โซ่หทัยราชันย์

78.0K · จบแล้ว
เลดี้เมอร์เมด
30
บท
15.0K
ยอดวิว
7.0
การให้คะแนน

บทย่อ

“คือเดีย เอิ่ม... ไม่เคย เอิ่ม...มาก่อน” “นี่อย่าบอกนะว่าคุณ...” นาเดียพยักหน้าแทนคำตอบก่อนที่จะก้มหน้าลงหลบความเขินอาย “งั้นเดี๋ยวผมสอนให้” ราชันย์ช้อนหน้าเล็กขึ้นก่อนจะเริ่มสอนบทเรียนแรกด้วยการประกบปากตัวเองลงที่ริมฝีปากอันอวบอิ่มที่ไม่เคยมีใครได้สัมผัสมาก่อน ความจริงที่ว่าเขาคือคนแรกของเธอทำให้ความเป็นชายฮึกเหิมขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่ด้วยความมือโปร เขาสามารถควบคุมแรงปรารถนาในตัวเธอได้เพราะหน้าที่ของเขาคืนนี้คือการเป็น “คุณครู” “คุณเป็นของผมแล้วนะ และผมก็เป็นของคุณ” “และเราจะทำยังไงต่อไปคะ” “พรุ่งนี้ผมจะไปคุยกับพ่อเรื่องของเรา” “จริงเหรอคะ” ราชันย์ช้อนหน้าเล็กขึ้นมาจูบก่อนที่จะพูดว่า “ผมรักคุณ นาเดีย” เขาและเธอเป็นของกันและกันหลายต่อหลายครั้งจนเช้าก่อนที่จะหมดแรงฟุบหลับไปโดยที่ไม่รู้เลยว่าวันข้างหน้าของทั้งคู่กำลังจะเปลี่ยนไปตลอดกาล

นิยายรักโรแมนติกประธานพันล้านนิยายรักประธานคนต่ำต้อยเลขาพลิกชีวิตเศรษฐีโรแมนติกดราม่า

โคจรมาเจอกัน

เอี๊ยดดดดดด!!!

เสียงเบรกจากรถจาร์กัวสีดำดังลั่นถนน

ปี๊น ปิ๊น ปิ๊นนนนนนนนน!!! เสียงแตรจากรถคันอื่นที่กำลังขับเคลื่อนตามหลังรถจาร์กัวดังลั่นรัว ๆ พร้อมกับเสียงเบรกอย่างกะทันหัน

“ขับรถภาษาอะไรวะ”

“ไม่กลัวตายหรือยังไงฮะ”

เสียงด่าทอจากเจ้าของรถคันอื่นดังขึ้นตามมา ในขณะที่สองชีวิตที่กำลังเดินข้ามถนนบนทางม้าลายยืนกอดกันแน่น ตัวสั่นเทา

เจ้าของรถจาร์กัวเปิดประตูรถออกมา

“เป็นอะไรหรือเปล่าครับคุณ”

มือใหญ่วางลงบนไหล่ของผู้ใหญ่ร่างบางที่ยืนกอดลูกชายอายุ 5 ขวบที่กำลังร้องไห้เพราะความตกใจมาก

เธอหันมาเผชิญหน้ากับคนที่เกือบจะปลิดชีวิตของเธอและลูกชายพร้อมความตกใจสุดขีดจากเหตุการณ์เฉียดตาย แต่ทว่าเมื่อเธอเห็นหน้าเขา หัวใจเธอเกือบจะหยุดเต้น ร่างกายไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ พูดอะไรไม่ออก

“เดีย?! คุณจริง ๆ ด้วย คุณเป็นอะไรมากหรือเปล่า ผมขอโทษจริง ๆ แล้วนั่น...”

นาเดียยังคงยืนนิ่งเป็นท่อนไม้ จนกระทั่งเสียงสวรรค์ดังขึ้นเพื่อปลุกเธอให้ตื่นจากภวังค์

“แม่ครับ คิงกลัว ฮือ ๆ ๆ”

“ไม่เป็นไรแล้วลูก เราเป็นไรแล้ว”

นาเดียอุ้มลูกชายขึ้นมากอด กระชับหมวกแค็ปที่ใส่อยู่ลงปิดบังใบหน้า พร้อมกับดันแว่นตาดำเข้ากับสันจมูกก่อนที่จะหันไปเผชิญหน้ากับเจ้าของรถจาร์กัว

