ซีอีโอคนใหม่ของเครือเรืองฤทธา
“การเดินทางเป็นยังไงบ้างหล่ะ”
ราชาทักทายลูกชายที่เพิ่งเดินลงมาจากห้องนอนท่าทางงัวเงีย
“ป๊า”
ราชันย์เดินเข้าไปกอดพ่อที่กำลังนั่งจิบกาแฟอยู่ตรงที่เดิมเหมือนก่อนที่เขาจะจากไปเรียนต่อ
“ทุกอย่างโอเคครับ ผมเจ็ทแลคนิดหน่อย ป๊าไปหาหมอเมื่อวานเป็นยังไงบ้างครับ”
พ่อลูกคุยกันอัพเดทข่าวคราวให้กันและกันเป็นชั่วโมงก่อนจะเข้าเรื่อง
“พักวันนี้อีกซักวัน แล้วพรุ่งนี้เข้าบริษัทกับฉัน”
“เข้าวันนี้เลยก็ได้ครับ ผมพร้อม ป๊าส่งผมไปเรียนตั้งหลายปีเพื่อให้ผมกลับมาบริหารงานบริษัท ผมไม่อยากเสียเวลา”
ราชามองหน้าลูกด้วยความภูมิใจและพอใจแต่ก็แฝงไปด้วยความแปลกใจเพราะลูกชายที่นั่งอยู่ตรงหน้าเขาตอนนี้ไม่เหมือนคนเมื่อ 6 ปีก่อน
ราชันย์ที่อ่อนหวาน นุ่มนวล พูดจาฟังไพเราะหู และเชื่อฟังคำสั่งของพ่อแม่ตอนนี้แทบจะไม่เหลือคราบคนเก่าแล้ว ราชันย์ตอนนี้สายตาดุดัน มุ่งมั่น พูดจาตรงไปตรงมา มีความคิดเป็นของตัวเองและเชื่อมั่นในตัวเองขึ้นมากหลายเท่า
ราชาไม่ปฏิเสธว่าถึงเขาจะรู้สึกแปลกใจไปบ้างแต่เขาชอบลูกชายเวอร์ชั่นนี้มากเพราะเหมือนเขาตอนที่อายุเท่า ๆ กัน ซึ่งทำให้เขามั่นใจได้ครึ่งหนึ่งว่าลูกชายเขาพร้อมที่จะรับช่วงต่องานทุกอย่าง เหลือก็แต่ว่าเมื่อเขาลงมือบริหารงานจริง เขาจะทำได้ดีมากน้อยแค่ไหน
6 เดือนเต็มตั้งแต่วันที่ราชันย์ก้าวเท้าเหยียบประเทศไทย เขาเอาแต่ทำงาน ฝึกงานกับพ่อและหุ้นส่วนทุกคนโดยไม่มีวันหยุดพัก จนมาถึงวันนี้
ในที่ประชุมประจำปีของบริษัท ซึ่งเป็นวันเดียวต่อปีที่รวบรวมผู้บริหารของบริษัทในเครือทุกคนมาเข้าร่วมการประชุมครั้งนี้ด้วย
การประชุมเริ่มต้นขึ้นตั้งแต่เช้าลากยาวไปถึงตอนเย็น
ตามประเพณีของเครือเรืองฤทธา หลังจากการประชุมจบลง ตอนเย็นทุกคนถูกเชิญมาร่วมงานเลี้ยงประจำปี
“ขอเชิญท่านประทานราชาขึ้นมากล่าวเปิดงานเลี้ยงในค่ำคืนนี้ด้วยครับ”
พิธีกรของงานกล่าวเชิญราชา
ราชาในชุดสูทสีดำเดินนำหน้าราชันย์ในชุดสูทสีน้ำเงินเงาวับขึ้นมาบนเวที
“ก่อนอื่น ผมต้องขอขอบคุณทุกคนที่ทำงานหนักมาตลอดปี ถ้าไม่มีพวกคุณ เรืองฤทธาคงไม่ยิ่งใหญ่และเป็นที่รู้จักทั่วทั้งเอเชียแปซิฟิคอย่างทุกวันนี้”
เสียงปรบมือจากผู้ร่วมงานดังขึ้นลั่นฮอลล์
“และในค่ำคืนนี้ ผมก็มีเรื่องสำคัญที่จะประกาศให้ทุกคนรับทราบกันทั่วกันว่า มันถึงเวลาที่ผมจะลงจากเก้าอี้ซีอีโอเพื่อให้ลูกชายคนเดียวของผม ราชันย์ ขึ้นมานั่งเก้าอี้นี้แทน”
“ป๊า!”
