ตอนที่ 5 ปะทะ
ศิวาพรขับรถเข้ามาจอดภายในลานจอดรถชั้นบนของห้างสรรพสินค้าดังที่ตั้งใจไว้ก่อนหน้านี้แล้วว่าจะพาหลานชายตัวน้อมาเดินชอปปิงด้วยกัน ตลอดเวลาที่ผ่านมาเธอรู้ดีว่าเพื่อนยังอ่อนแออยู่มาก ถึงเวลาจะผ่านไปนานแล้วก็ตาม ผ่านไปจนเธอเองก็แทบไม่ได้ยินข่าวคราวอดีตคนรักของเพื่อนทางหน้าหนังสือพิมพ์ในเมืองไทยอีกเลย อาจเป็นเพราะว่าชายหนุ่มตั้งใจปักหลักอยู่ต่างประเทศหรือไม่ก็คงแต่งงานไปแล้วก็ได้ แต่ไม่ว่ายังไงก็ตามเธอจะไม่มีวันยอมให้เพื่อนและหลานพบหน้าผู้ชายใจร้ายคนนั้นอีก ศิวาพรคิดในใจด้วยความแค้นไม่หายกับภาพที่เพื่อนถูกกระทำในครั้งนั้น
“แกว่าแต่ฉันเหม่อ แล้วตัวแกคิดอะไรอยู่ปริม” อชิรญาถามขึ้นในระหว่างที่เดินเข้ามาภายในห้างเนื่องจากเพื่อนไม่พูดไม่จามาตลอดทาง
“ฉันกำลังคิดว่าจะพาหลานไปกินไอศกรีมต่างหาก” เจ้าหล่อนตอบแล้วหันมาส่งค้อนเล็กๆ ให้เพื่อนอย่างไม่จริงจังนัก
“จ้า...จะเลี้ยงแต่หลานหรือไง แล้วเพื่อนล่ะ”
“ก็เลี้ยงทั้งสองคนนั่นแหละ แกอยากกินอะไรฉันจะเลี้ยงเต็มที่” ถ้าเป็นเพื่อนรักเธอพร้อมเปย์เสมอ โดยเฉพาะหนูน้อยที่รักใคร่และเอ็นดูเหมือนลูกคนหนึ่ง
“แกไปกับนายเถอะ ฉันจะได้ไปซื้อของ” อชิรญาส่ายหน้าปฏิเสธและหัวเราะออกมาด้วยความขำขันกับท่าทางจริงจังของเพื่อน
“อ้าว...ทำไมไม่รอไปพร้อมกัน”
“เถอะน่า ฉันจะได้เลือกสบายๆ ไง” วงหน้าสวยส่งยิ้มหวานก่อนจะเดินแยกกับลงมายังซุปเปอร์มาเก็ตชั้นล่างเพื่อซื้อของใช้ส่วนตัวของตนและลูก
หลังจากที่ทานไอศกรีมเสร็จ ศิวาพรก็จูงร่างเล็กออกมาจากร้านโดยตั้งใจว่าจะลงไปหาเพื่อนชั้นล่าง แต่ก้าวขาพ้นออกจากร้านได้ไม่ทันไร เสียงแหลมๆ ของใครบางคนก็หวีดร้องขึ้นท่ามกลางความตื่นตกใจของผู้คนที่อยู่บริเวณนั้น
“ว้ายย...เดินภาษาอะไรเนี่ย”
“เดินไม่ดูตาม้าตาเรือแล้วมาโทษเด็ก นี่กลางห้างนะคุณ หัดอายคนอื่นบ้างสิ อย่าให้เขามองออกว่ามัวแต่เดินคลอเคลียกัน หรือว่าตามีไว้มองแค่ผู้...ไม่ได้มองคน” ศิวาพรตอบโต้กลับไปด้วยอารมณ์เดือดดาลและโมโหสุดขีดที่เห็นว่าผู้หญิงตรงหน้าไม่ยอมรับความจริง เธอจูงมือหลานชายเดินมาอยู่ดีๆ จู่ๆ ผู้หญิงเสียงแปดหลอดคนนี้ก็เข้ามาชนเอง ดีที่ไม่แรงมากนักจึงทำให้หนูน้อยไม่เป็นอะไรแต่ถึงยังไงก็ขอด่าหน่อยเหอะ เห็นแล้วหมั่นไส้ยังจะมีหน้าไปฟ้องแฟนขี้เก๊กนั่นอีก
“ไม่เอาน่าธัญย่า ให้มันแล้วไปเถอะ” ใบหน้าหล่อเหลาที่ทำเหมือนไม่ทุกข์ไม่ร้อนกับสิ่งที่เกิดขึ้นทำเอาศิวาพรถึงกับปรี๊ดแตกขึ้นมาทันที
“ถึงว่า ไปด้วยกันได้ ที่แท้ก็นิสัยแย่พอกัน”