“คุณจำคนผิดแล้วค่ะ”

ราชันย์ทำหน้างงเพราะเขามั่นใจมากว่าเขาไม่มีทางจำคนผิดแน่นอน แต่เพราะด้วยอาการเจ็ทแลคที่เป็นเหตุหลักของอุบัติเหตุครั้งนี้ทำให้เขาเกือบขับรถผ่าไฟแดงเพราะความง่วงและเพลียมากหลังจากเพิ่งลงจากเครื่อง เขาเชื่อในคำพูดของเธอมากกว่าความมั่นใจของตัวเอง

“อ่อ ขอโทษครับ งั้นคุณเดินไปรอผมตรงโน่นก่อนได้ไหมครับ ผมขอไปเลื่อนรถก่อน”

นาเดียพยักหน้า ก่อนที่จะอุ้มลูกเดินข้ามถนนอีกฝั่ง ในขณะที่ราชันย์เดินกลับไปที่รถและเลื่อนรถไปจอดข้างถนน

“คุณไม่ไปโรงพยาบาลแน่นะครับ”

“เราไม่ได้เป็นอะไร”

“งั้น นี่นามบัตรผม ถ้ามีอะไรที่ผมช่วยได้ โทรมาได้เลยนะครับ”

นาเดียผลักมือที่ยื่นมากลับไปที่ตัวเจ้าของ ก่อนจะพูดว่า

“แค่คุณขับรถอย่างมีสติกว่านี้ก็พอค่ะ ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ฉันขอตัว”

“เดี๋ยวก่อนซิครับ คุณจะไปไหน ให้ผมไปส่งไหมครับ”

“ไม่รบกวนดีกว่าค่ะ”

“หนุ่มน้อย รับนามบัตรน้าไว้ให้แม่ละกันนะ”

เมื่อแม่ไม่รับ ราชันย์หันไปหาลูกและยื่นนามบัตรใส่มือเล็กไว้

“นี่คุณ!”

“รับไว้เถอะครับ ผมรู้สึกผิดจริง ๆ”

นาเดียรับไว้ตามมารยาท

“ขอตัวนะคะ”

พูดจบ เธอก็อุ้มลูกเดินจากไป

... เหมือนนาเดียมาก ทั้งคำพูด ท่าเดิน น้ำเสียง กลิ่นกาย แต่คงจำผิดจริง ๆ แหละ... ว่าแต่ตอนนี้เธอจะเป็นยังไงบ้างนะนาเดีย เธออยู่ไหน ทำอะไรอยู่นะ....

“คุณหนูของนมกลับมาแล้ว”

เสียงนุ่มของแม่นมภาดังขึ้นเมื่อรถจาร์กัวขับเข้ามาในบ้าน และคนขับเดินลงมาจากรถ

“คุณหนูของนมโตเป็นหนุ่มหล่อ จำแทบไม่ได้เลย”

แม่นมภาเดินเข้าไปกอดคุณหนูสุดที่รักของเธอแน่น

“นมก็ยังคงสาวและสวยไม่สร่างเลยนะครับ”

“ปากหวานไปละค่ะคุณหนู”

“หว้า เบื่อจังคนรู้ทัน”

“ไปค่ะ เข้าบ้าน นมเตรียมน้ำอุ่นไว้ให้คุณหนูอาบบนห้องแล้วนะคะ”

ราชันย์หอมแก้มแม่นมฟอดใหญ่ก่อนจะพูดว่า

“คิดถึงนมที่สุด”

“นมก็คิดถึงคุณหนูค่ะ ไปค่ะ เข้าบ้านกัน คุณหนูจะได้พักผ่อน”

“ป๊า??”

“อีกสองสามชั่วโมง ท่านน่าจะกลับค่ะ”

นมภาพาราชันย์เดินเข้าบ้าน

“หิวไหมคะ”

“ไม่ครับ ผมทานบนเครื่องมาบ้างแล้ว”

“งั้นคุณหนูนอนพักซักหน่อยนะคะ เดี๋ยวนมมาตามถ้าอาหารเย็นพร้อมแล้ว ยังมีเวลาอีกสามสี่ชั่วโมง”

“ครับ”

ก่อนนมภาจะเดินจากไป ราชันย์โผล่เข้าไปกอดเธอด้วยความคิดถึงและดีใจที่ได้กลับมาอยู่บ้านซักทีหลังจากจากบ้านไปเรียนต่อที่อังกฤษกระทันหันนานกว่า 6 ปี