เสียงตกใจของราชันย์ดังขึ้นพร้อมกับเสียงฮือฮาของคนด้านล่างเทวีที่แสดงถึงทั้งความแปลกใจและความไม่คาดคิดเพราะตลอดเวลาสี่สิบปีที่ผ่านมา ไม่มีวันไหนเลยที่ราชาจะไม่เข้าบริษัท และการที่วันนี้เขาประกาศลงจากเก้าอี้ซีอีโอทำให้ผู้บริหารในเครือรู้สึกแปลกใจมาก บางคนแสดงออกชัดเจนถึงความไม่เห็นด้วย บางคนปรบมือยินดีที่จะมีคนหนุ่มไฟแรงเข้ามาบริหารงานต่อ
“ผมรู้ว่าบางท่านอาจจะยังไม่เห็นด้วยกับการตัดสินใจของผมในวันนี้ แต่ผมอยากให้ทุกท่านให้โอกาสราชันย์ได้พิสูจน์ตัวเองว่าเขาคู่ควรกับเก้าอี้ตัวนี้หรือไม่”
และเสียงปรบมือก็ดังขึ้นลั่นฮอลล์อีกครั้ง เป็นสัญญาณตอบตกลงว่าจากนี้ไป ราชันย์ได้รับโอกาสพิสูจน์ตัวเองกับทุกคน
ก่อนที่ราชาและราชันย์เดินลงจากเวทีไปทักทายพูดคุยกับคนในงาน
“ฉันหวังว่าแกจะไม่ทำให้ฉันผิดหวัง”
“ครับป๊า”
สายตาดุดันและมั่นใจของราชันย์ทำให้ราชารู้สึกว่าตัวเองนอนตายตาหลับเพราะมันคือสายตาเดียวกันกับตอนที่เขารับเก้าอี้ซีอีโอมาจากพ่อเขาอีกที
กริ๊ง กริ๊ง กริ๊ง!!! เสียงมือถือของราชันย์ดังขึ้น
“ผมขอตัวซักครู่นะครับป๊า”
“อืม”
ราชันย์เดินออกจากฮอลล์ไปรับโทรศัพท์สายสำคัญที่เขารอมาเป็นเดือน
“ว่าไง มีความคืบหน้าอะไรไหม”
“เจอแล้วครับ” คนปลายสายเอ่ย
“ดีมาก อีก 2 ชั่วโมงมาเจอฉันที่คอนโด”
สองเดือนที่แล้ว
“ฉันต้องการตามหาคน ๆ นึง”
ราชันย์ยื่นรูปและข้อมูลทั้งหมดที่เขามีให้นักสืบ
“นาเดีย ศิริการณ์ นี่คือที่อยู่และเบอร์โทรเก่า ฉันอยากรู้ว่าตอนนี้เธออยู่ที่ไหน ทำงานอะไร ชีวิตความเป็นอยู่เป็นยังไง มีแฟนหรือแต่งงานแล้วหรือยัง”
“ได้ครับ”
ราชันย์มองนาฬิกาข้อมือราคาหกหลักก่อนที่จะเดินไปหาพ่อ
“ป๊า ผมมีนัดคุยงาน ผมขอตัวนะครับ”
“นัดอะไรของแก ดึกขนาดนี้”
“กับเพื่อนที่อังกฤษครับ”
“อะ ๆ จะไปไหนก็ไป แต่ก่อนไปแกมากับฉันก่อน”
ราชาเดินนำลูกชายมุ่งหน้าไปหาหุ้นส่วนใหญ่ที่สุดของบริษัทที่พ่วงมากับตำแหน่งเพื่อนสนิทที่รู้จักกันมาตั้งแต่สมัยหนุ่ม ๆ
“พินัย”
“ราชา”
“สวัสดีครับคุณลุง คุณลุงมาถึงตอนไหนเหรอครับ”
“ลุงเพิ่งมาถึงไม่นานนี้เอง พอดีมีเรื่องที่ต้องจัดการก่อนมางาน ว่าแต่ลุงยินดีด้วยนะกับตำแหน่งใหม่”
“ขอบคุณมากครับ”
“พินัย เห็นว่าหนูรุ่งทิวาจะกลับมาเร็ว ๆ นี้ใช่ไหม”
“ใช่ กลับมาพรุ่งนี้แล้ว”
“งั้นดีเลย ให้ราชันย์ไปรับหนูรุ่งทิวาพรุ่งนี้ดีไหม”
พินัยมองหน้าหลานชายก่อนจะพูดว่า “ไม่อยากรบกวน”
“รบกงรบกวนอะไร ยังไงก็คนกันเองทั้งนั้น” ราชาพูด
พินัยหันไปมองหน้าหลานชายอีกครั้ง
“ได้ครับ น้องลงเครื่องกี่โมงครับ”
