพอแล้ว ไม่ได้แปลว่าต้องเข้าใจทุกอย่าง แค่รู้ว่าวันธรรมดาที่ไม่ได้แย่ มันก็ดีเหมือนกัน"

...

“บางวันไม่ได้ต้องการคำตอบ แค่ต้องการวันดี ๆ สักวัน... ก็พอ”