ตอนที่ 3: วันธรรมดาที่มีอะไรพิเศษนิดหน่อย
เช้าวันพุธมาเยือนแบบไม่ถามไถ่ ขวัญข้าวตื่นขึ้นด้วยเสียงแจ้งเตือนจากแอปพยากรณ์อากาศบนมือถือว่า
“วันนี้แดดแรงถึงแรงมาก” เธอเอียงหัวนิดหนึ่ง ก่อนจะหลับตาแล้วถอนหายใจ
“ฝนยังไม่ทันแห้งดีเลย จะร้อนแล้วเหรอ”
เธอลุกจากเตียงอย่างเชื่องช้า หยิบเสื้อยืดสีขาวกับกางเกงลินินตัวเก่งขึ้นมาใส่ แล้วเดินไปหยิบหมวกปีกกว้างจากราวแขวน “แดดแรงก็ต้องรับมือด้วยแฟชั่นสิ” เธอพูดกับตัวเองเบา ๆ พลางหัวเราะแห้ง ๆ
ระหว่างที่เธอชงกาแฟ เธอมองออกไปนอกหน้าต่าง เห็นดวงอาทิตย์โผล่พ้นขอบตึก ตรงมุมที่เมื่อวานยังมีหยดฝนเกาะกระจกอยู่เลย เธอยิ้มบาง ๆ กับความเปลี่ยนแปลงที่ไม่ต้องร้องขอ
วันนี้ไม่มีประชุม ไม่มีอีเมลด่วน ไม่มีอะไรเร่งรัด แต่กลับรู้สึกเหมือนมีบางอย่างรออยู่ เธอเปิดมือถือแล้วดูรายการ “To-Do List” ที่เขียนไว้เมื่อคืน
- แวะไปร้านดอกไม้
- ซื้อน้ำยาปรับผ้านุ่ม
- ล้างรถ
- ไปเดินเล่นที่สวนลุมฯ
“เป็นวันธรรมดาที่ดูเหมือนวันหยุดดี ๆ” เธอพูดพลางหยิบกระเป๋าผ้าแล้วเดินออกจากห้อง
...
ขวัญข้าวเดินเข้าร้านดอกไม้ที่ตั้งอยู่ใต้ตึกเก่า ๆ ติดริมถนน เจ้าของร้านเป็นหญิงวัยกลางคนที่จำเธอได้ทุกครั้งที่มา
“วันนี้จะรับดอกไม้อะไรดีจ้ะ”
“ขอสแตติสม่วงกับยิปโซอย่างละช่อนะคะ”
หญิงเจ้าของร้านยิ้ม “วันไหนมาแบบนี้ แปลว่ากำลังหายใจเข้าออกอย่างสงบสินะ”
ขวัญข้าวหัวเราะ “สงบดีค่ะ อย่างน้อยก็วันนี้”
ระหว่างรอจัดช่อ เธอมองไปรอบร้าน เห็นเด็กผู้หญิงประมาณสิบขวบเดินวนอยู่กับกระถางต้นไม้เล็ก ๆ พร้อมเสียงบ่นกับตัวเองว่า “อันนี้น่ารัก แต่อันนั้นก็ดี...”
ขวัญข้าวหยิบต้นไม้เล็ก ๆ หนึ่งกระถางแล้วยื่นให้ “อันนี้น่ารักสุดแล้วล่ะ เชื่อพี่”
เด็กหญิงยิ้มกว้าง “จริงเหรอคะ”
“จริงที่สุดในโลกเลย”
เด็กหญิงกระโดดดีใจเล็กน้อยแล้ววิ่งไปหาคุณแม่ ขวัญข้าวยิ้มออกมาอย่างไม่รู้ตัว
...