“เที่ยงตรง”
“งั้นเอางี้ แกไปรับน้องมาจากสนามบิน แล้วพาน้องมากินข้าวเที่ยงด้วยกันที่นี่ ดีไหมพินัย” ราชาหันไปถามเพื่อน
“เป็นความคิดที่ดี งั้นลุงฝากด้วยนะหลายชาย”
“ยินดีครับ ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ผมขอตัวก่อนนะครับ พอดีผมมีนัดคุยงานกับเพื่อน”
ราชันย์ไหว้ลาพ่อและพินัยก่อนที่จะรีบเดินไปที่รถจาร์กัวมุ่งหน้ากลับคอนโดที่ตั้งอยู่ไม่ไกลจากบริษัท
“สวัสดีครับคุณราชันย์”
“อืม”
ราชันย์เดินนำนักสืบขึ้นไปที่ห้องเพนเฮาส์ของตัวเอง
“เชิญ”
ราชันย์ผายมือให้นักสืบนั่งตรงโซฟาในห้องรับแขก นักสืบเปิดกระเป๋าเอกสารเพื่อดึงรูปภาพประมาณสิบห้าแผ่นออกมาวางเรียงบนโต๊ะ
“นี่คือภาพของคุณนาเดียตอนนี้ครับ ตอนนี้เธออยู่ที่บ้านเดี่ยวหลังเล็ก ๆ แถวริมแม่น้ำเจ้าพระยา เมื่อหกเดือนที่แล้ว เธอถูกไล่ออกจากงาน และตั้งแต่ตอนนั้นเธอยังหางานไม่ได้”
“งานอะไร”
“เลขาครับ”
“อืม..แล้วเธอหาเงินจากที่ไหน”
“ดูแลเด็กครับ”
“แล้วเด็กผู้ชายคนนี้หล่ะ”
“อ่อ คิง อายุ 5 ขวบ ลูกชายคนเดียวของเธอ”
“แล้วผู้ชายคนนี้ พ่อเด็ก?”
“ไม่ใช่ครับ เขาชื่อสิงหา เพื่อนบ้านของเธอครับ ดูท่าทางเขาจะชอบพอเธอมากนะครับจากที่ผมตาม ๆ ดูมาสองเดือน เขาเดินเข้าออกบ้านเธอบ่อย ๆ ช่วยเหลือเธอทำโน่นนี่นั้น เรื่องพ่อเด็กผมพยายามหาข้อมูลในส่วนนี้แต่หายังไงก็ไม่มีข้อมูลครับ ผมเดาว่าเธอน่าจะท้องไม่มีพ่อ”
“พอ เข้าใจแล้ว มีอะไรอีกไหม”
“ตอนนี้เธอมีหนี้กับธนาคารก้อนนึงที่เธอกู้มาตั้งแต่ 5 ปีที่แล้ว”
“อืม”
“และนี่คือไอริน เพื่อนสนิทของเธอ เปิดร้านไอศกรีมเล็ก ๆ ในเมือง เธอจะพาลูกไปที่นั้นบ่อย ๆ”
นักสืบคว้าเอกสารชุดนึงออกมายื่นให้นายจ้าง “นี่คือที่อยู่ของเธอ และใบสมัครงานที่เธอส่งออกทุกวัน”
“อืม ทำได้ดีมาก”
ราชันย์เดินเข้าไปเปิดลิ้นชักเพื่อดึงเช็คออกมายื่นให้นักสืบ
“ขอบคุณครับ”
“จำไว้ว่า เรื่องนี้จะไม่มีใครรู้นอกจากเธอกับฉัน”
“ไม่ต้องห่วงครับ ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ผมลานะครับ”
นักสืบเดินออกจากเพนเฮาส์ไป ทิ้งให้ราชันย์อยู่กับรูปภาพและเอกสารหนึ่งชุดบนโต๊ะพร้อมกับคำถามมากมายในหัว
“โถ่โว๊ย”
เพล้ง!!! แก้วสองใบที่วางบนโต๊ะ รวมถึงรูปภาพและเอกสารถูกปัดตกพื้นกระจัดกระจายเต็มห้อง
... คุณใจร้ายกับผมมากนะเดีย คุณหายไปไม่ติดต่อผมเลยตลอดหกปีที่ผ่านมา ทิ้งให้ผมอยู่คนเดียว คุณเห็นผมเป็นอะไร ของเล่น? ไหนบอกว่ารัก ไหนบอกว่าอยากใช้ชีวิตกับผม แต่ตอนนี้คุณก็มีลูกกับใครก็ไม่รู้ คุณทำกับผมแบบนี้ได้ยังไง ...