“นี่แกกล้าว่าแฟนฉันเหรอ เดี๋ยวก็ตบซะหรอก” ไฮโซสาวนามว่าธัญญาดาจิกตาใส่คู่กรณีพลางยกมือขึ้นหมายจะทำตามอย่างที่พูด คนอย่างเธอก็ใช่ว่าจะยอมให้ใครมาทำร้ายได้ง่ายๆ ศิวาพรเงื้อมือตั้งรับกลับไปเช่นกัน ถ้าแรงมาก็แรงไปไม่มีใครได้เปรียบเสียเปรียบ
“ตบมาตบกลับ มีมือครบเหมือนกัน” ร่างสูงใหญ่ที่ยืนเบื่อหน่ายกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นยอมรับว่าตนเองก็รู้สึกไม่ชอบใจกับท่าทางของหญิงสาวตรงหน้า โดยเฉพาะสายตาเย้ยหยันที่ใช้มองเขา มันทำให้นักธุรกิจหนุ่มหล่ออย่างพีรัท เสถียรวงศ์อยากจะเอาชนะผู้หญิงคนนี้ขึ้นมาเสียดื้อๆ
“ในเมื่อคนของผมเป็นฝ่ายผิด ผมก็ต้องขอโทษคุณกับลูกด้วย” คำขอโทษดังกล่าวทำเอาศิวาพรแทบร้องกรี๊ด เธอยังไม่มีลูกสักหน่อย มีตาหามีแววไม่จริงๆ นอกจากจะขี้เก๊กแล้วยังสามารถทำอะไรที่มันสร้างสรรค์ได้บ้างนะ อีตาบ้าเอ๊ย
“ฉันไม่ได้ต้องการคำขอโทษจากคุณ คนที่สมควรขอโทษคือผู้หญิงคนนี้” เจ้าตัวปรายตามองไปยังต้นเหตุที่ยืนกอดอกเชิดหน้านิ่งราวกับไม่คิดจะยอมรับผิดในสิ่งที่เกิดขึ้น ขนาดหนูน้อยยังอดจ้องและกระตุกแขนถามผู้เป็นน้าด้วยความไร้เดียงสาชนิดที่ทำเอาคนในบริเวณนั้นอมยิ้มไปตามๆ กัน
“ปิมๆ ป้าร้อง”
“ไม่มีอะไรหรอกลูก ป้าเขาร้องหาผะ...เอ๊ย ป้าเขาคงเจ็บที่เดินชนนายน่ะลูก” ศิวาพรก้มลงไปบอกหลานชายและอดแขวะไฮโซสาวที่ยืนส่งสายตาเขียวปั๊ดมาให้หนูน้อยกับสรรพนามที่ถูกเรียก
“โอ๋...นายเป่าๆ ให้น้า” หนูน้อยทำท่าจะเดินเข้าหาเจ้าของร่างอวบอัด ซึ่งพอเจ้าหล่อนเห็นเข้าก็ขยับหนีพร้อมกับตะโกนสั่งเสียงดัง
“อย่าเข้ามาใกล้นะ ฉันไม่ชอบเด็ก”
“นายครับ มาหาน้าดีกว่านะครับ ป้าเขาไม่ชอบเด็กครับ คุณป้าเขาชอบแต่ผู้ใหญ่ โดยเฉพาะผู้ใหญ่กระเป๋าหนัก” เพราะความหมั่นไส้ทำให้เหน็บแนมทั้งคู่ไปอีกครั้งด้วยความโมโห ด้านพีรัทที่เริ่มรู้สึกว่าตนเองและคู่ควงเป็นเป้าสายตาของผู้ที่เดินผ่านไปผ่านมามากขึ้นจึงทำให้ชายหนุ่มรีบเอ่ยตัดบททันที
“ผมว่าเรารีบไปกันดีกว่านะธัญย่า คุณคิดหรือว่าจะเถียงกับป้าคร่ำครึคนนี้ชนะ”
“หน็อย ไอ้ผู้ชายปากเสีย” ศิวาพรถลึงตาใส่คนปากเสียด้วยความโกรธจัดที่บังอาจมาเรียกตนด้วยถ้อยคำไม่น่าฟัง
“มีอะไรกันเหรอปริม” น้ำเสียงหวานที่เพิ่งเดินเข้ามาท่ามกลางความชุลมุนวุ่นวายทำให้ศิวาพรจำต้องสงบศึกก่อนจะหันกลับไปตอบเพื่อนด้วยน้ำเสียงที่ยังขุ่นเคืองไม่หาย
“ไม่มีอะไรหรอกอาย แค่อยากสั่งสอนพวกปากมอมน่ะ รู้สึกจะมอมทั้งสามีและภรรยาเลยนะ”
