ตอนที่ 2: บ่ายวันฝนหล่นลงใจ
เช้าวันอังคารมาถึงพร้อมเสียงฝนพรำบนหลังคาโลหะของคอนโด เสียงน้ำกระทบกันเป็นจังหวะ ทำหน้าที่แทนนาฬิกาปลุก ขวัญข้าวลืมตาขึ้นช้ากว่าเมื่อวานนิดหน่อย แต่ก็ดีกว่าไม่ได้ลืมเลย
เธอลุกขึ้นจากเตียงอย่างอัตโนมัติ เดินไปเปิดม่านหน้าต่างแล้วพบว่าทั้งเมืองถูกห่มคลุมด้วยสีเทาจาง ฝนโปรยปรายนอกหน้าต่าง ทำให้เธอนึกถึงกลิ่นดินเปียกและกาแฟร้อนสักถ้วย
ขวัญข้าวหันไปมองโทรศัพท์ ไม่พบข้อความหรือการแจ้งเตือนที่สำคัญอะไร ยกเว้นอีเมลจากหัวหน้าทีมที่เลื่อนประชุมออกไปอย่างไม่มีกำหนด เหมือนจักรวาลกำลังบอกว่า “วันนี้ไม่ต้องฝืน”
เธอยิ้มจาง ๆ แล้วเดินไปหยิบผ้าขนหนูเข้าห้องน้ำ ปล่อยให้น้ำอุ่นจากฝักบัวล้างความง่วงและความเศษเศร้าออกจากใจโดยไม่ต้องมีเหตุผล
...
สิบโมงครึ่ง ขวัญข้าวนั่งอยู่ในคาเฟ่เล็ก ๆ ที่เดิมกับลาเต้ร้อนในแก้วเซรามิกสีครีม มุมหน้าต่างประจำของเธอมีหยดน้ำฝนเกาะพราว ทำให้โลกด้านนอกดูพร่ามัวเหมือนอยู่ในความฝัน
เสียงเพลงคลอเบา ๆ จากลำโพงในร้านเป็นเพลงของ Scrubb ที่เธอเคยฟังตอนเรียนมหา’ลัย และเคยใช้เป็นเสียงเรียกเข้ามือถือเมื่อเจ็ดปีก่อน
เธอหยิบสมุดบันทึกขึ้นมา เปิดไปหน้าว่าง แล้วเขียนว่า:
"บางวันฝนตก บางวันอารมณ์ก็ตก แต่วันนี้แค่ได้จิบกาแฟเงียบ ๆ ก็เหมือนโลกใจดีขึ้นนิดนึง"
ขวัญข้าวนั่งมองผู้คนในร้าน บางคนมาเป็นคู่ บางคนมาคนเดียว บางคนแค่แวะซื้อกาแฟแล้วไปต่อ แต่ทุกคนดูมีจุดหมายอะไรบางอย่าง
เธอเริ่มถามตัวเองว่า จุดหมายของตัวเองคืออะไรแน่? ทำไมรู้สึกเหมือนใช้ชีวิตแค่ให้ผ่านไปวัน ๆ โดยไม่มีจุดที่ต้องไปถึง
ทันใดนั้น ประตูร้านเปิดออกพร้อมเสียงกระดิ่งเบา ๆ และใครบางคนก็เข้ามานั่งโต๊ะติดกัน... ชายหนุ่มห้องตรงข้าม
เขาพยักหน้าให้เธอพร้อมรอยยิ้มที่ไม่เปลี่ยน “บังเอิญอีกแล้วนะครับ หรือว่าเราแอบมีวงโคจรเดียวกัน”
ขวัญข้าวยิ้มขำ “หรือคาเฟ่นี้มันมีแรงดึงดูดอะไรบางอย่าง”
เขาหัวเราะ “หรือไม่ก็เราทั้งคู่แค่อยากมีที่ให้หลบฝนและหลบชีวิตสักชั่วโมง”
เธอพยักหน้า “บางทีที่เรามานั่งคนเดียว อาจเพราะมันง่ายกว่าการต้องอธิบายทุกอย่างกับใครสักคน”
เขาหันไปมองฝนด้านนอก “หรือบางทีการไม่อธิบายอะไรก็อาจเป็นคำอธิบายที่ดีที่สุดก็ได้นะครับ”
บทสนทนาสั้น ๆ แต่เหมือนหยดน้ำบนกระจกที่ทำให้ภาพพร่ามัวชัดขึ้นนิดหนึ่ง ขวัญข้าวไม่ได้ตอบอะไร แค่ยิ้มแล้วจิบกาแฟต่อ
...
ช่วงบ่าย ขวัญข้าวเดินเข้าร้านหนังสือเล็ก ๆ ที่ซ่อนตัวอยู่ในซอยข้างคาเฟ่ หนังสือปกสวยหลายเล่มถูกวางเรียงอยู่บนชั้น เธอหยิบหนังสือรวมเรื่องสั้นเล่มหนึ่งขึ้นมา เปิดไปหน้าสุ่มแล้วอ่านประโยคหนึ่ง:
"ชีวิตไม่จำเป็นต้องมีจุดพีคเสมอไป บางวันแค่มีบทนำที่ไม่เศร้า ก็ควรพอใจแล้ว"
เธอยิ้มออกมาเบา ๆ แล้วซื้อหนังสือเล่มนั้นกลับไป แม้จะยังไม่รู้ว่าในเล่มมีอะไร แต่ก็รู้สึกว่าเพียงประโยคนั้นมันคุ้มแล้ว
...
เย็นวันนั้น ฝนเริ่มซา ขวัญข้าวกลับถึงห้องพร้อมถุงหนังสือและขนมปังจากร้านเบเกอรี่ข้างทาง เธอชงโกโก้อุ่น แล้วนั่งอ่านหนังสือเล่มใหม่บนโซฟาเสียงเบา ๆ ที่มักใช้พิงตอนดูซีรีส์
พอพลิกถึงหน้าสุดท้ายของบทแรก เธอก็พบโพสต์อิทสีเหลืองที่ติดอยู่ ซึ่งน่าจะเป็นของคนอ่านคนก่อนเขียนไว้ว่า:
"ถ้าวันนี้เหนื่อย ก็พักเถอะนะ ไม่ต้องเก่งตลอดเวลาก็ได้"
เธอวางหนังสือลง แล้วยิ้มกว้างกว่าทุกครั้งที่เคยอ่านอะไรมา
เธอเขียนในสมุดบันทึกอีกหน้าว่า:
"วันนี้ไม่ได้เจอเรื่องพิเศษอะไรอีกเหมือนเมื่อวาน แต่การได้เห็นคำของคนแปลกหน้าทำให้รู้ว่าโลกนี้ยังมีความใจดีแอบซ่อนอยู่เสมอ แม้ในหน้ากระดาษ"
...
คืนนั้น ขวัญข้าวปิดไฟก่อนจะนอน เธอมองเพดานเงียบ ๆ แล้วพูดกับตัวเองว่า
"โตพอแล้ว ไม่ได้แปลว่าต้องรู้ทุกคำตอบ แค่ยอมรับได้ว่า... บางวันเราก็แค่คนธรรมดาที่อยากพักบ้าง แค่นั้นเอง"
ก่อนที่ความง่วงจะกลืนทุกอย่าง เธอหลับไปพร้อมรอยยิ้มเล็ก ๆ ในใจอีกวัน
...
“ขอแค่วันธรรมดา ที่ไม่ทำให้เรารู้สึกแย่กับตัวเอง... ก็พอ”
