ตอนที่ 6 หัวใจโลเล
เจ้าของใบหน้าคร้ามคมยืนมองแผ่นดินเกิดด้วยความรู้สึกที่บอกไม่ถูก มีทั้งความดีใจ ตื่นเต้น โหยหาและคิดถึงใครบางคน คนที่ตนเคยผลักไสออกจากชีวิต บัดนี้เขาเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าหญิงสาวข้างกายที่เคยคิดจะแต่งงานด้วยยังคงเป็นเธอหรือไม่ เนื่องจากช่วงหลังมานี้เขามองเห็นเธอเป็นเงาของใครอีกคน คนที่เคยทำร้ายจิตใจอย่างเลือดเย็น
จากตอนแรกที่ตั้งใจว่าจะดูแลเรื่องความเรียบร้อยของบริษัทเพียงปีเดียว ทว่าลูกอ้อนของมารดาทำให้กันต์ธรจำต้องยอมอยู่ต่อด้วยระยะเวลากว่าสามปีเต็มโดยมีนางแบบสาวเบอร์หนึ่งของวงการเคียงข้างเดินทางไปๆ มาระหว่างไทยและอเมริกา
ท่านเห็นดีเห็นงามและหมายมั่นปั้นมือให้เธอเป็นลูกสะใภ้ในอนาคตยิ่งทำให้ทั้งคู่เข้ากันได้ดี มีเพียงชายหนุ่มที่เริ่มรู้สึกว่าตนมองทุกอย่างผิดพลาดไป
หลายครั้งที่ถูกหญิงคนรักทวงถามถึงการแต่งงาน แต่เขาก็มักยกเหตุผลเรื่องงานมาใช้อยู่บ่อยครั้งจนเจ้าตัวเริ่มสงสัยในพฤติกรรมก่อนจะจบลงด้วยการมีปากเสียงกันร่ำไป
"คิดอะไรอยู่คะกานต์?"
"เปล่า" คำตอบนั้นห้วนสั้นจนคนถามเริ่มมีอารมณ์ อย่าคิดว่าเธอโง่จนมองไม่ออก
"กานต์คิดถึงเด็กคนนั้นใช่ไหม เคทรู้นะว่ากานต์ยังอาลัยอาวรณ์มันอยู่ ทำไม...ไหนบอกว่าลืมได้ นี่ผ่านมาตั้งสามปียังไม่ลืม ป่านนี้นังนั่นคงแต่งงานมีลูกมีสามีไปแล้ว"
ความหึงหวงทำให้มัชฌิมาลืมตัวกับภาพพจน์ผู้หญิงแสนดีที่พยายามรักษาเอาไว้ ในสายตาเขาต้องมีแค่เธอเท่านั้น
"อย่าพูดจาหยาบคาบแบบนั้นเคท ผมไม่ชอบ" กันต์ธรเผลอตะคอกกลับไปเช่นกัน เขามั่นใจว่ารู้เรื่องราวทุกอย่างของอีกฝ่ายดีกว่าเธอ แต่เลือกที่จะไม่พูดเท่านั้น
"เห็นไหมล่ะ ไม่ทันไรก็ออกรับแทนกัน หรืออยากกลับไปกินน้ำพริกถ้วยเก่า ขนมเค้กคงรสชาติไม่อร่อยแล้วสินะ"
นางแบบสาวทำเสียงเยาะและพานโกรธไปถึงต้นเหตุซึ่งเคยมาอ้อนวอนขอความรักจากผู้ชายของเธอ เธอจำได้ดีและจะไม่มีวันลืมว่านังหน้าจืดนั่นคือศัตรูหัวใจที่ทำให้ชายคนรักมีอาการเหมือนคนอกหักหนักขึ้นทุกวัน
ช่วงสองปีหลังมัชฌิมาเริ่มรู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงของอีกฝ่าย แต่ก็ยังพอมีวิธีรั้งเขาไว้ได้ เธอไม่มีทางยอมให้ใครแย่งผู้ชายคนนี้ไปเด็ดขาด!