“อย่ามีเรื่องกันเลยนะปริม” อชิรญาส่งเสียงห้ามพลางเดินตรงเข้ามาหาชายหนุ่มและหญิงสาวที่พอจะเดาได้ว่าคือคู่กรณีของเพื่อนพร้อมถ้อยคำขอโทษขอโพย เธออาจจะไม่รู้ว่าใครเป็นฝ่ายผิด แต่ด้วยนิสัยที่ไม่ชอบมีเรื่องกับใครทำให้หญิงสาวเลือกที่จะขอโทษออกไปมากกว่าจะต่อความยาวสาวความยืด
“ฉันต้องขอโทษแทนเพื่อนด้วยนะคะ” อชิรญากล่าวเสียงสุภาพ ซี่งเมื่อฝ่ายหญิงเห็นดังนั้นก็ไม่ได้พูดอะไรนอกจากเชิดหน้าหนีไปอีกทาง ส่วนฝ่ายชายได้แต่ยืนตะลึงในความสวยน่ารักของหญิงสาวที่เพิ่งมาใหม่ พีรัทจ้องใบหน้าหวานนิ่งราวกับมีบางอย่างมาดึงดูดจนแทบไม่อาจละสายตาไปได้
“ไม่เป็นไรครับ ผมไม่ถือคนบ้า ไม่ว่าคนเมาอยู่แล้ว” พีรัทเย้าและไม่วายยักคิ้วหลิ่วตาให้หญิงสาวอีกคนที่ยืนกัดฟันกรอดด้วยความโมโหที่ถูกหาว่าเป็นคนบ้าและคนเมา
“คุณว่าใคร มีปัญหาอะไรกับฉันคุณเคลียร์มาเลยดีกว่า ชักจะมากไปแล้วนะ ความผิดมันเกิดขึ้นจากผู้หญิงของคุณ” ศิวาพรสาวเท้าเข้ามาใกล้ สายตาเอาเรื่องเพราะเริ่มรู้สึกได้ว่าผู้ชายขี้เก๊กคนนี้ทำท่าจะไม่ยอมจบกับเธอง่ายๆ
“ไม่เอาน่าปริม ให้ทุกอย่างจบไปเถอะ” อชิรญาปรามเพื่อนเสียงติดจะดุเล็กน้อย
“แต่ผู้ชายคนนี้ว่าฉันนะอาย”
“ฉันเข้าใจ แต่แกดูสิคนมองพวกเราใหญ่” หญิงสาวยื่นหน้าเข้าไปกระซิบเตือนให้เพื่อนมองสถานการณ์โดยรอบที่เริ่มมีไทยมุงจำนวนมากขึ้น มิหนำซ้ำยังดูชอบอกชอบใจมากกว่าจะเข้ามาช่วยกันห้ามปรามเสียอีก
“ก็ได้ ฉันไม่อยากเถียงด้วยนักหรอกนะ” ศิวาพรจำใจยอมสงบปากสงบคำตามที่เพื่อนบอกแต่ก็ยังไม่วายส่งสายตาพิฆาตไปให้คนปากเสียที่บังอาจมาว่าเธอเมื่อครู่
“นายครับ ขอโทษคุณลุงกับคุณป้าสิลูก” อชิรญาก้มลงไปบอกลูกชายที่ยืนมองดูผู้ใหญ่ถกเถียงกันตาแป๋ว ซึ่งเมื่อหนูน้อยได้ยินสิ่งที่มารดาบอกให้ทำก็ทำตามอย่างว่าง่ายและไม่อิดออดถามหาเหตุผล มือป้อมเล็กกระพุ่มไหว้ชายหนุ่มหญิงสาวตรงหน้าทันที
“นายขอโทษฮับลุงป้า”
“ว้าย! ใครเป็นป้าแกล่ะเด็กบ้า ฉันยังไม่แก่นะ” เสียงแหลมหวีดร้องออกมาด้วยความไม่ชอบใจกับสถานภาพของตน ผู้หญิงสวยๆ อย่างเธอไม่แก่ขนาดจะเป็นป้าของเด็กหน้าไหนทั้งนั้น
“คุณลุงไม่โกรธหรอกครับ นายน่ารักมากเลยครับ” พีรัทบอกส่งยิ้มอ่อนโยนไปให้หนูน้อยจนสร้างความไม่พอใจให้กับไฮโซสาวที่เห็นว่าเขาทำท่าทางถูกอกถูกใจเด็กแปลกหน้าคนนี้เป็นพิเศษ
“พีจะสนใจทำไมคะ ลูกหลานก็ไม่ใช่สักหน่อย”