บ่ายวันนั้น เธอเดินลัดเลาะไปซูเปอร์มาร์เก็ต ซื้อน้ำยาปรับผ้านุ่มกลิ่นที่เธอใช้มาตลอดหลายปี “กลิ่นแบบที่กลับห้องมาแล้วรู้เลยว่านี่คือบ้าน” เธอบอกกับแคชเชียร์สาวซึ่งหัวเราะรับอย่างสุภาพ
หลังจากล้างรถเสร็จ เธอแวะคาเฟ่เล็ก ๆ ข้างสวนลุมฯ สั่งชาเขียวเย็นมานั่งจิบรอแดดอ่อน เธอหยิบสมุดบันทึกขึ้นมาอีกครั้ง เปิดหน้าที่ว่างแล้วเขียนว่า:
“วันนี้ไม่มีอะไรพิเศษ แต่กลับรู้สึกพิเศษกว่าหลายวัน เพราะหัวใจไม่รู้สึกต้องเร่งรีบเพื่อพิสูจน์อะไรกับใคร”
เมื่อแดดเริ่มอ่อน เธอเดินเข้ามาในสวนลุมฯ ผู้คนมากมายเริ่มออกมาเดิน วิ่ง นั่งเล่น หรือให้อาหารปลา เธอเลือกม้านั่งใกล้สระน้ำที่มีต้นไม้บังแดดเล็กน้อย
ตรงข้ามกับเธอมีชายวัยกลางคนสวมชุดพละนั่งดีดกีตาร์เบา ๆ เสียงทำนองคล้ายเพลง “โลกยังคงหมุนไป” เขาเล่นเพลิน ๆ เหมือนไม่คาดหวังให้ใครฟัง แต่เสียงกีตาร์กลับชวนให้คนฟังหยุดคิดเรื่องที่ไม่จำเป็น
เธอหลับตาลงชั่วครู่ ฟังเสียงกีตาร์ เสียงใบไม้ไหว เสียงลม เธอรู้สึกเหมือนวันทั้งวันกำลังขอบคุณเธอที่หยุดนิ่งอยู่ตรงนี้
...
ขวัญข้าวกลับถึงห้องตอนเย็น ห้องเงียบสงบและหอมกลิ่นน้ำยาปรับผ้านุ่ม เธอจัดดอกไม้ใส่แจกันเล็ก ๆ วางไว้ข้างหน้าต่าง มองดูมันรับแสงสุดท้ายของวัน
เธอหยิบหนังสือเล่มเดิมขึ้นมาอ่านต่อ หน้าถัดไปมีบทที่พูดถึง “ช่วงเวลาธรรมดาที่เราลืมให้ความสำคัญ” เธอรู้สึกเหมือนคำพวกนั้นกระซิบถึงเธอโดยตรง
เธอเขียนในสมุดอีกครั้ง:
“เราใช้ชีวิตรีบเร่งจนลืมไปว่า... บางวันไม่ได้ต้องสำเร็จอะไรเลย แค่ยิ้มให้ตัวเองได้ก็ถือว่าดีที่สุดแล้ว”
ก่อนนอน ขวัญข้าวมองออกไปที่วิวกรุงเทพยามค่ำจากระเบียง ไฟตามอาคารสลับกันเปิดปิดเหมือนลมหายใจของเมือง เธอหลับตา สูดอากาศเข้าลึก ๆ
“วันนี้ไม่มีเรื่องใหญ่ ไม่มีดราม่า ไม่มีอะไรเหนือความคาดหมาย แต่ใจเรากลับรู้สึกเต็มเหลือเกิน”
เธอเปิดมือถือ พิมพ์โน้ตทิ้งไว้ในแอปว่า:
“บางวันเราต้องหยุดวิ่ง เพื่อจะได้ยินเสียงหัวใจตัวเองอีกครั้ง”
แล้วปิดมือถือก่อนจะหลับไปพร้อมรอยยิ้มเงียบ ๆ ที่ไม่ได้มาจากใคร แต่มาจากตัวเธอเอง
...
“วันธรรมดา ถ้าใจเรารู้สึกพิเศษ ก็ไม่ต้องการอะไรอีกแล้ว”