“ยังตกใจอยู่ไหมลูก”

“ไม่แล้วครับ”

นาเดียกอดลูกชายหัวแก้วหัวแหวนแน่นอีกครั้งก่อนที่จะหยิบกระเป๋าโรงเรียนเล็กใส่หลังให้ของหนุ่มน้อย

“โอเค งั้นเดี๋ยวตอนเย็นเราเจอกันนะครับ”

“ครับ”

“สวัสดีค่ะคุณแม่นาเดีย”

คุณครูเดินออกมารับหนุ่มน้อยหน้าประตูโรงเรียนเหมือนทุกเช้า

“สวัสดีค่ะคุณครู ฝากคิงด้วยนะคะ พอดีเมื่อเช้ามีอุบัติเหตุนิดหน่อย โทรมาหาเดียได้ตลอดเวลานะคะ”

“ไม่ต้องห่วงนะคะคุณแม่... ไปครับ เข้าโรงเรียนกันดีกว่าเนอะ”

คุณครูพาเด็กชายคิงเดินเข้าไปในโรงเรียน นาเดียมองลูกชายเดินหายลับไปก่อนที่ตัวเองจะเดินต่อไปที่ทำงานที่อยู่ไม่ไกลจากโรงเรียนลูก

“นี่มันหมายความว่ายังไงเหรอคะบอส เดียทำงานบกพร่องตรงไหนเหรอคะ”

“ผมต้องการเลขาที่ไม่มีข้อผูกมัดใด ๆ”

“บอสไล่เดียออกกะทันหันแบบนี้ แล้วเดีย..” ก่อนที่เธอจะได้พูดต่อ

“นี่ หวังว่าจะพอใช้ก่อนคุณได้งานใหม่นะ คนเก่งอย่างคุณ คงหางานใหม่ได้ไม่ยากหรอก” ซองจดหมายน้ำตาลตุงถูกยื่นมาให้คุณเลขา

นาเดียไหว้รับซองน้ำตาลและเดินออกจากห้องบอสมาที่โต๊ะทำงานตัวเอง

กริ๊ง!!! เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้นทันทีที่เธอนั่งลงบนเก้าอี้

“สวัสดีค่ะคุณครู คิงเป็นอะไรหรือเปล่าคะ... ได้ค่ะ เดี๋ยวเดียไปเดี๋ยวนี้ค่ะ ขอบคุณค่ะ”

นาเดียไม่มีเวลามานั่งเสียใจกับความจริงที่ว่าเธอเพิ่งเสียงานที่เป็นรายได้เดียวไป เธอรีบเก็บของส่วนตัวจากโต๊ะทำงานใส่กระเป๋าและบึ่งตัวออกจากบริษัทโดยไม่ได้ร่ำลาใคร เธอมุ่งหน้าไปที่โรงเรียนลูกทันที

ที่หน้าโรงเรียนมีคิงและคุณครูยืนรอเธออยู่

“แม่!!!”

คิงวิ่งไปไปหาแม่ทันทีที่เห็นหน้า

“แม่อยู่นี่แล้วครับ ไม่ต้องกลัวนะ”

“สวัสดีค่ะคุณแม่ น้องร้องหาแม่ไม่หยุดเลยและก็พูดแต่ว่า กลัว กลัว กลัว ครูเลยต้องโทรรบกวนคุณแม่”

“ไม่เป็นไรค่ะคุณครู ขอบคุณมากนะคะ”

คุณครูเดินกลับเข้าไปในโรงเรียน ปล่อยให้แม่ลูกจัดการปัญหากัน

“คิงกลัวครับ”

“แม่อยู่นี่แล้วลูก”

นาเดียดึงลูกเข้ามากอด ตัวคิงสั่นเพราะความกลัว ยังคงช็อคอยู่จากเหตุการณ์เมื่อเช้า

“วันนี้แม่ไม่ต้องทำงาน เราไปกินไอศกรีมกันดีไหมครับ”

คิงพยักหน้า พร้อมกับเอามือน้อย ๆ ของตัวเองขึ้นปาดน้ำตาและขี้มูกบนหน้าออก

นาเดียอุ้มลูกชายขึ้นก่อนที่จะเดินไปที่ร้านไอศกรีมร้านประจำที่ไม่ห่างจากโรงเรียนมากนัก

“สวัสดีค่ะ ร้านไอศกรีมไอรินยินดีต้อนรับค่ะ”