“เราเป็นฝ่ายผิดนะธัญย่า คุณควรต้องขอโทษเด็กด้วยซ้ำ” พีรัทหันไปปรามคู่ควงสาวเสียงเข้ม ปฏิกิริยาดังกล่าวทำเอาธัญญาดาแทบอยากจะกรี๊ดออกมาดังๆ เห็นชายหนุ่มข้างกายไม่ยอมเข้าข้างตนแต่กลับให้ความสนใจจดจ้องอยู่ที่วงหน้าเนียนใสทว่าดูจืดชืดในสายตา มองปราดเดียวก็รู้แล้วว่าอีกฝ่ายกำลังให้ความสนใจมัน อย่าหวังเลยว่าจะยอม
“ถ้าจบแล้วเราก็รีบไปกันสิคะพี ธัญย่าหิวจะแย่แล้ว” ไฮโซสาวบอกเสียงขุ่น เริ่มไม่พอใจที่เขากำลังทำเหมือนฉีกหน้าเธอต่อหน้าคนอื่น
“หิวก็ไปกินสิ ใครผูกเชือกรั้งเอาไว้ล่ะ” ศิวาพรพูดขึ้นมาลอยๆ เพราะความหมั่นไส้ที่ยังไม่จางหาย
“งั้นผมขอตัวก่อนนะครับ หวังว่าเราคงได้พบกันอีก” พีรัทพูดกับหญิงสาวที่เพิ่งเจออย่างไม่คิดจะเกรงใจคนที่มาด้วยเลยสักนิดว่าจะรู้สึกยังไง ในสายตาของเขาตอนนี้รู้แค่ว่าผู้หญิงคนนี้น่ารัก น่ารักแบบที่ไม่เคยเห็นผู้หญิงแบบนี้มาก่อนคงเป็นเพราะตนตกหลุมรักเธอเข้าให้แล้ว
“ค่ะ” เจ้าตัวตอบกลับไปตามมารยาท
“คนพรรค์นี้เจอกันครั้งเดียวก็คงเกินพอแล้วล่ะ” เป็นศิวาพรที่ขัดขึ้นมาก่อนที่ทั้งคู่จะเดินออกไป ซึ่งพอได้ยินประโยคดังกล่าว พีรัทก็ตั้งใจเดินเฉียดเข้ามาใกล้พร้อมโต้กลับไปชนิดที่ทำเอาเธอแทบจะกรีดร้องออกมาให้ดังๆ ไม่แพ้คู่ควงของเขา
“แล้วคิดเหรอว่าผมอยากเจอป้าอย่างคุณอีก ครั้งเดียวก็คงฝันร้ายไปแทบทั้งคืน”
“ไอ้...ไอ้ผู้ชายปากปีจอ มันน่าตามไปเล่นงานให้หายแค้นจริงๆ” คนถูกสบประมาทกัดฟันกรอดร้อนจนเพื่อนสนิทต้องรีบส่งเสียงห้ามอีกครั้งกับความบ้าระห่ำและไม่ยอมคนของเพื่อน
“พอแล้วปริม ดูหลานสิ มองแกเหมือนเป็นตัวประหลาดแล้วเห็นไหม” อชิรญาชี้ชวนให้อีกฝ่ายดูหนูน้อยที่เห็นผู้เป็นน้าพ่นไฟใส่คู่กรณี ความน่ารักไร้เดียงสาของหนูน้อยทำให้ศิวาพรส่งเสียงหัวเราะออกมาพร้อมกับอุ้มร่างเล็กเข้ามาในอ้อมกอด
“ไม่ต้องตกใจนะครับ”
“ปิมดุๆ” หนูน้อยพูดอย่างไร้เดียงสาและไม่เข้ากับเรื่องราวที่เกิดขึ้นของผู้ใหญ่
“เปล่าครับ น้าแค่ไม่ชอบคนปากไม่ดี ถ้านายอยากให้น้าปริมรัก นายต้องพูดเพราะๆ นะลูก”
“ปิมยิ้มจิ ฉวยๆ” หนูน้อยเอื้อมมือเล็กไปดึงแก้มเนียนทั้งสองข้างของผู้เป็นน้าอย่างเอาใจจนคุณแม่คนสวยที่ยืนมองอดยิ้มไม่ได้กับอาการเข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ยของน้าหลานคู่นี้
“กลับกันเหอะปริม แกเองก็เลิกแยกเขี้ยวได้แล้ว”
“อาย...ไอ้เพื่อนบ้า นี่แกหาว่าฉันเป็นหมาเหรอ” ศิวาพรเข่นเขี้ยวก่อนที่ทั้งสามคนจะพากันเดินไปยังลานจอดรถท่ามกลางเสียงหัวเราะชอบใจ โดยที่ไม่มีใครสังเกตเห็นสายตาคู่หนึ่งที่มองตามไปด้วยความสนใจและตั้งใจว่าต้องทำความรู้จักกับหญิงสาวที่ทั้งน่ารักและอ่อนหวานคนนั้นให้ได้