"เลิกพูดเรื่องนี้เถอะ ผมอยากพักผ่อน"
"กานต์ให้เคทไปค้างที่บ้านนะคะ" หญิงสาวออดอ้อน
"ผมว่าคุณกลับไปที่คอนโดดีกว่าเคท ผมไม่ชอบให้พวกปาปารัซซีตามถ่ายรูปคุณกับผมพร่ำเพรื่อ" ชายหนุ่มเตือนด้วยความหวังดีเนื่องจากเธอเป็นบุคคลสาธารณะและตนเองก็ไม่ชอบตกเป็นข่าวซุบซิบมากนัก
"แปลกตรงไหนคะกานต์ เราเป็นแฟนกัน" เจ้าตัวเริ่มไม่เข้าใจ ทั้งที่ได้ชื่อว่าเป็นคนรักกัน
"ผมอยากมีความเป็นส่วนตัว" กันต์ธรย้ำเสียงเข้ม
"ก็ได้ค่ะ งั้นกานต์ไปส่งเคทที่คอนโดก่อนนะคะ" นางแบบสาวจำต้องยอมโอนอ่อนในที่สุด
คุณหญิงกันตามองเจ้าของเรือนร่างกำยำที่เพิ่งเดินเข้ามาในห้องรับแขกด้วยสีหน้าแปลกใจระคนยินดีพร้อมกับลุกขึ้นมาสวมกอดบุตรชายทันที
"ตากานต์ กลับมาไม่เห็นบอกแม่เลยลูก"
"ผมอยากเซอร์ไพรส์ครับ"
"จ้า แม่เซอร์ไพรส์มากที่เห็นลูกกลับมา แล้วหนูเคทล่ะ" หญิงสูงวัยถามและมองเลยร่างของบุตรชายเพื่อสอดสายตาหาว่าที่ลูกสะใภ้
"ผมไปส่งเคทที่คอนโดแล้วครับ"
"ทำไมไม่พาหนูเคทมาหาแม่ก่อนล่ะ ลูกคนนี้น่าตีจริงๆ" นางเอ็ดเสียงเขียวโทษฐานไม่พาว่าที่สะใภ้คนโปรดมาหา
"เอาไว้วันหลังนะครับแม่ ผมขอตัวขึ้นห้องก่อน" ชายหนุ่มเอ่ยขอตัวเพราะรู้สึกเมื่อยล้าจากการเดินทางมานานหลายชั่วโมง
"เชิญตามสบายจ้ะพ่อลูกชาย"
ห้องนอนกว้างขวางซึ่งยังคงสภาพเดิมไม่เปลี่ยนแปลงจากคำสั่งและนิสัยส่วนตัวของผู้เป็นเจ้าของห้องที่สั่งห้ามใครเข้ามาเคลื่อนย้ายสิ่งของใดๆ นอกจากทำความสะอาดเท่านั้น
ดวงตาคมเข้มเหลือบไปเห็นกรอบรูปเล็กบริเวณหน้าทีวีดิจิตอลขนาดใหญ่ซึ่งยังคงสภาพเดิมตอกย้ำอดีตที่ไม่เคยลืมเลือน
"พี่คิดถึงเธอ อายจะยกโทษในสิ่งที่พี่ทำกับอายได้ไหม" ชายผู้จมอยู่กับอดีตพึมพำกับภาพถ่ายตรงหน้า นิ้วโป้งไล้ลงไปบนแก้มใสอย่างรู้สึกคนึงหา
เขารู้ดีว่าตนเองเลวและทำร้ายหัวใจของเธออย่างไม่น่าให้อภัย ทุกครั้งที่รู้สึกเหนื่อยล้าหรืออ่อนแอมักจะมีรอยยิ้มหวานบวกกับคำพูดให้กำลังใจจนอดเทียบไม่ได้กับผู้หญิงอีกคนที่มักจะแสดงอาการเกรี้ยวกราดยามถูกขัดใจ แม้จะรู้ดีว่าสายเกินไปแต่คนเลวๆ คนนี้ก็ยังอยากเอ่ยคำว่า'ขอโทษ'จากหัวใจ