เจ้าของร้านทักทายลูกค้าที่เพิ่งเปิดประตูเข้าร้านมา

“อ้าวยัยเดีย มาแต่หัววันเลยวันนี้”

“สวัสดีครับป้ารินก่อนลูก”

คิงยกมือขึ้นไหว้ทักทายป้าคนสนิท

“สวัสดีครับหนุ่มหล่อของป้า พอดีเลย วันนี้ป้าทำไอติมรสใหม่ ใครอยากลองชิมบ้าง”

“คิง คิง คิง”

เมื่อมีคนเอาของโปรดมาล่อ เด็กหนุ่มน้อยถึงกับลืมความกลัวไปชั่วขณะ

ไอรินเดินไปตักไอศกรีมมาให้หลานชาย

“นี่ครับ ค่อย ๆ ทานนะลูก” ไอรินยื่นถ้วยเล็กให้คิงที่ถูกจัดที่นั่งให้อีกโต๊ะนึงไม่ห่างจากโต๊ะของแม่และป้ามาก

“ไหน มีอะไรก็ว่ามา หน้าตานี่อมทุกข์เหมือนแบกโลกทั้งใบไว้คนเดียวยังไงอย่างนั้น”

“เห้อ ก็ไม่ได้อยากแบกหรอกนะโลกทั้งใบเนี่ย แค่ที่แบกอยู่ก็หนักจะแย่ละ เมื่อเช้าตอนเดินมาส่งลูกที่โรงเรียน เกือบโดนรถชน”

“เห้ยแก แล้วแกเป็นอะไรหรือเปล่า คิงอ่ะ”

“กายไม่เท่าไร แต่ใจอะดิ โดยเฉพาะคิง กลัวจนไปโรงเรียนไม่ได้ ฉันถึงได้พามาที่นี่แหละ”

“แกกับลูกไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว ว่าแต่....ตอนนี้ยังเป็นเวลาทำงานของแกอยู่ใช่เหรอ นายขี้เหนียวของแกปล่อยให้แกมาเตร็ดเตร่แบบนี้ได้ด้วยเหรอ”

นาเดียคว้าซองสีน้ำตาลในกระเป๋าออกมายื่นให้เพื่อนสาว สายตาของไอรินเพิ่งได้สังเกตเห็นกระเป๋าที่เต็มไปด้วยเครื่องเขียนและเอกสารงาน

“เดี๋ยวนะ นี่แกอย่าบอกนะว่าแก..”

นาเดียพยักหน้าแทนคำตอบ

“โถ ยัยเดีย”

ไอรินโผล่ตัวเข้ากอดเพื่อนสาวด้วยความเห็นใจ

อ้อมกอดของเพื่อนคนสนิทสะกิดต่อมน้ำตาของเธอให้แตกพรากออกมาเหมือนน้ำตก นาเดียซุกหน้าเข้ากลางหน้าอกไอรินเพื่อบังไม่เห็นลูกชายเห็น

เธอร้องไห้แบบไม่มีเสียง มีแต่น้ำตาที่ไหลอาบแก้มขาวนวลเพราะความอึดอัดใจ บวกกับความจริงที่ว่า เงินในซองสีน้ำตาลอาจจะมากพอสำหรับเธอและลูกในการใช้จ่ายประจำวันได้ประมาณสองสามเดือนถ้าเธอไม่ได้มีหนี้ที่กองท่วมหัวที่รวมอยู่ในค่าใช้จ่ายรายเดือนที่เธอต้องจ่ายให้กับธนาคาร

ตั้งแต่เธอตัดสินใจเก็บลูกชายไว้ เธอตัดสินใจยื่นขอเงินกู้จากธนาคารเพื่อนำมาใช้จ่ายเลี้ยงดูลูกชายคนนี้อย่างดีโดยไม่รับความช่วยเหลือจากใคร จนมาถึงวันนี้เธอก็ยังผ่อนหนี้ไม่หมด ไอรินรู้เรื่องนี้ดีเพราะเธอเป็นคนเซ็นค้ำประกันหนี้ก้อนนี้ให้นาเดียเองกับมือ

“แล้วแกจะเอายังไงต่อ”

นาเดียเช็ดคราบน้ำตาบนหน้าออก สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ เพื่อเรียกสติ ก่อนที่เงยหน้าขึ้นมาคุยกับเพื่อน

“เดินหน้าต่อ หนักกว่านี้ก็เจอมาแล้ว”